เกียวโดนิวส์รายงาน (19 ก.ค.) จีนได้เริ่มการทดสอบรังสีปนเปื้อนแบบครอบคลุมกับอาหารทะเลที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ความเคลื่อนไหวซึ่งถูกมองว่าเป็นการกดดันแผนการที่จะปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีผ่านการบำบัดแล้วจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะของญี่ปุ่นลงสู่ทะเล
แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับความสัมพันธ์ทวิภาคีกล่าวเมื่อวันอังคารว่า มาตรการตรวจสอบรังสีที่นำมาใช้เมื่อต้นเดือนนี้ทำให้ขั้นตอนทางศุลกากรยืดเยื้อ ส่งผลให้ธุรกิจบางแห่งในจีนยกเลิกการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น และกระทรวงการต่างประเทศกับฟาร์มของญี่ปุ่นได้เริ่มหารือถึงวิธีการแก้ไขปัญหา
โตเกียวมีเป้าหมายที่จะเริ่มปล่อยน้ำจากฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทรในช่วงฤดูร้อน แต่จีนคัดค้านแผนดังกล่าวอย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ศุลกากรของจีนกล่าวในแถลงการณ์ว่า พวกเขาจะ "รักษาระดับการระแวดระวังในระดับสูง" และ "ใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดอย่างทันท่วงทีตามการพัฒนาของสถานการณ์"
การทดสอบแบบครอบคลุมใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์สำหรับสินค้าแช่เย็นเพื่อผ่านด่านศุลกากร และประมาณ 1 เดือนสำหรับอาหารทะเลแช่แข็ง แหล่งข่าวกล่าวว่า การตรวจสอบรังสีของอาหารทะเลได้ดำเนินการในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ไม่มีในประเทศจีน
นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ฟุกุชิมะในปี 2554 ซึ่งเกิดจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ จีนได้ห้ามนำเข้าอาหารจากฟุกุชิมะ และอีก 9 จังหวัดของญี่ปุ่น หากการปล่อยน้ำเริ่มขึ้น ปักกิ่งอาจควบคุมการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
ร้านอาหารญี่ปุ่นในเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ปลาทูน่านำเข้าจากสเปน เนื่องจากการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นหยุดไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ตัวแทนจำหน่ายในเซี่ยงไฮ้แจ้งให้ลูกค้าทราบว่า ได้ระงับการนำเข้าและจัดส่งปลาสดจากญี่ปุ่นในวันจันทร์ มีแผนจะส่งเจ้าหน้าที่ไปต่างประเทศเพื่อหาแหล่งจัดซื้ออื่น
ทั้งนี้ ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ มีน้ำกัมมันตภาพรังสีจำนวนมหาศาลในกระบวนการหล่อเย็นเศษเชื้อเพลิงที่หลอมละลาย
น้ำได้รับการบำบัดที่โรงงานเพื่อกำจัดสารปนเปื้อนส่วนใหญ่ ยกเว้นไอโซโทป และเก็บไว้ในถังที่ติดตั้งในอาคาร แต่ถังเหล่านี้ใกล้จะเต็มความจุแล้ว ซึ่งการสะสมของน้ำอย่างต่อเนื่องอาจขัดขวางความคืบหน้าในการรื้อถอนเครื่องปฏิกรณ์ เว้นแต่ว่าจะถูกระบายลงทะเล