xs
xsm
sm
md
lg

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิภาค 4 ลม ตอน พยานการประลองยุทธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นวนิยายอิงประวัติศาสตร์
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา


1
อาเกมิตกตะลึง เบิกตากลมโตจ้องหน้าเจ้าหนุ่มมาตาฮาจิคล้ายไม่เชื่อหู
และพอรู้สึกตัวขึ้นมาได้จึงทวนถาม
“อะไรนะ ไปเอโดะรึ”
มาตาฮาจิกระชับมือที่โอบไหล่นางก่อนเอ่ยเชิงโน้มน้าวใจ
“ถ้าเจ้าไปด้วยก็ไม่จำเป็นนักหรอกว่าจะต้องเป็นเอโดะ แต่ข้าได้ยินเขาเล่าลือกันนักหนาว่าจากนี้ไปเอโดะที่ภาคพื้นคันโตทางตะวันออก จะกลายเป็นศูนย์กลางการปกครองของญี่ปุ่น เมืองที่เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งใหญ่โตมาจนทุกวันนี้อย่างโอซากาและเกียวโตจะกลายเป็นเมืองเก่าล้าหลังในอีกไม่ช้า ตอนนี้ที่เอโดะกำลังมีการก่อสร้างกันยกใหญ่ทั้งปราสาทเอโดะที่เป็นฐานการปกครองแห่งใหม่ของท่านโชกุน และบ้านเรือนร้านค้า ข้าจึงคิดว่าเราควรมุ่งหน้าไปที่เมืองใหม่แห่งนี้โดยเร็ว เพราะใครถึงก่อนจะต้องพบช่องทางหากินดี ๆ ได้ก่อนคนอื่น ข้ากับเจ้าตกที่นั่งห่านป่าหลงฝูงเหมือนกัน แล้วทำไมเราจะไม่ไปแสวงโชคด้วยกันล่ะ อาเกมิ...ไปกันเถอะนะ”
ยิ่งฟังอาเมกิก็ยิ่งตื่นเต้น มาตาฮาจิได้ทีจึงสาธยายต่อถึงความกว้างขวางของโลกที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า และพลังหนุ่มสาวที่สามารถพลักผันความเป็นไปไม่ได้ทั้งปวงให้เป็นจริงขึ้นมา
“เรามาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ด้วยกัน อยากทำอะไรก็ลงมือทำเลย ไม่เช่นนั้นชีวิตจะไร้ความหมายอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ หนุ่มเป็นสาวที่มีพลังเหลือเฟืออย่างเรา หากรวบรวมความกล้าหาญเข้าด้วยกันแล้ว จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร เราต้องกล้าคิดกล้าเสี่ยงทุกทางที่จะทำได้ จะมัวเงียบหงิมเป็นคนดี ซื่อตรง สุภาพเรียบร้อยอยู่เป็นไม่ได้การแน่ มีแต่จะถูกผลักให้หลีกและทิ้งไว้ข้างหลัง แม้โชคชะตาก็ดูเหมือนจะไม่ปราณี ไม่เห็นเปิดทางให้คนดีได้ดีอย่างที่สั่งสอนกันมาเลย มีแต่จะเยาะเย้ยและประชดประชัน
ข้าเองเจอมามากแล้ว และเจ้าล่ะอาเกมิ เจ้าตกเป็นทาสอารมณ์ของโอโคแม่ของตัวเอง แล้วยังชายชื่อเซจูโรที่ทำให้เจ้าช้ำชอกเหลือแสนนั่นอีก เจ้าไม่ดีเองที่อ่อนแอปล่อยตัวให้เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ร่ำไป แต่ต่อจากนี้เจ้าจะต้องปรับตัวเสียใหม่ให้มีความกล้าหาญและเป็นฝ่ายกระทำ เราต้องอยู่รอดในโลกนี้ให้ได้ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง เข้าใจนะอาเกมิ”
“... ... ...”
จิตใจของสาวน้อยอาเกมิอ่อนไหวไปตามคำของมาตาฮาจิ จริงอย่างที่เจ้าหนุ่มพูดทุกอย่าง ดวงชะตาผกผันให้นางต้องจากโรงน้ำชาโยโมงิมาระเหเร่ร่อนออกมาเผชิญแต่สิ่งเลวร้ายอยู่คนเดียวในโลก และมาตาฮาจิก็ต้องระเห็ดออกมาเช่นกัน อาเกมิรู้สึกได้จากคำพูดคำจาว่ามาตาฮาจิดูแกร่งกล้าสมชายกว่าแต่ก่อนมาก
แต่ ในใจของสาวน้อยยังมีเงาของภาพมายาที่ยากจะลบทิ้งไปแวบวาบขึ้นมาเป็นครั้งคราว เจ้าของเงานั้นจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากมูซาชิ...ทาเกโซชายในดวงใจของนางคนนั้น
แม้รู้ตัวว่าความหลงใหลของตนนั้นโฉดเขลา ไม่ผิดอะไรกับอยากกลับไปที่ซากบ้านซึ่งถูกไฟไหม้วอดวายสิ้นแล้ว เพียงเพื่อได้เห็นแค่ถ่านเถ้าก็ยังดี แต่นางก็ตัดใจไม่ขาดจากทาเกโซ
“ไม่อยากไปกับข้ารึ”
“... ... ...”
