xs
xsm
sm
md
lg

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิ ภาค 4 ลม ตอนฆ่าได้ลงคอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นวนิยายอิงประวัติศาสตร์
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

1
​​“ไม่ไปงั้นรึ”
​​“ไม่”
​​“แน่นะ”
​​“ไม่มีวัน”
​​“โอซือ จนป่านนี้แล้วเจ้ายังคิดถึงมูซาชิอยู่อีกรึ”
​​“ใช่ ก็ข้ารักมูซาชิ และให้คำมั่นกับหัวใจตัวเองแล้วว่าจะรักตลอดไปทั้งในชาตินี้และชาติหน้า”
​มาตาฮาชิฟังแล้วตัวสั่นด้วยความโกรธ
​​“กล้าดียังไงถึงได้พูดกับข้าอย่างนี้
​“เรื่องนี้ข้าเผยความในใจกับคุณป้าหมดแล้ว คุณป้ายังรับปากเลยว่าจะไปพูดให้ท่านเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของข้า เพื่อเราจะได้จบเรื่องราวในอดีตของกันและกันให้เด็ดขาดเสียที ข้ารอมานานมากแล้ว”
​“ข้ารู้แล้ว เจ้ามูซาชิมันเสี้ยมมาละสิว่าพอเจอหน้าข้าให้พูดอย่างนี้ ต้องใช่แน่ ๆ ลำพังเจ้ารึจะมาพูดอย่างนี้กับข้า”
​“เปล่าเลย ชีวิตข้าข้ากำหนดชีวิตเอง ท่านมูซาชิไม่ได้มาเสี้ยมมาสอนอะไรข้าทั้งนั้น”
​“ข้าก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเป็นที่สุด เมื่อเจ้าหยามน้ำหน้าข้าถึงขนาดนี้แล้ว ก็คอยดูก็แล้วกัน”
​“ท่านจะทำอะไร”
​“ข้าไม่ได้มีอะไรด้อยไปกว่ามูซาชิ ถึงจะต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิต ข้าก็ปล่อยให้มันชิงเจ้าเอาไปครองเช่นนี้ไม่ได้ ใครจะยอม ไม่มีวัน”
​“ยอมหรือไม่ยอมข้าไม่รู้ แต่ท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่กับใคร”
​“อย่ามาทำตีฝีปาก ก็พูดกับเจ้า และพูดไปให้เจ้ามูซาชิได้ยินด้วย อย่าลืมสิโอซือ เจ้ากับมูซาชิไม่ได้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน คู่หมั้นของเจ้าคือข้า มาตาฮาชิคนนี้”
​“ข้ารู้ แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาบอกว่ายอมหรือไม่ยอมให้ใครทำอะไร
​“มีสิ โอซือ อย่าลืมเลยทีเดียวนะว่าเจ้าคือคนที่ฮนอิเด็น มาตาฮาชิจะต้องแต่งงานด้วย ตราบใดที่ข้าไม่ให้คำยินยอม เจ้าก็จะไปเป็นเมียใครไม่ได้ โดยเฉพาะเจ้ามูซาชิ ข้าบอกได้เลยว่าไม่มีทาง”
​“ขี้ขลาด ไม่มียางอาย สงสัยเหลือเกินว่าคนเราต้องหน้าทนขนาดไหนถึงได้พูดออกมาได้อย่างนี้ ข้าไม่เคยลืมที่ถูกหยามน้ำหน้าด้วยจดหมายตัดสัมพันธ์ที่ท่านกับผู้หญิงที่ชื่อโอโคส่งมา”
