xs
xsm
sm
md
lg

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิ ภาค 4 ลม ตอน อย่าว่าคนเมา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นวนิยายอิงประวัติศาสตร์
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา



1
ถึงกระนั้นมิตซุฮิโระก็ยังรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่เหมือนเชื้อพระวงศ์วัยหนุ่มอีกหลายๆคนอย่าง อาซุไกมาซาทากะ ทากุไดจิซาเนฮิซะ และคาซันโนะอิน ทาดานางะ ที่หลงใหลเสน่หามายาของสำนักนางโลมโองิยะแห่งนี้และยึดเป็นที่ฝากใจให้คลายทุกข์ที่รุมเร้าในโลกแห่งความเป็นจริง จนน่าฉงนว่ามากันแทบทุกวันได้อย่างไรในเมื่อไม่มีเงินมีทองอย่างพวกนักรบซามูไร
คืนนี้ มิตซุฮิโระมากับโคโนเอะ โนบุทาดะ อายุมากกว่าตนราวสิบปี ชายผู้นี้เป็นคนรูปร่างหน้าตาดีมีสง่าราศี หน้าตาคมสันคิ้วเข้มเคร่งขรึม แผลเป็นจาง ๆ บนใบหน้าสีคล้ำที่อาจมองว่าเป็นตำหนินั้นกลับทำให้ดูน่าเกรงขาม
และถ้าผู้ใดไม่รู้ก็จะบอกให้ว่าแผลเป็นจาง ๆ เช่นนี้ไม่ใช่ตำหนิแต่กลับเป็นเสน่ห์ เฉกเช่น มินาโมโตะ-โนะ-ซาเนโตโมะผู้ได้ชื่อว่าเอกบุรุษแห่งคามากูระ
โคโนเอะ โนบุทาดะไม่เคยวางท่าโอ้อวดว่าตนมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในราชสำนัก ทุกคนที่นี่เล่าลือกันเพียงแต่ว่าท่านโคโนเอะเป็นผู้มีฝีมือการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันระดับปรมาจารย์ และมีแผลเป็นบาง ๆ อันมีเสน่ห์ตรึงใจสาว ๆ อยู่ข้างแก้ม

2
ใบหน้าของโคโนเอะ โนบุทาดะสว่างไปด้วยรอยยิ้มเมื่อหันหน้าข้างที่มีแผลเป็นจาง ๆ ไปทางโยชิโนะดาวรุ่งประจำสำนักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“เอะอะอย่างนี้ไม่มีใครนอกจากท่านโชยู”
โยชิโนะกัดริมฝีปากสีแดงยิ่งกว่าดอกบ๊วยกลั้นหัวเราะ
“ตายจริง ถ้าท่านบุกเข้ามาถึงที่นี่ เราจะทำยังไงกันดีล่ะเจ้าคะ”
สาวงามชะม้อยตาให้เห็นว่าลำบากใจ
คาราซุมารุ มิตซุฮิโระ ยึดแขนเสื้อของโยชิโนะเอาไว้
“ไม่ต้องไป”
แล้วมองผ่านห้องข้าง ๆ ออกไปที่ระเบียงทางเดิน
เห็นไฮยะ โชยูกำลังยืนโงนเงนพูดเสียงดังเหมือนจงใจให้เอะอะ
“พระ พระ...พระทากูอัน ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น จะไปก็ไปเลย หรือถ้าจะอยู่ก็เข้ามา แล้วปิดประตูด้วย ข้าหนาว”
“งั้นก็เข้ามาในนี้”
พระทากูอันบอกพร้อมกับฉุดไฮยะ โชยูเข้ามาและผลักลงไปนั่งแปะตรงหน้ามิตซุฮิโระกับโนบุทาดะ
“ตายละ ไม่นึกเลยว่าจะได้ต้อนรับท่านทั้งสองอย่างไม่คาดฝัน อย่างนี้ก็สนุกละ”
เจอเข้าอย่างนี้ไฮยะ โชยูก็แทบหายเมา รีบเดินเข่าเข้าไปใกล้โนบุทาดะแล้วยื่นมือออกไปแสดงความเคารพแบบพ่อค้า
โนบุทาดะยิ้มไม่หยุด
“ท่านฟูนาบาชิ เห็นทีไรแข็งแรงกระชุ่มกระชวยไม่เปลี่ยนเลย”
“ข้าไม่รู้ว่าคนที่มากับท่านคังงังคือใต้เท้า มิเช่นนั้นก็คงมาคารวะเสียนานแล้ว”
