xs
xsm
sm
md
lg

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิ ภาค 4 ลม ตอน สาวน้อยอาเกมิ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1
​ถ้าแค่เห็นแค่หน้าขาว ๆ แวบผ่านหน้าต่างไป เจ้าหนุ่มมาตาฮาจิก็คงไม่ตกใจอะไรหนักหนา แต่ใบหน้าขาว ๆ นั้นใช่หน้าของสาวน้อยแถวนั้นเสียเมื่อไร
​​“เฮ้ย นั่นมันอาเกมิไม่ใช่รึ”
​มาตาฮาจิปราดไปที่หน้าต่าง อาเกมิหลบแวบไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ด้วยท่วงท่าราวลูกแมวป่าระวังภัย
​​“โธ่เอ๋ย นึกว่าใคร ที่แท้ก็มาตาฮาจินั่นเอง”
​สาวน้อยอาเกมิเบิกตากลมโตของนางจ้องตรงมาที่เจ้าหนุ่ม
​และพอขยับตัว ลูกกระพรวนที่ติดอยู่ที่โอบิผ้าคาดเอวหรือไม่ก็ที่แขนเสื้อกิโมโนมาตั้งแต่ครั้งอยู่ที่ภูเขาอิบูกิ ก็สั่นไหวส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง
​​“อาเกมิ มาทำอะไรที่นี่ ตกใจหมดเลย อยู่ ๆ ก็มาไม่รู้เนื้อรู้ตัว”
​​“อะไรได้ ข้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี่มาตั้งนานแล้ว ท่านต่างหากเป็นยังไงมายังไง”
​​“เออ ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าอยู่ที่นี่ อยู่กับโอโคแม่ของเจ้ารึ”
​​“เปล่า”
​​“อยู่คนเดียว ?”
​​“ใช่”
​​“เจ้าไม่ได้อยู่กับแม่แล้วงั้นรึ”
​​“ใช่ ท่านรู้จักกิองโทจิใช่ไหม”
​​“อือ”
​​“แม่กันนายนั่นหอบผ้าผ่อนตามกันไปอยู่แคว้นอื่นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ข้ากับแม่จากกันตั้งแต่ก่อนหน้านั้นอีก”
​เสียงลูกกระพรวนดังกรุ๋งกริ๋งขึ้นอีกเมื่อสาวน้อยยกมือทั้งค่าขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้กระซิก คงจะเป็นเพราะแสงสลัวสีฟ้าเข้ม ๆ ของเงาไม้ ต้นคอและลำแขนของอาเกมิที่เจ้าหนุ่มเห็นจึงผิดแปลกไปจากแม่สาวน้อยในความทรงจำ ผิวผ่องเป็นนวลใยของสาวบริสุทธิ์แรกรุ่นที่ได้เห็นทุกเช้าค่ำที่บ้านบนภูเขาอิบูกิ และที่โยโมงิยะ ไม่มีให้ได้ชื่นชมอีกแล้ว​
​​“ใครมารึ มาตาฮาจิ”
​แม่เฒ่าโอซุงิร้องถามด้วยความระแวง มาตาฮาจิหันไปบอกแม่ว่า
​​“ลูกสาวบุญธรรมของโอโค ที่ข้าเคยเล่าให้แม่ฟังแล้วไง”
​​“แล้วแม่ลูกสาวบุญธรรมคนนั้นมาแอบอยู่นอกหน้าต่างฟังเราคุยกันทำไม”
​“แม่ล่ะก็คิดอะไรมองอะไรเป็นเรื่องร้ายไปหมด เขาบังเอิญพักอยู่โรงเตี๊ยมเดียวกับเรา แล้วเดินมาเจอกันเข้าก็แวะถามสารทุกข์สุขดิบกัน เท่านั้นเองนะ อาเกมิ”
​“ใช่จ้ะแม่เฒ่า ข้าไม่ได้คิดได้ฝันมาก่อนว่าจะมาเจอท่านมาตาฮาจิที่นี่ แต่ตอนที่ข้าหลงทางมาเจอโรงเตี๊ยมนี้ ข้าเห็นผู้หญิงที่ชื่อโอซือด้วย”
​“โอซือไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าคุยอะไรโอซือรึ”
​“ไม่พูดอะไรกันมาก แต่มาคิดได้ทีหลังว่านางเป็นคู่หมั้นคู่หมายที่รอท่านมาตาฮาจิอยู่ที่บ้านเกิด”
​“อืม ใช่ แต่นั่นมันนานมาแล้ว”
​“แม่บุญธรรมของข้าทำให้ท่านต้องลำบาก...”
