สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ผมได้อ่านข่าวที่มีคนคุยกันใน SNS บอกว่าวัยหนุ่มสาวที่เมืองจีนหางานทำกันยากมากเพราะไม่มีงานให้ทำ กลับกันกับที่ญี่ปุ่นที่มีข่าวว่ามีบริษัทไต้หวันมาเปิดโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ขนาดใหญ่โตมากที่จังหวัดคุมาโมโตะ แต่กลับหาคนหนุ่มสาวทำงานไม่ได้!! เป็นประเด็นพูดคุยกันว่านี่แรงงานญี่ปุ่นถูกกว่าต่างประเทศแล้วนะ แถมไม่มีคนอายุน้อยมาทำงานอีก! โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริงๆ จากยุคก่อน
ไม่ใช่แค่โรงงานเซมิคอนดักเตอร์นี้เท่านั้น ยังมีข่าวว่ามีโรงงานสร้างใหม่ที่ญี่ปุ่นอีกหลายที่หลายบริษัท เช่น โรงงานของโซนี่ที่นางาซากิ ก็หาแรงงานคนทำงานไม่ได้ และที่จังหวัดคุมาโมโตะ เองกำลังจะมีการลงทุนสร้างโรงงานอีกหลายๆ โรงงาน แต่คิดว่าน่าจะไม่มีแรงงานคนหนุ่มสาวมาทำงาน เสียดายที่รุ่นผมไม่มีแบบนี้ ผมเองยังอยากทำเลยครับ
ประเด็นที่ว่ามีโรงงานสร้างใหม่เกิดขึ้นเยอะมากแต่ทำไมไม่มีคนมาสมัครทำงาน วันนี้ผมจะนำข่าวหนึ่งมาเล่าให้ฟังนะครับ
..โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์อย่างหนัก 60% ของนักเรียนนักศึกษาในคิวชูบอกว่า "ฉันไม่อยากทํางาน"
ในขณะที่ในภูมิภาคคิวชูที่ซึ่งผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) กำลังดำเนินการก่อสร้างและการขยายโรงงานเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ และการสรรหาแรงงานในตลาดแรงงานทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการผลิตจึงน่าจะเป็นประเด็นสําคัญมาก องค์กรรัฐบาลที่ดูแลเกี่ยวกับอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้ระบุว่า กำลังขาดแคลนแรงงานคนประมาณ 1,000 คนต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งฝ่ายบริหาร และสภามหาวิทยาลัยมีความรู้สึกวิกฤตและเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหา
การลงทุนในภูมิภาคคิวชูคิดเป็น 40% ของมูลค่าการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศ เมื่อ TSMC ประกาศว่าจะสร้างโรงงานในจังหวัดคุมาโมโตะ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปี 2021 พันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ในประเทศและต่างประเทศก็พากันย้ายเข้าไปลงทุนในคิวชูเช่นกัน
เมื่อสํานักเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมคิวชูตรวจสอบการลงทุนต่างๆ หลังการประกาศขยายโรงงานของ TSMC พบว่าในฤดูใบไม้ผลินี้มีบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ประมาณ 57 บริษัท คิดเป็น 1,84 ล้านล้านเยน
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถจัดหาทรัพยากรบุคคลได้เพียงพอสําหรับการผลิต เช่น การออกแบบและสายพานผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ 76 องค์กรอุตสาหกรรม-academic เช่น Kyushu Bureau of Economy, Trade and Industry ได้สอบถามไป 791 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ในคิวชูตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วถึงกุมภาพันธ์ปีนี้ พบว่านักเรียนนักศึกษากว่า 60% มีความคิดเห็นว่า "ฉันไม่ต้องการทํางานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์"!
จากการประมาณการความต้องการแรงงานของบริษัททุกบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ในคิวชูในปีงบประมาณ 21 อยู่ที่ประมาณ 2,300 คน แต่มีจำนวนคนไม่เพียงพอตามที่ต้องการ นอกจากนี้ เมื่อคำนวณกำหนดการสรรหาบุคลากรสําหรับปีที่ 23 ถึง 32 คาดว่าจะต้องการมากกว่า 3,000 คนต่อปีและจะขาดแคลนประมาณ 1,000 คนทุกปีๆ ..
⭐︎แล้วที่มาที่ไปของระบบการศึกษา ท้องถิ่นชนบทเป็นอย่างไร ทําไมจึงหาคนทำงานไม่ได้?⭐︎
1.ประการแรก ในประเด็นที่ว่าคนหนุ่มสาวไม่ต้องการทํางานในโรงงานในชนบท?
