xs
xsm
sm
md
lg

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิภาค 4 ลม ตอนเมียศัตรูก็คือศัตรู

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นวนิยายอิงประวัติศาสตร์
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา


1
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ รอเดี๋ยวนะ หนูไปจุดตะเกียงก่อน”
แม่เฒ่ามองตามหลังโอซือที่กระวีกระวาดเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ด้านหลังผนังด้วยสายตาเยียบเย็นขณะทรุดตัวลงนั่งบนพื้นเสื่อทาทามิท่ามกลางความมืดสลัว
โอซือหายไปไม่กี่อึดใจก็เดินเอามือป้องไฟตะเกียงกลับเข้ามาบอกว่า
“คุณป้าคงจะเหนื่อย วันนี้ไปไหนมาเจ้าคะ”
“รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม”
แม่เฒ่าโอซูงิค้อนตาประหลับประเหลือก
“ก็ไปเที่ยวหามาตาฮาจิลูกชายข้า กับมูซาชิ ชายชั่วคนทรยศ...”
แม่เฒ่าพ่นด่าทอศัตรูคู่อาฆาตออกมายืดยาว จนอีกฝ่ายต้องตัดบท
“ถ้าอย่างนั้นเนื้อตัวก็คงจะเมื่อยขบ หนูนวดขาให้นะ”
“ขาน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่สี่ห้าวันมานี่ปวดไหล่เหลือเกิน คงชะล่าใจไปหน่อยไม่ค่อยจะเจียมสังขาร ถ้าหล่อนอยากนวดก็ตามใจ”
โอซือลอบถอนใจ แม้จะระอาความดื้อดึงเอาแต่ใจของแม่เฒ่าเต็มทีจนบางครั้งแทบจะสุดกลั้น แต่ก็ต้องปลอบใจตัวเองให้อดทนจนกว่าจะพบมาตาฮาจิอดีตคู่หมั้น และตกลงเลิกรากันให้เด็ดขาดไป
นางทรุดตัวลงข้างหลังแม่เฒ่าและบีบนวดหลังไหล่ให้
“ไหล่คุณป้าแข็งตึงจริง ๆ ด้วย อย่างนี้เวลาหายใจเข้าออกคงเจ็บแทบน้ำตาไหลเลยนะเจ้าคะ”
“ก็ใช่น่ะซี เดิน ๆ ไปบางทีแทบจะขาดใจตายเสียให้ได้ ข้าแก่ชราเต็มที วันหนึ่งคงจะล้มตายและเน่าเหม็นอยู่ข้างทางนั่นแหละ”
“พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าคะ ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้แน่นอน คุณป้าแข็งแรงออกจะตาย ขนาดหนุ่ม ๆ บางคนยังสู้ไม่ได้เลย”
“ก็ใช่ แต่ก็ประมาทไม่ได้ ดูอย่างอากงสิ กระชุ่มกระชวยออกอย่างนั้น อยู่ ๆ ก็ตายจากไปเหมือนฝันร้าย มนุษย์เราจะเอาแน่เอานอนอย่างไรได้...ข้าแข็งแรงอยู่ได้ก็เพราะความเคียดแค้นเหลือประมาณที่คุกรุ่นอยู่ในใจ ทุกครั้งที่นึกเห็นภาพเจ้ามูซาชิชายสารเลว พรอดรักกับหล่อนอย่างไม่ละอายแก่ใจ เลือดข้าจะเดือดพล่าน และฮึดสู้ขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
แม่เฒ่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำท่าคล้ายกับนางพยัคฆ์ที่พร้อมจะเผ่นโผนออกไปกินเลือดกินเนื้อเหยื่อได้ทุกเมื่อ
“คุณป้าเจ้าขา มูซาชิไม่ใช่คนเลวทรามอะไร คุณป้าเข้าใจผิดมาตลอด แต่ก็ไม่สายเกินไป คิดผิดก็คิดใหม่ได้นะเจ้าคะ”
“ฮึ...”
ทำเสียงในจมูกเชิงดูแคลนคนที่กำลังบีบนวด
“คำเดียวก็ว่าไม่ได้งั้นสิ ไม่ต้องมาสาระแนสอนข้า ข้ารู้ละน่าว่าไอ้สารเลวนั่นเป็นพ่อยอดขมองอิ่ม หล่อนรักมากจนถึงกับสลัดลูกชายข้าอย่างไม่ใยดี แต่จะให้ข้า...”