มาตาฮาจิรีบเปลี่ยนเรื่อง
​“เจ้าล่ะเป็นยังไงมายังไงหลังจากนั้น ยังไม่มีลูกมีผัวรึ ดูเจ้าเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
​“แม่บุญธรรมทำให้ข้าต้องตกระกำลำบากจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ข้าพยายามอดทนมาตลอดเพราะคิดถึงบุญคุณที่นางเลี้ยงข้ามาจนโต แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้เกิดเรื่องที่ข้าทนไม่ได้อีกต่อไป ข้าจึงหนีเตลิดมาคนเดียวจากซุมิโยชิที่ไปเที่ยวกันอยู่กับอีกหลาย ๆ คน”
​“โอโคทำให้ข้ากับเจ้าเจ็บช้ำ ทำลายอนาคตของเราที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวเสียป่นปี้ คอยดูเถอะ ในที่สุดนางก็จะต้องชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้กับเราและคนอื่น ๆ”
​“ข้าไม่รู้เลยว่าจากนี้ต่อไป จะทำยังไงกับชีวิต”
​“ข้าเองก็มืดแปดด้าน ข้าอยากจะแก้แค้นนางให้สาสม แต่...อึดอัดเหลือเกินที่ทำอะไรไม่ได้ ดีแต่คิดเท่านั้นเอง”
​แม่เฒ่าโอซุงิเก็บข้ามเก็บของใส่ห่อผ้าเรียบร้อยแล้ และพอเห็นชายหญิงทั้งสองที่กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกัน ยังปรับทุกข์ข้ามหน้าต่างกันไม่เลิก นางก็ทำเสียงจึ๊กจั๊ก
​“มาตาฮาจิ มาตาฮาจิ มัวแต่พูดอะไรไร้สาระกับนางอะไรนั่นอยู่ได้ เราต้องออกจากโรงเตี๊ยมคืนนี้แล้ว ทำไมไม่รีบเก็บของ”
2
อาเกมิแสดงทีท่าว่ายังอยากคุยต่อ แต่ก็เกรงใจแม่เฒ่าจึงบอกว่า
​​“ท่านมาตาฮาจิ แล้วพบกันใหม่นะ”
​ว่าแล้วก็รีบเดินออกไปจากที่นั่น
​ไม่นานเรือนเล็กก็จุดไฟสว่างขึ้น
​คนในครัวยกถาดอาหารเย็นมาให้พร้อมกับเหล้าสาเก และใบเรียกเก็บเงินค่าที่พักและอาหาร ระหว่างที่สองแม่ลูกรินสุราชนจอกกัน เจ้าของโรงเตี๊ยม แม่ครัว และคนรับใช้ต่างผลัดกันมาร่ำลา
​“คืนนี้ แม่เฒ่ากับลูกชายก็จะจากโรงเตี๊ยมของเราไปแล้ว ขอบคุณท่านมากเลยที่เลือกให้โรงเตี๊ยมเราบริการนานวัน หากมีอะไรขาดตกบกพร่องไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วย วันหน้าวันหลัง หากท่านผ่านมาที่นครหลวงเกียวโต ก็ขอให้เราได้มีโอกาสบริการท่านอีกครั้ง”