อาเกมิส่ายหน้า
“ถ้าไม่มีอะไรขัดข้อง ก็ไปกันเถอะ”
“แต่ มาตาฮาจิ แล้วแม่ของท่านล่ะ จะทำยังไง”
“แม่ใช่ไหม”
มาตาฮาจิมองขึ้นไปบนหน้าผา
“แม่ข้าไม่มีปัญหาอะไร พอได้อะไรที่เป็นเครื่องหมายว่าได้ล้างแค้นทาเกโซแล้ว แม่ก็กลับบ้านนอกไปเอง แต่ที่ แน่ ๆ คือต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่พักหนึ่งเมื่อรู้ตัวว่าถูกทิ้งไว้กลางป่าคนเดียว เหมือนแม่เฒ่าชราภาพที่ลูกแบกมาทิ้งไว้ให้ตายอยู่คนเดียว แต่พอได้คิดว่าข้าออกเดินทางไปตั้งเนื้อตั้งตัวอย่างลูกผู้ชายคนหนึ่งเสียที ก็คงหายโกรธ เรารีบไปกันดีกว่า”
มาตาฮาจิว่าแล้วก็ออกเดินดุ่ม ๆ นำหน้าไป แต่ก็ถูกอาเกมิที่ยังลังเลอยู่ร้องเรียกเอาไว้
“มาตาฮาจิ ไปทางอื่นดีกว่า ทางนั้นมัน...”
สาวน้อยทำเสียงอ้อน
“ทำไมรึ”
“ถ้าปีนขึ้นไปทางนั้น ก็ต้องผ่านไหล่เขานั่นอีกน่ะซี”
“ฮะ ฮะ ฮะ กลัวว่าผู้หญิงปากฉีกถึงใบหูจะออกมาหลอกอีกละซี ข้าอยู่ด้วยทั้งคนไม่ต้องกลัว แต่โอ๊ะ...ถ้าจะไม่ได้การ เสียงแม่เฒ่าร้องเรียกโหวกเหวกอยู่บนโน้น แม่ข้าน่ากลัวยิ่งกว่านางปีศาจร่างแคระของเจ้าหลายเท่านัก รีบไปกันเถอะอาเกมิ ขืนถูกจับได้ต้องแย่แน่”
กว่าแม่เฒ่าที่รอลูกชายอยู่จนเหนื่อยเพลียจะส่งเสียงเรียกโหยหวนขึ้นอีก เงาดำ ๆ ของชายหนึ่งหญิงหนึ่งก็เคลื่อนตัววูบวาบแฝงตัวผ่านโขดหินลึกเข้าไปในป่าทางด้านสันเขาเสียแล้ว
“มาตาฮาจิ เจ้าลูกชายตัวดี หายไปไหน”
แม่เฒ่าร้องเรียกพลาง ออกเดินงุ่มงามไร้จุดหมายไปในความมืดสลัว

2
สายลมโชยผ่านป่าไผ่
นกน้อยลืมตาตื่นและร้องเพรียกหากันทั้งที่ฟ้ายังมืดเกินจะโบยบิน
“ช้าก่อน ข้าเอง โคจิโรผู้มาเป็นพยาน”
ซาซากิ โคจิโร ที่วิ่งโลดมาแต่ไกลร้องห้ามพลางหอบจนตัวโยน เมื่อเห็นแมกไม้รอบตัวเคลื่อนไหว
เสียงฝีเท้าวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อม ใบหน้าของนักดาบสำนักโยชิโอกะแต่ละคนอ่อนระโหยโรยแรง
“ท่านโคจิโรเองรึ”
เก็นซะนักดาบผู้เฒ่าแห่งมิบุถลันออกมาร้องถาม
“มูซาชิยังไม่มารึ”
“ข้าเพิ่งพบเจ้านักดาบพเนจรเมื่อกี้นี้เอง”
โคจิโรทิ้งท้ายเสียงสูง แล้วกวาดตามองนักดาบแต่ละคนที่ห้อมล้อมอยู่
“ข้าพบกับมูซาชิ แต่ไม่รู้ว่าเจ้านั่นคิดอะไร เพราะพอเดินด้วยกันมาได้ไม่นาน อยู่ ๆ ก็หายหัวไปไหนสียเฉย ๆ”
นักดาบหุ่นสำอางยังพูดไม่ทันจบ มิอิเกะศิษย์เอกแห่งสำนักดาบโยชิโอกะก็สอดขึ้นเสียงกร้าว
“ท่านกำลังบอกว่าเจ้านั่นหนีไปอย่างนั้นรึ”
“ไม่ใช่เช่นนั้น”
โคจิโรพูดต่อด้วยเสียงที่พยายามระงับไม่ให้สั่นไหว