​“ข้าไม่รู้ จดหมายอะไร ข้าจำไม่ได้ว่าเคยส่งจดหมายอะไรถึงเจ้า โอโคต้องคิดเองทำเองแน่”
​“อย่ามาแถ ในจดหมายนั้นมีข้อความที่ท่านเขียนแนบมาด้วยว่า ขอให้ข้าตัดใจจากท่านและไปแต่งงานกับคนตระกูลอื่นเสีย”
​“ไหน เอามาให้ดูสิ”
​“หลวงพี่ทากูอันอ่านแล้วหัวเราะ เอาไปเช็ดน้ำมูกและทิ้งไปแล้ว”
​“ไม่มีใครเขาเชื่อเรื่องที่ไม่มีหลักฐานยืนยันหรอกนะ ที่แคว้นเราใคร ๆ ก็รู้กันทั่วว่าโอซือกับข้าเป็นคู่หมั้นกัน ข้าจะบอกให้โลกมันแคบกว่าที่คิดมากนัก ขืนไปเป็นคู่ผัวตัวเมียกับเจ้ามูซาชิและไม่มีที่ยืนในสังคม บอกข้าทีรึว่าเจ้าจะมีความสุขได้ยังไง เจ้าอาจยังคัดเคืองใจเรื่องโอโค แต่รู้ไว้เถิดว่าตอนนี้ข้ากับกับหล่อนเลิกกันเด็ดขาดไปแล้ว”
​“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ และไม่อยากฟังให้เสียเวลาด้วย”
​“อย่างนั้นก็ไม่ได้อย่างนี้ก็ไม่เอา จะให้ข้าก้มหัวลงขอขมาเลยไหม”
​“มาตาฮาชิ ท่านพูดเดี๋ยวเองใช่ไหมว่าตนก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ดูแล้วก็ใช่อยู่หรอกแต่เป็นผู้ชายขี้ขลาดไร้ยางอาย คิดหรือว่าผู้หญิงที่ไหนจะอยากได้มาครองคู่ รู้ไว้ด้วยว่าผู้หญิงเราต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งกล้าหาญและมีสติปัญญา”
​“ว่าไงนะ ปากดีนักรึ”
​“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเสื้อฉันขาดต้องเป็นเรื่องแน่”
​“เดี๋ยวเถอะ นางตัวดี”
​“หยุดนะ จะทำอะไรข้า”
​“อ้อนวอนจนขนาดนี้แล้วไม่เข้าใจ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เป็นไงเป็นกัน”
​“โอ๊ย”
​“ถ้ายังรักชีวิตอยู่ สัญญากับข้าเดี๋ยวนี้ว่าจะไม่คิดถึงเจ้ามูซาชิอีก สัญญาสิ สัญญา”
มาตาฮาชิปล่อยมือจากคอเสื้อโอซือลงไปชักดาบ
ดาบคมวาววับที่ถูกชักออกจากฝักดูมีพลังเหนือจิตใจของเจ้าของ ทำให้ท่าทีของมาตาฮาชิเปลี่ยนไปทันควัน
2
​โอซือร้องกรี๊ด ไม่ได้กลัวคนที่ยืนถือดาบ แต่กลัวอิทธิพลของดาบที่บงการคนไร้สติที่ถือมันเอาไว้มากกว่า
​มาตาฮาชิยืนจังก้าหน้าถมึงทึง ราวเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ก่อน
​​“อวดดีนักรึ นางนี่”
​เจ้าหนุ่มหัวร้อนจรดปลายดาบไปที่ปุ่มเชือดรัดแถบผ้าโอบิคาดกิโมโนของโอซือที่ตั้งท่าหนี
แต่ก็ไม่อาจทำอะไรมากไปกว่านั้น
​​ปล่อยไปไม่ได้ ปล่อยให้หนีไปไม่ได้