​“ขอบใจ ขอบใจ ถ้ามีโอกาสคิดว่าคงจะไมารบกวนเจ้าอีก ข้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว เผลอแผลบเดียวเวลาผ่านไปตั้งสามเดือน”
​​“ใช่ แม่เฒ่าไปเสียอย่างนี้ พวกเราเหงาแย่”
​​“ท่านเจ้าของโรงเตี๊ยม ดื่มเป็นการอำลากับเราสักจอกหนึ่งเถิด”
​​“ขอบใจนะแม่เฒ่า ขอให้เดินทางกลับบ้านเกิดอย่างสวัสดิภาพ”
​​“ยัง...ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับเมื่อไร”
​​“ได้ยินมาว่าแม่เฒ่าจะออกเดินทางกลางคืน มีเหตุผลอย่างไรรึ”
​​“พอดีมีธุระด่วนต้องทำกระทันหัน อ้อ...ใช่ ๆ เจ้ามีแผนที่จากที่นี่ไปหมู่บ้านอิจิโจจิบ้างไหม”
​“หมู่บ้านอิจิโจจิห่างอยู่ไกลออกไปทางแม่น้ำชิราคาวะ เป็นหมู่บ้านในป่าเปลี่ยวใกล้กับภูเขาฮิเอซันโน่นแน่ะ ค่ำมืดแล้วเดินทางไปที่เปลี่ยวอย่างนั้นมันไม่ดี ข้าว่าคอยให้สว่างเสียก่อนค่อยออกเดินทางดีกว่า”
มาตาฮาจิขัดขึ้น
​“จะยังไงก็ช่างเถอะนะท่านเจ้าของโรงเตี๊ยม ช่วยหากระดาษมาเขียนแผนที่จากที่นี่ไปหมู่บ้านอิจิโจจิเท่านั้นพอ”
​“ได้สิท่าน พอดีมีคนรับใช้คนหนึ่งมาจากหมู่บ้านนั้น ข้าจะไปไต่ถามดูและเขียนแผนที่ให้เจ้าใจง่าย ๆ มาให้ แต่ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านอิจิโจจิออกจะกว้างใหญ่อยู่ ท่านรู้แล้วรึว่าจะไปตรงไหน”
มาตาฮาจิดื่มสาเกเข้าไปพอหน้าตึง ๆ แล้วก็ชักรำคาญเจ้าของโรงเตี๊ยมขึ้นมาตะหงิด ๆ จึงพูดเสียงแข็ง
​“ไม่ต้องเป็นห่วงนั่นนี่ให้มากเรื่อง ข้าอยากรู้ทางเท่านั้นว่าจะให้ตรงไปหรือเลี้ยวซ้ายขวาตรงไหน”
​“เข้าใจแล้วขอรับ จะรีบไปเขียนให้เดี๋ยวนี้”
​เจ้าของโรงแรมประสานมือนอบน้อม และพอตั้งท่าจะกลับออกไปนั้นเอง ลูกจ้างของโรงเตี๊ยมสามสี่คนก็วิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา คนที่วิ่งนำหน้ามาถามระล่ำระลัก
​​“วิ่งหนีมาทางนี้หรือเปล่าขอรับ”
​​“อะไร อะไร...ใครหนี”
​​“นางคนที่พักอยู่ห้องในสุดมาหลายวันแล้วคนนั้นน่ะขอรับ”
​​“หนีไปงั้นรึ”
​​“ตอนเย็นยังเห็นอยู่ดี ๆ แต่พอไปดูที่ห้องถึงได้รู้ว่าหายไป”
​​“ไม่อยู่ในห้องงั้นรึ”
​​“ขอรับ”
​​“ไอ้หน้าโง่”
​เจ้าของโรงเตี๊ยมด่าเสียงขรม หน้าตาบูดบึ้งเป็นคนละคนกับที่ประสานมือร่ำลาลูกค้า โค้งแล้วโค้งอีกเมื่อกี้