“ฟังจากน้ำเสียงที่พูดกับข้าและท่าทางที่สงบนิ่งแล้ว คิดว่าเจ้านักดาบผู้นั้นไม่ได้หนีอย่างที่ท่านคิด และที่อยู่ ๆ ก็หายไปนั้นคิดว่าคงมีแผนที่แยบคายอะไรอยู่ในใจที่ไม่อยากแพร่งพรายให้ข้ารู้ ดังนั้นข้าคิดว่าไม่ควรประมาทเป็นอย่างยิ่ง”
“แผนแยบคาย แผนอะไรรึ”
นักดาบที่เข้ามากลุ้มรุมอยู่รอบข้างต่างมองหน้ากัน แล้วเบนสายตาไปจับจ้องที่โคจิโรเป็นตาเดียวกัน รอฟังคำตอบแทบไม่หายใจ
“ข้าคิดว่าอาจมีดาบมือสองของมูซาชิหลาย ๆ คนซุ่มคอยอยู่ที่ไหนสักแห่งคอยจังหวะที่จะเข้ามารวมตัวกันรับมือกับพวกเรา หรืออาจจะวางแผนจู่โจมเราก่อนก็ได้”
“อืม ก็น่าคิด”
นักดาบผู้เฒ่าแห่งมิบุพึมพำ
“ถ้าอย่างนั้นอีกไม่นานก็น่าจะมาถึง”
มิอิเกะศิษย์เอกคิดได้ดังนั้นก็รีบสั่งบรรดานักดาบที่กรูออกมาจากที่ตั้งมั่น กลับเข้าที่เข้าทางบนต้นไม้บ้างตามสุมทุมพุ่มไม้บ้างทันที
“กลับเข้าที่เดี๋ยวนี้เลย ถ้ามูซาชิเกิดจู่โจมเข้ามาตอนเรากระจัดกระจายเช่นนี้จะต้องแย่แน่ เราไม่มีทางรู้ว่าเจ้านั่นจะรวบรวมสมัครพรรคพวกมาได้สักกี่คน แต่คิดว่าคงจะไม่เท่าไร เราทำตามแผนล้างแค้นที่วางไว้แต่เดิมดีอยู่แล้วไม่ต้องหวั่นไหว”
“ใช่”
“จริงด้วย”
นักดาบสำนักโยชิโอกะต่างเห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกัน และแยกย้ายกันไปประจำที่ซุ่มดังเดิม
“ระวังตัวกันให้ดีด้วย คนเราจะพลาดได้ง่ายเมื่อต้องรอศัตรูอยู่นาน อย่าประมาทเป็นอันขาด”
“เข้าประจำที่กันให้พร้อมเพรียงเลยทุกคน”
ข้าพร้อมแล้ว ข้าก็พร้อม
ต่างคนต่างขานรับกันและกัน พร้อมกับส่งเสียงเรียกพลังกันก้องไปทั้งป่า แล้วแยกย้ายกันไปซุ่มในสุมทุมพุ่มไม้ แฝงเงาต้นไม้ใหญ่ ส่วนพลธนูปีนขึ้นไปประจำที่บนคาคบเช่นเดิม
โคจิโรหันไปเห็นเก็นจิโรทายาทหนุ่มน้อยของตระกูลโยชิโอกะยืนนิ่งอยู่เหมือนตุ๊กตาฟางอยู่ตรงนั้น จึงร้องถามไปว่า
“ง่วงรึ”
เก็นจิโรสั่นหัวดิก โคจิโรตบศีรษะเบา ๆ หนุ่มน้อยด้วยความเอ็นดู
“งั้นก็คงหนาว ริมฝีปากเขียวเชียว วันนี้เจ้าจะต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสำนักดาบโยชิโอกะ จึงต้องทำตัวทำใจให้เข้มแข็งและกล้าหาญ อดทนต่อไปอีกไม่นานเจ้าก็จะได้เห็นเหตุการณ์ที่ตื่นระทึกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าเองก็ต้องไปหาที่ดูให้เห็นชัด ๆ”
โคจิโรพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนเดินจากไปทางหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น