ไฮยะ โชยูคืนจอกสาเกที่ดื่มทักทายกันตามธรรมเนียมแล้วก็ส่ายคอง่อกแง่ก เหมือนตัวตลกสลับฉากละครโน แสล้งทำเป็นเมาจัดขึ้นไปอีก
“ขออภัยนะขอรับใต้เท้า ปกติคนเราถ้าจะไม่ได้พบกันมันก็ไม่ได้พบกัน ต่อพอจะได้พบกันมันก็ได้พบกัน ไม่ว่าจะเป็นท่านอำมาตย์ราชมนตรี หรือใคร ๆ มันก็อย่างนี้กันทั้งนั้น เหอะ เหอะ เหอะ...จริงไหมพระ”
ว่าแล้วก็กระแซะเข้าไปกอดคอพระทากูอันไว้แน่น และชี้หน้าโนบุทาดะกับมิตซุฮิโระ
“ในโลกนี้ ข้าว่าคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือบรรดาท่านผู้เป็นใหญ่ในราชสำนัก คนนั้นก็คนโปรดของท่านเอกอัครมหาเสนาบดี คนนั้นก็เป็นเสนาบดีนั่นนี่ใหญ่โตกันทั้งนั้น แต่จริง ๆ แล้วข้าเห็นมีแต่เปลือก ห่างไกลจากพวกเราที่เป็นพ่อค้าบ้าน ๆ มากนัก ว่าไหมพระ”
พระทากูอันกระเถิบหนีแต่ไม่พ้นมือตาเฒ่าขี้เมาจึงต้องยอมรับไปตามเพลง
“ว่า ว่า”
แล้วพยายามแกะมือไฮยะ โชยูออกจากคอ
“อ้าว ๆ พระ ข้ายังไม่ได้ดื่มจากท่านสักหยกนึงเลย”
คราวนี้ไฮยะ โชยูหันไปรวนเอากับพระทากูอัน ยื่นจอกสาเกออกไปแทบชนจมูก
“รู้เอาไว้นะพระว่าท่านเป็นพวกเจ้าเล่ห์ ในโลกเรายุคนี้สมัยนี้ไม่มีใครเจ้าเล่ห์เกินพระ ไม่มีใครฉลาดเกินพ่อค้าชาวเมือง ไม่มีใครแข็งแกร่งเกินนักรบ และไม่มีใครงี่เง่าเท่าพวกเจ้านาย อะ ฮะ ฮะ ฮะ จริงไหม”
“ใช่ ๆ แต่พอได้แล้ว”
“พวกเจ้านายจะทำอะไรตามใช่ชอบก็ไม่ได้เพราะมีตำแหน่งค้ำคออยู่ แต่เขาก็ให้แค่ตำแหน่งเท่านั้นไม่ให้เข้ายุ่งเกี่ยวกับราชการงานเมืองอะไร ปล่อยให้อยู่ว่างเป็นวัน ๆ ก็คงได้แต่แต่งบทกวีบ้าง อ่านหนังสือบ้าง ไม่มีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ อะ ฮะ ฮะ ฮะ น่าสงสาร จริงไหมพระ”
แม้มิตซุฮิโระซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ไม่แพ้ใครเรื่องดื่มแล้วเมาเอะอะ และโนบุทาดะซึ่งไม่ยิ่งหย่อนกว่าใครในเรื่องสุราและสรวลเสเฮฮา ยังต้องอึ้งไปเมื่อโดนบุกเข้ามาป่วนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้
เห็นดังนั้นไฮยะ โชยูก็ยิ่งได้ใจ
“คุณพี่โยชิโนะเจ้าขา คุณพี่ชอบใครเอ่ย เจ้านายหรือว่าชาวบ้าน”
สาวงามปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต
“แหม ท่านฟูนาบาชิละก็”
“ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหัวเราะกันเล่นนะคุณพี่โยชิโนะ ที่ข้าถามก็เพราะอยากจะเจาะลึกเข้าไปให้ถึงอกใจที่แท้จริงของผู้หญิง แต่ไหนขอดูหน้าหน่อยซิ...จริงเหรอนี่ ข้าอ่านหน้าเจ้าออกแล้วว่าชอบพ่อค้าชาวเมืองจริง ๆ ด้วย...งั้นเชิญมาทางนี้ ท่านทั้งหลาย ไฮยะ โชยูขอรับตัวคุณพี่โยชิโนะไปเลยนะ”
ไฮยะ โชยูคว้ามือของโยชิโนะดาวดวงเด่นของสำนักขึ้นมาแนบอก พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
3