ก็มาขอปฏิเสธคัดค้านสำหรับประเด็นนี้ว่า ที่นี่ไม่ใช่ชนบทอย่างที่เด็กนักศึกษาพูด! นี่เป็นเมืองที่กําหนดโดยรัฐบาลและยังสามารถเดินทางโดยรถไฟเข้าเมืองคุมาโมโตะ เมืองหลวงของจังหวัดของได้อย่างสะดวกง่ายดาย และพูดตามตรงยังมีความสุขมากกว่านิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ เยอะ (บางนิคมอุตสาหกรรมอยู่ห่างเมืองกว่า 100 กิโลเมตร กว่าจะเดินทางไปยังเมืองที่สามารถหาซื้อของได้) แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตดูเหมือนจะยากสักหน่อยนะถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว
2.อคติในการศึกษาสําหรับคนหนุ่มสาวที่มีจำนวนน้อยกว่าคนวัยอื่นๆ…
คําอธิบาย ที่จริงแล้ววิชาในสายวิทยาศาสตร์ที่ดีและเก่งที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่วิศวกรจากมหาวิทยาลัยโตเกียว แต่เป็นนักศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัยในชนบท และผู้ที่จะกลายเป็นแพทย์ที่ต้องทำงานรับประกันชีวิตของผู้คน และได้ค่าตอบแทนสูง (แม้ในยามภัยพิบัติโคโรนา แพทย์ก็ยังได้เงินดี) ไม่ว่าจะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาหรือไม่ก็ตาม ทั้งในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัยมีภาควิชาที่เกี่ยวกับสวัสดิการสําหรับผู้สูงอายุมากเกินไป (รวมถึงการพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพ) แต่มีภาควิชาที่เกี่ยวกับระบบอุตสาหกรรมเพียงเล็กน้อย ดังนั้น จึงเป็นการยากที่จะจินตนาการว่าโรงงานจะเป็นเส้นทางอาชีพ และเป็นการยากที่คนหนุ่มสาวจะเลือก ... โดยอุดมคติส่วนตัวแล้วพวกเขาอาจคิดว่ามันเป็นการใช้แรงงานขั้นสูงสุด แต่ผมคิดว่างานเกี่ยวกับสวัสดิการการพยาบาลที่คนจำนวนมากจะเลือกมักมีข้อร้องเรียนที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่เสมอ ดังนั้นจึงรู้สึกว่างานสายโรงงานจะสามารถทํางานได้ยาวนานขึ้นมาก ... ( ̆ω ̆)
3.ในช่วงปี ค.ศ.1990-2010 มีการปรับโครงสร้างอย่างดุเดือดในวงการเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ และมีพนักงานหลายคนที่ตกงานและผิดหวังบนถนนสายนี้ (ส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนและผู้สูงอายุ) วิศวกรเก่งๆ หลายคนเข้าไปทำงานในจีน เกาหลี และไต้หวัน และมีชั้นเรียนที่ยอดเยี่ยมที่ถูกหยิบยื่นขึ้นมาโดยบริษัทต่างๆ และให้คํามั่นอย่างแรงกล้าว่าจะโค่นล้มบริษัทญี่ปุ่นจากความฝังใจในอดีต... (`皿 ́# ) หันไปดูนักวิชาการและได้ยินบทสัมภาษณ์จากผู้ปกครองและครูเกี่ยวกับความเจ็บปวดจากการปรับโครงสร้างจากอดีตวิศวกรที่เก่งกาจในสมัยนั้นที่ผันตัวมาสอนในวิทยาลัยเทคนิคและมหาวิทยาลัย เผยว่าแนวคิดของวิศวกรรุ่นเยาว์จะไม่กล้าไปที่สนามเซมิคอนดักเตอร์!
โดยสรุป โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า โรงงานต่างๆ คงจะขอแนะนําและว่าจ้างการจัดหาทรัพยากรบุคคลจากบริษัทใหญ่ๆ และหากสถานการณ์เอื้ออํานวยคนรุ่นผมก็ยังอยากทํางาน (・∀・;) แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันที่หาแรงงานคนทำงานไม่ได้จริงๆ คงต้องถอนหายใจว่า การเดินทางของเวลานั้นช่างรวดเร็วจริงๆ และสถานการณ์ต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน วันนี้เล่าสู่กันฟัง พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