มาตาฮาชิบอกตัวเองอย่างร้อนรนขณะวิ่งกวดตามโอซือไปติด ๆ พร้อมกับร้องเรียกแม่ไปด้วย
แม่เฒ่าโอซูงิได้ยินเสียงของลูกชายก็ร้องตอบและวิ่งโขยกเขยกตามเสียงฝีเท้าลูกชายลงเนินมา
​​ถ้าจะอยู่มือแล้ว
นางคิดพลางชักมีดสั้นขึ้นมากุมแน่นและมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าโอซือจะหนีขึ้นมาทางนี้
​มาตาฮาชิหยุดยืนหันรีหันขวางเพราะโอซือวิ่งหายไปหนไหนในความมืด ร้องบอกเมื่อเห็นแม่วิ่งกระหืดกระหอบพุ่งตัวเข้ามาจนแทบจะชนกัน
​​“แม่ ๆ สงสัยจะหนีไปทางโน้น ตามไปเร็ว”
​แม่เฒ่าถามตาขวาง เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของโอซือก็ตั้งท่าวิ่งต่อทั้งที่ยังไม่หายหอบ
​​“ทางไหน”
​​“เจ้าไม่ได้ฆ่านางหรอกรึ”
​​“ยังไม่ทันจะทำอะไร นางก็หนีไปก่อน”
​​“โง่ที่สุด”
​​“---ลงไปข้างล่างแล้ว เห็นหลังไว ๆ อยู่นั่น น่าจะใช่”
​โอซือวิ่งเต็มฝีเท้าหนีลงเนินชันไปอย่างไม่คิดชีวิต และตอนหยุดปลดชายกิโมโนที่ถูกกิ่งไม้เกี่ยวเอาไว้นางก็ได้ยินเสียงน้ำไหลแรงดังซู่ ๆ จึงคิดว่าน่าจะมีน้ำตกอยู่ใกล้ ๆ
​นางรวบชายเสื้อที่ขาดวิ่นขึ้นมาไม่ให้เกะกะ แล้วไถลตัวลงไปในทิศทางของเสียงที่คิดว่าเป็นน้ำตก
​เสียงฝีเท้าของแม่เฒ่าโอซูงิกับลูกชายดังใกล้เข้ามาพร้อมกับเสียงขู่แหบห้าวของแม่เฒ่าสารพัดพิษ
​​“เราต้อนนางมาจนมุมแล้ว โอซือไม่พ้นมือข้าแน่”
​เสียงนั้นใกล้เข้ามาจนเกือบจะชิดหูอยู่แล้ว
​​โอซือรู้สึกตัวว่ากำลังตกอยู่ในสภาพจนตรอกจริง ๆ ข้างหน้าก็กำแพงข้าง ๆ ก็กำแพงล่าง ลงไปเป็นหุบเหวที่ลึกลงไปในความมืด
​​​“มาตาฮาชิลงมือเลย โอซือ นางแพศยาล้มฟุบอยู่ตรงนี้เอง”
​​มาตาฮาชิผู้ถูกวิญญาณดาบเข้าสิง กระโจนเข้ามาตามเสียงตะโกนเรียกของแม่เฒ่าโอซูงิ ด้วยกิริยาของเสือดาวและถลันออกไปที่เป้าหมาย
​​​“ตายเสียเถอะ”
​​เจ้าหนุ่มผู้พ่ายรักแผดเสียงพร้อมกับเงื้อดาบขึ้นสุดแรง ฟันลงไปตรงที่แม่เฒ่าชี้บอกว่าเป็นร่างของโอซือที่ฟุบอยู่ตรงพุ่มไม้และกอหญ้า
​​เสียงกิ่งไม้ถูกฟันขาดสะบั้น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนราวกับจะขาดใจและเลือดสด ๆ พุ่งกระฉูดขึ้นมา
​​​“นี่แน่ะ นี่แน่ะ นางหญิงแพศยา”
​​มาตาฮาชิเงื้อดาบและฟันซ้ำลงไป สามดาบ สี่ดาบ ไม่ยั้งมือ ตาแข็งกร้าวอย่างคนขาดสติเพราะบ้าเลือด คมดาบที่ถูกเหวี่ยงไปกระทบกิ่งไม้และลำต้นด้วยกำลังแรงจนดาบแทบจะหักเป็นสองท่อน
​​​“... ... ...”