แม่เฒ่าตั้งท่าจะด่าทอต่อความยาวสาวความยืดออกไปอีก ดีแต่โอซือขัดเอาไว้ทัน
“โธ่ คุณป้า หนูไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย”
“ไม่ต้องมาพูดเลยนังตัวดี เห็นกันจะ ๆ ออกอย่างนั้นว่าหลงรักไอ้สารเลวนั่นถึงกับทิ้งมาตาฮาจิคู่หมั้นแสนดีหนีตามกันไป ไม่ชั่วก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว จะพูดอะไรก็พูดกันตรง ๆ ดีกว่า ไม่ต้องมาดัดจริต”
“... ... ...”
แม่เฒ่าลอบยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อีกไม่นาน พอข้าพบกับมาตาฮาชิ ข้าจะเป็นคนหว่านล้อมให้ลูกชายข้าเลิกรากับหล่อนให้เด็ดขาดกันเสียทีจากนั้นเราก็จะขาดกันเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก หล่อนก็คงจะสมใจอยากถลาเข้าไปซุกอกไอ้สารเลวนั่นทันที และนินทาว่าร้ายข้ากับมาตาฮาจิไปตลอดชีวิต”
“พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าคะ คุณป้าก็รู้ดีว่าโอซือไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น หนูไม่เคยลืมบุญคุณของคุณป้าที่มีต่อลูกกำพร้าคนนี้มาตลอด หนู...”
“แหม สาวสมัยนี้ช่างเจรจากันเสียเหลือเกิน จีบปากจีบคอหาถ้อยคำมาเรียงร้อยจาระไนให้ตัวเองดูเป็นคนดีเป็นที่น่ารักน่าชม แต่แม่เฒ่าคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา และขอยื่นคำขาดเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าหล่อนเป็นเมียของ มูซาชิหล่อนก็ได้เป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ข้าจะจองล้างจองผลาญตลอดชีวิตไปอีกคน...เฮอะ เฮอะ เฮอะ รู้อย่างนี้แล้วจะยังมีหน้ามาบีบนวดไหล่ให้ศัตรูอยู่อีกเรอะ”
“... ... ...”
“ฆ,ฮฯยอมเป็นศัตรูกับข้าใช่ไหม ถ้างั้นเราก็ขาดกันเดี๋ยวนี้เลย ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม”
“... ... ...”
“ร้องไห้ทำไม”
“เปล่านะ”
“แล้วไอ้ที่หยดลงมาเปียกคอเสื้อข้านั่นน่ะอะไร”
“...ขอโทษเจ้าค่ะคุณป้า หนูเผลอ...”
“ไม่ต้องร้องเลยนะ ขนลุกไปหมดแล้วเหมือนมีตัวแมงมาไต่อยู่ที่ต้นคอ ไหน ๆ จะนวดให้แล้วก็ใส่แรงอีกหน่อยได้ไหม ตั้งใจหน่อยสิ มัวแต่พิรี้พิไรคิดถึงแต่ไอ้สารเลวมูซาชิอยู่นั่นเอง”
แสงโคมไฟวอมแวมใกล้เข้ามาจากทางไร่ผักหน้าบ้าน โอซือกับแม่เฒ่าเหลียวไปดูคิดว่าเป็นหญิงโรงครัวเอาอาหารเย็นเอามาส่งให้ตามเคย แต่ไม่ใช่...