​“ปล่อยให้หนีไปเสียก่อนแล้วค่อยเอะอะ ไอ้พวกวัวหายล้อมคอก ใช้ให้ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนทำอะไรผิดสังเกตบ้างไม่รู้กันเลยหรือไง ดูก็รู้ว่าไม่มีเงินสักกะแดง ก็ยังปล่อยให้อยู่มาได้ตั้งเจ็ดแปดวัน พอนางหนีไปก็มาโวยวายเอากับข้า ทำการค้าแบบนี้มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง”
​“พวกเราต้องขอโทษนะนายเห็น เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ท่าทางลำบากมาก็เลยสงสาร ไม่นึกว่าจะโดนนางหลอกเอาอย่างนี้”
​“โดนโกงค่าเช่าที่พักไปตั้งหลายวันจะว่ายังไง แต่ก็เอาเถอะสายไปเสียแล้ว ช่วยไม่ได้ รีบไปดูกันดีกว่าทรัพย์สินเงินทองของเรา และของแขกคนอื่นถูกขโมยไปบ้างหรือเปล่า พวกแกนี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ให้ตายเถอะ”
เจ้าของโรงเตี๊ยมโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินกลับที่เรือนใหญ่
3
​สองแม่ลูกรินสุราใส่จอกดื่มรอเวลาให้ถึงยามสอง
​แม่เฒ่ายกถ้วยใส่ข้าวขึ้นมาก่อนแล้วจึงชวนลูกชาย
​​“ดื่มพอแล้วมั๊ง กินข้างเถอะ”
​​“ขออีกจอกเดียว แต่ข้าว ไม่เอาละ” เจ้าหนุ่มบอกพร้อมกับรินสาเกใส่จอก
​​“กินเสียหน่อยสิ ข้าวซาวน้ำชาก็ได้ เดี๋ยวจะหิว”
​ลูกจ้างโรงเตี๊ยมหลายคนถือโคมไฟส่องหาสาวน้อยที่เชิดค่าห้องพักไปตามท้องไร่และตามตรอก แม่เฒ่าเห็นเข้าจึงเปรยขึ้นว่า
​​“ยังจับไม่ได้อีก สงสัยว่าจะเป็นอาเกมิที่เจ้าคุยด้วยทางหน้าต่างเมื่อตอนกลางวัน เมื่อกี้ข้าเกือบจะหลุดปากบอกเจ้าของโรงเตี๊ยมไปแล้ว แต่ไม่อยากยุ่งด้วยเดี๋ยวจะเห็นว่าเป็นพวกเดียวกันก็เลยนิ่งไว้”
​​“คงจะอาเกมินั่นแหละ”
​“ลูกบุญธรรมนางโอโคจะดีไปได้ยังไง อาเกมิก็คงเหลือขอเหมือนนางนั่นแหละ เจ้าก็เหมือนกัน อย่าไปคบหาสมาคมด้วย ทีหลังพบเจอะกันก็ไม่ต้องไปโอภาปราศรัยด้วยจำเอาไว้”
​“แต่คิด ๆ ดู นางเป็นคนน่าสงสารนะแม่”
​“น่าสงสารอะไร ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนอย่างนี้ใช้ได้รึ เช่าที่พักเขาตั้งหลายวันแล้วไม่จ่ายเงิน หัวขโมยชัด ๆ เจ้าเงียบไว้เลยนะ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เอาไว้จนกว่าจะออกเดินทาง”
​“... ... ...”