มิตซุฮิโระตกใจ รีบวางจอกลงบนถาดจนสาเกกระฉอก และตวาดเสียงดัง
“จะเล่นกันก็ได้แต่อย่าให้มันเกินขอบเขต”
กระชากมือไฮยะ โชยูที่เกาะกุมโยชิโนะออกทันที แล้วดึงตัวนางเข้ามาใกล้
“ทำไม ทำมาย”
ไฮยะ โชยูเดินแอ่นเข้ามาใกล้
“ข้าไม่ได้บังคับนะ เห็นคุณพี่ทำหน้าอย่างนั้นข้าก็เลยจะจูงไปเท่านั้นเอง นะคุณพี่”
โฉมงามโยชิโนะที่ถูกมิตซุฮิโระกับไฮยะ โชยูยื้อยุดมือเอาไว้คนละข้าง ไม่รู้จะทำยังไงดีนอกจากทำหน้ายุ่งยากพลางหัวเราะ
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะนี่”
จริง ๆ แล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้เป็นศัตรูคู่อาฆาต และก็ไม่ได้ตั้งตัวเป็นคู่อริชิงนางกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ดูแล้วน่าจะเป็นการแกล้งให้โยชิโนะโฉมงามลำบากใจเสียมากกว่า และในเมื่อมิตซุฮิโระไม่ยอมปล่อยและไฮยะ โชยูก็ไม่ยอมแพ้ โยชิโนะโฉมงามจึงถูกยื้ออยู่อย่างนั้น
“คุณพี่โยชิโนะ แล้วแต่อกแต่ใจคุณพี่เลยละ จะมาด้วยกัน หรือว่าจะอยู่ทางนี้”
ไฮยะ โชยูยิ่งเห็นแม่โฉมงามทำหน้าว่าลำบากใจก็ยิ่งยั่วเล่นเป็นสนุก
“เอ หลวงพี่ก็จะชักสนุกขึ้นมาบ้างแล้ว”
พอสลัดตัวพ้นออกมาจากไฮยะ โชยูมา พระทากูอันก็อดรนทนไม่ได้ที่จะนั่งดูอยู่โดยไม่ร่วมตอแยด้วย
“ว่ายังไงคุณพี่ จะเลือกข้างไหนดีน้า จะเลือกข้างไหนดี”
แล้วก็รินสาเกใส่จอกดื่มโดยเอาการประลองยุทธ์ข้างหน้าเป็นกับแกล้ม
โนบุทาดะผู้มีความเคร่งขรึมสุขุมเป็นอุปนิสัย ไม่สนุกด้วยจึงเข้ามาแก้สถานการณ์
“พอได้แล้วพวกขี้เมาทั้งหลาย จะมาเคี่ยวเข็ญให้แม่นางโยชิโนะเดือดร้อนรำคาญไปทำไม ท่านไฮยะ โชยูก็ย้ายมาสนุกด้วยกันเสียที่นี่ก็สิ้นเรื่อง”
และว่า
“ดูเหมือนท่านจะทิ้งท่านโคเอ็ตสึเอาไว้คนเดียวที่ห้องโน้น ใครก็ได้ช่วยไปเชิญท่านโคเอ็ตสึมาที่นี่ที”
โนบุทาดะหันไปบอกสาว ๆ ที่นั่งอยู่แถวนั้น
ไฮยะ โชยูยังไม่ยอมปล่อยมือจากโยชิโนะโฉมงาม ยกมืออีกข้างขึ้นห้ามไว้
“ไม่ต้อง ไม่ต้องไปเรียก ข้าจะพาคุณพี่โยชิโนะกลับไปเดี๋ยวนี้”
“ได้ไง
มิตซุฮิโระขืนมือที่จับโฉมงามโยชิโนะเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ไอ้เจ้าเส็งเคร็ง อย่ามาทำอวดดี”
ไฮยะ โชยูตะโกนเสียงดัง แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้จึงยื่นจอกสาเกไปตรงหน้า มองคู่อริด้วยตาแดงก่ำของคนเมาจัดและบอกว่า
“ท่านไม่ยอมข้าก็ไม่ยอม งั้นเรามาดื่มเอาชนะกันต่อหน้าแม่ดอกไม้งามโยชิโนะดีกว่า”
“ดื่มแข่งกันรึ ก็น่าสนุกอยู่”
มิตซุฮิโระหยิบจอกสาเกใบใหญ่กับโต๊ะตัวเตี้ยมาจัดวางระหว่างตนกับไฮยะ โชยู
“ท่านเป็นหนุ่มที่ย้อมผมขาวมาให้ดูแก่รึ ถึงได้มาท้าดื่มแข่งกับข้า”
“อย่าทำมาพูดดี เจ้านายเส็งเคร็งกระดูกอ่อน กล้าดีก็เข้ามาเลย เห็นท่าก็รู้แล้วว่าใครแพ้ใครชนะ”