​​เจ้าหนุ่มบ้าเลือดฟาดฟันจนหมดแรง ยืนถือดาบโชกเลือดนิ่งอยู่เมื่อเริ่มได้สติ
​​มองลงไปที่ฝ่ามือ ฝ่ามือก็โชกเลือด เอามือลูบหน้า ใบหน้าก็เปื้อนเลือด เลือดอุ่น ๆ และเหนียวเหนอะที่กระเด็นขึ้นมาจับทั่วตัว
​​และพอคิดว่าเลือดทุกหยด ทุกหยด เป็นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของโอซือมาจนถึงเมื่ออึดใจก่อน มาตาฮาชิก็ซวนเซผงะไปข้างหลัง ดวงตาพร่าพราย หน้าซีดจนเขียว
​​​“ฮะ ฮะ ฮะ ต้องให้ได้อย่างนี้สิเจ้าลูกชาย ในที่สุดเจ้าก็ฆ่านางแพศยาได้สำเร็จ”
​​แม่เฒ่าโอซูงิกระย่องกระแย่งเข้ามาที่ลูกชายซึ่งยืนจังงังอยู่ แล้วก้มลงไปจ้องมองพุ่มใบไม้และกอหญ้าจนชิด
​​“สมหน้าหน้า ตายสนิท เก่งมากเจ้าลูกชาย เป็นอันว่าเจ้าได้ล้างความแค้นจากอกข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว ช่วยกู้หน้าข้าให้กลับมาดังเดิม คราวนี้ก็จะได้มองหน้าผู้คนในหมู่บ้านได้เต็มตาสักที อ้าว มาตาฮาชิ มัวทำอะไรอยู่ ตัดหัวนางหญิงแพศยาขึ้นมาให้ข้าสิ เร็วเข้า”
3
​​“ฮะ ฮะ ฮะ”
​แม่เฒ่าสารพัดพิษหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางเงอะงะของลูกชาย
​“ฟันจนเละขนาดนี้แล้ว จะมาอิดออดให้ได้อะไรขึ้นมา ถ้าไม่กล้าก็นี่เลย...ข้าจะตัดหัวนางโอซือให้เอง ถอยไป”
​แต่พอแม่เฒ่าจะถลันเข้าไปจัดการตามที่พูด มาตาฮาชิที่ยืนนิ่งขึงอยู่ก็เอาด้ามดาบในมือกระทุ้งไหล่นางอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
​แม่เฒ่าร้องลั่น
​​“เฮ้ย...เจ้าจะทำอะไรข้า”
​แม่เฒ่าเสียหลักเกือบจะล้มจมลงไปในพุ่มไม้ ดีที่ตั้งหลักทัน
​​“มาตาฮาชิ เจ้าจะทำอะไรข้า บ้าไปแล้วรึ นี่แม่เจ้านะ”
​​“แม่”
​​“อะไร”
​มาตาฮาชิทำเสียงขลุกขลักอยู่ในลำคอ ยกหลังมือโชกเลือดขึ้นขยี้ตา ก่อนพูดออกมาด้วยเสียงแหบพร่า
​​“ข้า...ข้าฆ่าฟันโอซือตาย โอซือตายแล้ว”
​​“จะมาอะไรอีก ก็ข้าชมแล้วไงว่าเจ้าเก่ง แล้วเอาด้ามดาบมากระทุ้งไหล่ข้าทำไม”
​​“ก็มันทนไม่ได้นี่ เจ็บใจเหลือเกิน บ้า บ้า แม่ใจร้าย”
​​“เสียใจมากรึ”
​​“ยังจะมาถามอีก ถ้าไม่มีแม่เฒ่าสารพัดพิษอย่างแม่เสียคน อะไร ๆ มันต้องไม่เป็นอย่างนี้ ข้าตั้งใจไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะต้องลำบากยากเย็นแค่ไหน ข้าก็จะพยายามโน้มน้าวใจให้โอซือกลับมารู้สึกกับข้าดังเดิมให้ได้ แม่คนเดียว แท้ ๆ แย่ที่สุด เอาเรื่องโน่นนี่มาอ้าง ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลบ้างละ หน้าตาในสังคมกับพวกคนที่หมู่บ้านบ้างละ แต่พอที ข้าไม่เอาด้วยแล้ว”
​​“หยุดพล่ามได้แล้ว ถ้ายังมีเยื่อใยกับนางหญิงแพศยาขนาดนั้น ก็ทำไมปกป้องนางและตัดคอข้าเสียเล่า”
​“ถ้าทำได้ ข้าก็คงไม่ทำกับแม่แค่นั้นแล้วมานั่งพล่ามอยู่อย่างนี้หรอก ในโลกนี้ไม่มีใครโชคร้ายเท่าข้า ที่มีแม่เป็นยายเฒ่าหัวดื้อที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรทั้งนั้น”