มาตาฮาจิดูเหมือนจะคิดอะไรอย่างอื่นอยู่ เจ้าหนุ่มขยุ้มผมตัวเองและล้มตัวลงนอน
​“นางหญิงแพศยา ข้าชังน้ำหน้านางเหลือเกินแล้ว นึกขึ้นมาทีไรใบหน้านางก็ผุดขึ้นมาหลอกหลอนทุกที คนที่จะเป็นศัตรูของข้าไปตลอดชีวิตไม่ใช่มูซาชิ ไม่ใช่โอซือ แต่เป็นนางโอโคคนนี้ที่ข้าจะต้องล้างแค้นให้ได้”
แม่เฒ่าโอซุงิได้ยินเข้าก็ดุลูกชายเสียงเกรี้ยวกราด
​“พูดอะไรอย่างนั้น เจ้าฆ่าโอโคให้ได้อะไรขึ้นมา คนที่บ้านเกิดไม่มีใครสรรเสริญเยินยอ วงศ์ตระกูลของเราก็ไม่ได้ชื่อเสียงกลับคืนมา”
​“เฮ้อ ทำไมชีวิตถึงได้ยุ่งยากขึ้นทุกทีอย่างนี้”
เจ้าของโรงเตี๊ยมถือโคมเดินมาที่หน้าบ้าน
​“แม่เฒ่าตีสองแล้วนะ”
​“ขอบใจ งั้นข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้แหละ”
​“จะไปแล้วรึ”
มาตาฮาจิบิดขี้เกียจ
​“จับสาวน้อยที่เชิดค่าที่พักได้รึยัง”
​“ยังไม่ได้ตัวเลย พวกลูกจ้างปรึกษากันว่า เด็กมันน่ารักดีถ้าจับได้จะเอามาใช้งานแทนค่าเช่าที่พักเสียให้คุ้ม แต่สงสัยจะไม่ได้เรื่อง หายหัวไปไหนแล้วไม่รู้ ไวยังกะปรอท”
มาตาฮาจิออกนั่งผูกเชือกรองเท้าแตะฟางอยู่ที่ชานหน้าบ้านพลางหันไปเรียกแม่
​“แม่...มัวทำอะไรอยู่ เร่งข้าแทบเป็นแทบตาย แต่ตัวเองกลับยืดยาดอยู่อย่างนี้ เมื่อไรจะได้ไปกัน”
​“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งเร่งได้ไหม เอ...หายไปไหนหว่า มาตาฮาจิ...ข้าฝากเจ้าไว้หรือเปล่านะ”
​“ฝากอะไร”
​“ก็ถุงเงินน่ะซี ข้าจำได้ว่าวางไว้ข้างห่อผ้านี่นา ข้าเอาเงินที่ผูกไว้กับเอวจ่ายค่าโรงเตี๊ยม และเงินค่าเดินทางใส่ไว้ในถุงผ้า แต่นี่มันหายไปไหนไม่รู้”
​“ข้าไม่รู้ไม่เห็น”
​“มาตาฮาจิ มาดูนี่สิ ที่ห่อผ้านี่มีเศษกระดาษอะไรไม่รู้ผูกไว้ เขียนว่าท่านมาตาฮาจิ อะไรนะ...หนอยแน่ะ ขอโทษนะที่ต้องขอยืมไป ขอให้เห็นแก่ความสัมพันธ์แต่เก่าก่อนของเรา...ขอโทษทำไมฮึ”
​“ก็อาเกมิเป็นคนเอาเงินของแม่ไปน่ะซี”
​“อะไรนะ ขโมยเงินเขาไป แล้วเขียนจดหมายขอโทษเอาไว้งั้นรึ ทำได้ยังไง เจ้าของโรงเตี๊ยมมานี่เลย ลูกค้าถูกขโมยเงินไปอย่างนี้ เจ้าของโรงเตี๊ยมจะต้องรับผิดชอบ จะชดเชยยังไงจงว่ามา”
​“อะไรกัน แม่เฒ่ากับนางเด็กที่เชิดค่าโรงแรมเป็นคนรู้จักกันมาก่อน และเมื่อเป็นเช่นนี้ทางเราต่างหากที่เป็นฝ่ายมีสิทธิเรียกเก็บเงินที่นางคนนั้นเชิดไปจากแม่เฒ่า”
พอเจ้าของโรงเตี๊ยมพูดเช่นนั้น แม่เฒ่าโอซุงิก็ทำตาประหลับประเหลือกแฃ้วเบือนหน้าไปทางอื่น
​“พูดยังงั้นได้ยังไง ข้าไม่รู้จักนางโจรนั่นสักหน่อย มาตาฮาจิมัมทำอะไรอยู่ เร็ว ๆ เข้าสิ มัวแต่โอ้เอ้เดี๋ยวไก่ก็จะขันเสียก่อน ไม่ทันการกันพอดี"


กำลังโหลดความคิดเห็น