“แค่ดวลจอกกันมันจะไปสนุกอะไร ต้องแข่งอะไรกันและใครแพ้จึงดื่มหนึ่งจอกจึงจะดี”
“จ้องตากันรึ”
“ให้ข้าจ้องหน้าอัปลักษณ์ของพ่อค้าอย่างท่านน่ะรึ นั่นมันเป็นการทรมานกันมากกว่าเล่น ข้าไม่เอาด้วย”
“อย่ามาว่าข้านะ งั้นก็เป่ายิ้งฉุบไหมล่ะ”
“ก็ได้ ตกลง”
“หลวงพี่ทากูอัน ช่วยเป็นกรรมการให้ที”
“พร้อมเสมอ”
คู่อริทั้งสองทำหน้าขึงขังและเริ่มเป่ายิ้งฉุบกัน พอรู้แพ้รู้ชนะกันคราวใดคนแพ้ก็ต้องดื่มเหล้าสาเกจนเกลี้ยงจอกใหญ่ และทำหน้าเคียดแค้นจนคนดูอยู่รอบ ๆ หัวเราะกันกลิ้ง
ระหว่างนั้น โฉมงามโยชิโนะลุกขึ้นเงียบ ๆ โดยไม่ให้ผู้ใดรู้ตัว รวมชายเสื้อกิโมโนให้รัดกุมและเดินผ่านระเบียงที่ทอดผ่านพื้นหิมะหายเข้าไปด้านใน
4
การแข่งขันดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดเพราะต่างฝ่ายก็คอแข็งไม่แพ้กัน มีแค่พวกคนดูเท่านั้นที่สนุกจนเหนื่อยไปตาม ๆกัน
หลังจากที่โฉมงามโยชิโนะกลับไปได้ไม่นาน โคโนเอะ โนบุทาดะก็ลุกขึ้นกลับไปอีกคน
ฝ่ายพระทากูอันที่เป็นกรรมการก็ง่วงเต็มที อ้าปากหาวยืดนาวอย่างไม่อายสาว ๆ แล้วล้มตัวลงนอนหนุนตักแม่นางซุมิกิคุอยู่ตรงนั้น แต่ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับอย่างสบายอารมณ์นั้นเองหลวงพี่ก็ได้สติขึ้นมา
ไม่ได้การ สองคนนั่นต้องเฝ้าคอยอยู่เป็นแน่ ต้องรีบกลับแล้ว
สองคนที่ว่านั้นก็คือโจทาโรกับโอซือซึ่งนำเอาของสำคัญจากอารากิดะที่อิเซะมาส่งให้ที่เรือนของคาราซุมารุ มิตซุฮิโระ
โจทาโรอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สิ้นปีส่วนโอซือนั้นพระทากูอันเพิ่งพาไปส่งหลังพบกันที่วัดคิโยมิซุ
คืนที่โอซือถูกโอซูงิแม่เฒ่าสารพัดพิษไล่ล่าขึ้นไปจนมุมอยู่ที่หุบเขาโอโตวะอันเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ คันออนแห่งคิโยมิซุนั้น พอดีพระทากูอันขึ้นไปหาตัวโอซือด้วยความเป็นห่วงอยู่แถวนั้นพอดีจึงได้ช่วยเอาไว้และพาตัวมาพักอยู่ที่บ้านของมิตซุฮิโระ
พระทากูอันกับคาราซุมารุ มิตซุฮิโระเป็นเพื่อนกันมานาน และมีรสนิยมเหมือนกันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทางด้านกวี ปรัชญานิกายเซ็น ไปจนถึงเรื่องสุราและความทุกข์ใจ
ไม่นานมานี้หลวงพี่ได้รับจดหมายจากเพื่อนผู้สูงศักดิ์คนนี้ชวนให้แวะมาเที่ยวเกียวโต
ว่าไงเพื่อน ปีใหม่แล้วจะเก็บตัวอยู่ทำไมในวัดชนบทห่างไกลผู้คนเช่นนั้น ไม่คิดถึงสาเกนาดะเลิศรส นกน้อยที่แม่น้ำคาโมะ หญิงงามนครหลวงบ้างเลยหรือไง ถ้าอยากบรรลุวิถีแห่งเซ็นอย่างง่วง ๆ ก็อยู่ที่บ้านนอกน่ะดีแล้ว แต่ถ้าจะบรรลุวิถีแห่งเซ็นอย่างเข้าถึงชีวิตจิตวิญญาณก็ต้องมาอยู่ในหมู่คนที่นครหลวงนี่ คิดถึงเกียวโตเมื่อไรก็มาแล้วกัน
และหลังจากได้รับจดหมาย พระทากูอันก็ออกเดินทางและมาถึงนครหลวงในฤดูใบไม้ผลิปีนี้เอง