​“หยุดนะ อย่ามาทำกำแหงกับข้า เจ็บใจจริง ๆ เมื่อกี้ไม่น่าชมเลย”
​“ต่อจากนี้ไปแม่จะทำอะไรก็ตามใจเลยนะ ส่วนข้าก็จะทำตามใจข้า จะชั่วช้าสารเลวยังไงมันก็ชีวิตของข้า ไม่ต้องมายุ่งเลย”
​“เจ้าก็อย่างนี้ทุกที มาตาฮาชิ ข้ารู้นิสัยเจ้าดี พอเกิดอะไรขึ้นก็โวยวาสยแล้วมาลงที่ข้า จนข้าชักจะอ่อนใจกับเจ้าเต็มทีแล้ว”
​“ใช่ ข้าทำให้แม่ลำบากมาตลอด แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ แม่มันยายเฒ่าสารพัดพิษ นางปีศาจ”
​“เออ เอาเลย อยากจะว่าอะไรก็ว่าให้พอใจ ไป...หลีกไปทางโน้น ให้ข้าจะตัดหัวโอซือก่อนแล้วค่อยพูดกันต่อ”
​“พูดอะไรต่อ ไม่เอาแล้ว ข้าไม่อยากฟังอะไรจากยายเฒ่าใจอำมหิตอีกแล้ว”
​“ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก คืออยากให้เข้าดูหน้าของโอซือที่หลุดจากร่างมาแล้วและใช้เวลาคิดให้ลึกซึ้งว่าความงามของหญิงนั้นคืออะไร หญิงงามคนหนึ่งเมื่อตายก็จะเหลือแต่กระดูกขาว ๆ ข้าอยากให้เจ้าเข้าถึงสัจธรรมที่ว่าใดใดในโลกล้วนอนิจจัง ด้วยตาของเจ้าเอง”
​“พอ ๆ หนวกหู”
มาตาฮาชิสั่นหัวแรง ๆ และแผดเสียงเหมือนเสียสติ
​“คิดเท่าไรใจข้าก็ไม่เปลี่ยน ความหวังทั้งหมดของข้าอยู่ที่โอซือยังไงตอนนี้ก็ยังอย่างนั้นและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ยามใดที่สำนึกตัวขึ้นมาว่าใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นโล้เป็นพาย ข้าก็จะฮึดสู้ขึ้นมาและพยายามค้นหาจุดหมายใหม่ในชีวิตอย่างเอาจริงเอาจัง และแน่นอนว่ามีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การได้ครองคู่อยู่กับโอซือ ไม่ใช่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล และไม่ใช่แม่สารพัดพิษแน่นอน โอซือคือความหวังสูงสุดของข้า”
​“เจ้าจะมาคร่ำครวญถึงสิ่งสูญสิ้นไปแล้วให้มันได้อะไรขึ้นมา เอาเวลาไปสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณของนางไปสู่สุคติไม่ดีกว่าหรือ...นะโม...”
​ว่าพลางแม่เฒ่าโอซูงิก็เดินเข้ามาตรงหน้ามาตาฮาชิ ก้มตัวลงแหวกพุ่มไม้และกอหน้าที่มีเลือดสาดกระจายอยู่เต็มไปหมดจนเห็นร่างดำ ๆ ฟุบอยู่บนพื้นดินตรงนั้น
​แม่เฒ่าหักต้นหญ้าลงมาปูรองพื้นและคุกเข่าลงตรงหน้าร่างดำ ๆ นั้นด้วยท่าทางของคนมารยาทงาม
​​“โอซือ ขอให้ดวงวิญญาณของเจ้าไปสู่สุตคติเถิด อย่าจองเวรจองกรรมข้าเลย ข้าเองก็จะไม่ถือโทษโกรธเจ้าอีกต่อไปแล้ว หมดเวรหมดกรรมกันเสียที”
พูดจบ แม่เฒ่าก็คลำลงไปที่ส่วนหัวของร่างนั้นและขยุ้มอะไรที่ดำ ๆ เหมือนผมคนขึ้นมา
​​“โอซือ”
​เสียงที่ใครคนหนึ่งร้องเรียกจากด้านบนของน้ำตกโอโตวะลอยตามสายลมลงมาที่หุบเขา
​เสียงใคร เสียงจากต้นไม้ หรือว่าเป็นเสียงกระซิบจากดวงดาว


กำลังโหลดความคิดเห็น