เกียวโดนิวส์รายงาน (23 มิ.ย.) อ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่นวางแผนที่จะใช้แนวทางใหม่ที่อนุญาตให้โรงเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายจำกัดการใช้ปัญญาประดิษฐ์ เช่น ChatGPT เพื่อช่วยกำหนดแนวคิดเพื่ออำนวยความสะดวกในการอภิปรายในห้องเรียน ท่ามกลางการใช้งานอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงจะไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องมือนี้แบบครอบคลุม โดยร่างแนวทางระบุว่าไม่ควรใช้ generative AI ในการสอบที่วัดผลการเรียนของนักเรียน หรือใช้อย่างอิสระโดยนักเรียนโดยที่ไม่ทราบแนวโน้มและข้อจำกัดของเทคโนโลยี
นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าการใช้ปัญญาประดิษฐ์เขียนบทกวี หรือไฮกุ หรือในกิจกรรมทางศิลปะโดยไม่พิจารณาอย่างรอบคอบนั้นไม่เหมาะสม
แหล่งข่าวกล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีกำหนดจะเผยแพร่แนวปฏิบัติอย่างเร็วที่สุดในเดือนกรกฎาคม หลังจากรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และทำการแก้ไขที่จำเป็น
ร่างดังกล่าวระบุว่า สิ่งสำคัญคือต้อง "บ่มเพาะความสามารถในการใช้ generative AI อย่างรอบคอบ" แต่แนะนำให้ใช้อย่าง "จำกัด" โดยคำนึงถึงผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นกับทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน ตลอดจนความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล และการละเมิดลิขสิทธิ์
นอกจากนี้ ครูยังต้องบอกนักเรียนด้วยว่า หากส่งเรียงความที่เขียนโดย generative AI เป็นงานในชั้นเรียนหรือส่งเข้าประกวดด้วยตนเอง จะถูกพิจารณาว่าเป็นการโกง
แนวปฏิบัตินี้เน้นย้ำว่าครู และนักเรียนควรระวังที่จะไม่ป้อนข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นความลับลงในโปรแกรมสร้าง AI ในขณะที่ตระหนักถึงความเสี่ยงของการละเมิดลิขสิทธิ์ หากข้อความหรือรูปภาพที่สร้างขึ้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณะนอกห้องเรียน เช่น บนเว็บไซต์ของโรงเรียน
ทั้งนี้ โรงเรียนสนับสนุนการใช้ generative AI เพื่อลดภาระงานของครู เช่น การร่างโปรแกรมกิจกรรมสำหรับวันกีฬาสี ทำข้อสอบ หรือเขียนประกาศถึงผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม ในกรณีเหล่านั้นครูจำเป็นต้องแก้ไขและตรวจสอบเนื้อหาด้วย
ChatGPT ซึ่งพัฒนาโดย OpenAI บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และโปรแกรมสร้าง AI อื่นๆ ใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากอินเทอร์เน็ต และสามารถประมวลผลและจำลองการสนทนาที่เหมือนมนุษย์กับผู้ใช้ หรือสร้างภาพตามคำแนะนำของผู้ใช้