หลวงพี่ทากูอันพบกับโจทาโรที่คฤหาสน์ของตระกูลคาราซุมารุโดยบังเอิญ และเห็นเจ้าหนุ่มน้อยหาเรื่องเล่นสนุกอยู่ได้ทั้งวันไม่รู้จักเบื่อ ถามมิตซุฮิโระก็ไม่ได้เรื่องอะไรนักบอกแต่ว่ามาทำธุระให้คนที่รู้จักกัน จึงเรียกเจ้าตัวมาซักถามโดยตรงจึงได้ความว่า โอซือแยกกับตนไปกับแม่เฒ่าโอซูงิตั้งแต่เช้าวันปีใหม่ และจากนั้นก็ไม่ได้กลับมาที่นี่ทั้งยังไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย
แย่แล้ว
หลวงพี่ตกใจที่รู้ว่าโอซือตกไปอยู่ในมือของแม่เฒ่า จึงรีบออกไปสืบหาบ้านที่อยู่ของเม่เฒ่าโอซูงิในวันนั้นเอง ซึ่งกว่าจะพบว่าอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่ซันเน็นซากะก็ค่ำแล้ว อารามที่เป็นห่วงเกรงว่าสาวน้อยจะเป็นอันตราย หลวงพี่จึงขอให้คนที่โรงเตี๊ยมถือโคมนำขึ้นไปตามหาที่วิหารคิโยมิซุ
คืนนั้นหลวงพี่ช่วยโอซือเอาไว้ได้และกลับมาที่คฤหาสน์คาราซุมารุอย่างปลอดภัย แต่พอรุ่งเช้าโอซือก็จับไข้ด้วยความหวาดกลัวที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของแม่เฒ่าโอซูงิ จนถึงวันนี้ก็ยังโงหัวไม่พ้นหมอน เจ้าหนุ่มน้อย โจทาโรเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง เอาผ้าเย็น ๆ วางบนหน้าผากให้เป็นพัก ๆ และคอยดูแลให้กินยาไม่ได้ขาด
สองคนนั่นคงกำลังรอเราอยู่
พระทากูอันกระวนกระวายอยากกลับไปหาโอซือกับโจทาโรเร็ว ๆ แต่มิตซุฮิโระนั้นอย่าว่าแต่กลับเลย ดูท่าแล้วกำลังเมามันราวกับว่าเพิ่งจะเริ่มเล่น
แต่ไม่นานทั้งคู่ก็เบื่อเล่นเป่ายิ้งฉุบและผลัดกันดื่ม ก็เลยเลิกแข่งอะไรทั้งนั้นและนั่งจับเข่าดื่มกันจริงจังพลางถกปัญหากันขรมถมเถ อย่างเรื่องการเมืองของตระกูลนักรบ คุณค่าชีวิตและตัวตนของเจ้านาย พ่อค้าชาวเมืองกับการพัฒนาในต่างประเทศ ล้วนแต่เรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้น แต่ฟังดูแล้วรู้สึกว่าจะต่างคนต่างพูดไปคนละทางสองทาง
พระทากูอันนอนหนุนตักสาวหลับตาฟัง บางครั้งก็แอบยิ้มเพราะอดขำไปกับการถกเถียงของคนทั้งสองไม่ได้
ไม่นานมิตซุฮิโระชักจะมีสติขึ้นมามองไปรอบ ๆ และอุทานว่า
“อ้าว ท่านโนบุทาดะกลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ไม่เห็นรู้เลย”
ไฮยะ โชยูก็รู้ตัวขึ้นมาบ้าง
“แล้วคุณพี่โยชิโนะล่ะหายไปไหน”
“ใช่ โยชิโนะไปไหน...รินยะ”
มิตซุฮิโระร้องเรียกเด็กหญิงที่นั่งหลับอยู่ที่มุมห้อง
“ไปเรียกคุณพี่โยชิโนะกลับมานี่เร้ว”
รินยะลุกขึ้นเดินออกไปที่ระเบียงทางเดินทั้งที่ยังงัวเงีย และพอผ่านห้องที่โคเอ็ตสึกับไฮยะ โชยูดื่มกันอยู่เมื่อตอนหัวค่ำก็เยี่ยมหน้าเข้าไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงพบมูซาชิซึ่งไม่รู้ว่ากลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร นั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียวข้างเชิงเทียน


กำลังโหลดความคิดเห็น