“ขอโทษ ที่นี่คือห้องพักของท่านฮนอิเด็นใช่ไหม”
พระรูปหนึ่งเดินเข้ามาหยุดถามที่เชิงระเบียง โคมไฟที่ถืออยู่เขียนชื่อวัดโอวาริซัง คิโยมิซุเดระ


2
“อาตมาจำวัดอยู่ที่วิหารชิอันโด”
พระวางโคมไฟลงบนระเบียงพร้อมกับหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
“เมื่อพลบค่ำ หนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งท่าทางคล้ายนักดาบเยี่ยมหน้าเข้ามาถามอาตมาว่า มีแม่เฒ่าจากแคว้น มิมาซากะผ่านมาทางนี้บ้างไหม และพออาตมาบอกว่าคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นคนหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนที่กำลังถามหาอยู่หรือเปล่า เจ้าหนุ่มก็ขอยืมพู่กันไปเขียนจดหมายนี้ทิ้งไว้ให้แม่เฒ่าที่เขาตามหาก่อนเดินทางต่อไป พอดีอาตมาออกไปทำธุระแถวสะพานโกโจก็เลยแวะเอามาให้”
“ขอบใจท่านมาก ที่อุตส่าห์เอามาให้ถึงที่นี่”
แม่เฒ่าโอซูงิกุลีกุจอหยิบเบาะรองนั่งมาให้หวังว่าจะไต่ถามความละเอียด แต่พระรูปนั้นกลับไปโดยไม่รีรอ
“อะไรกันล่ะนี่”
แม่เฒ่าคลี่จดหมายออกอ่าน สีหน้าที่เปลี่ยนไปทำให้เห็นได้ชัดว่าเนื้อความของจดหมายต้องที่กระทบกระเทือนใจนางอย่างรุนแรง
“โอซือ”
“เจ้าขา”
โอซือขานรับมาจากเตาผิงที่มุมห้อง
“ไม่ต้องชงชามาหรอก พระท่านกลับวิหารชิอันโดไปแล้ว”
“กลับไปแล้วหรือเจ้าคะ งั้นคุณป้าก็ดื่มเองละกัน หนูชงเสร็จแล้ว”
“อะไรนะ นี่หล่อนจะเอาชาที่ชงให้คนอื่นมาให้ข้าดื่มงั้นรึ คิดว่าข้าเป็นกระโถนสำหรับโละชาที่เหลือติดก้นถ้วยทิ้งหรือยังไง อย่าเอามาให้ข้าดื่มเด็ดขาดเลยนะ”
แม่เฒ่าเกรี้ยวกราดพร้อมกับสั่งเหมือนตวาด
“เลิกยุ่งกับน้ำชา ไปเตรียมตัวออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้”
“จะให้หนูไปด้วยหรือเจ้าคะ”
“ก็ใช่น่ะซี ข้าจะจัดการเรื่องที่เจ้ารอคอยมานานให้เสร็จสิ้นภายในค่ำคืนนี้แหละคอยดูก็แล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้น จดหมายนั่นก็เป็นของมาตาฮาจิ...”
“จะของใครก็ช่างไม่ต้องพูดอะไรมาก หล่อนตามข้ามาเป็นพอ”
“ได้เจ้าค่ะ งั้นหนูไปเร่งอาหารเย็นก่อนนะ”
“หล่อนยังไม่ได้กินรึ”
“ก็หนูคอยกินพร้อมคุณป้าไง”
“ใครใช้ให้คอย ไม่รู้จักคิดบ้างหรือไงนางคนนี้ ข้าออกจากบ้านตั้งแต่ก่อนเที่ยง ใครจะทนหิ้วท้องมาได้จนเย็นจนค่ำ ข้ากินข้าวน้ำชาตำรับนาราเป็นมื้อเที่ยงควบมื้อเย็นมาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่ได้กินก็รีบไปหาอะไรใส่บ้างใส่ท้องเสียหน่อยแล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
“บนภูเขาโอวาริตอนกลางคืนคงจะหนาวเย็น หล่อนซ่อมเสื้อคลุมให้ข้าเสร็จหรือยัง”
“กิโมโนของคุณป้า เหลือเข้าแขนอย่างเดียวก็เสร็จเจ้าค่ะ”
“ข้าพูดถึงเสื้อคลุม เอามาให้ซ่อมตั้งนานแล้วเสร็จหรือยังล่ะ แล้วถุงเท้าล่ะซักให้หรือเปล่า หูคีบรองเท้าก็หลวม หล่อนรีบไปที่เรือนใหญ่ขอรองเท้าแตะฟางคู่ใหม่มาให้ข้าด่วนเลย เรฌ็วเข้าสิ”
แม่เฒ่าโอซูงิเร่งระคนสั่งโอซือเสียงเอ็ดอึงไม่หยุดปาก จนรับคำไม่ทันและสับสนจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง
แต่โอซือก็ก้มหน้างุด ๆ ทำตามสั่งโดยไม่มีเวลาซักถามสักคำ เห็นแล้วอดเวทนาไม่ได้
“หนูพร้อมไปกับคุณป้าแล้วเจ้าค่ะ”
โอซือสวมรองเท้าแตะฟางก้าวจากเรือนรับรองนำหน้าออกไปก่อน
“มีโคมไฟหรือเปล่า”
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“หล่อนนี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ เลย ใจคอจะให้คนแก่เฒ่าอย่างข้าเดินเข้าป่าลึกบนภูเขาทั้งมืด ๆ หรือไง ไปยืมโคมไฟจากโรงเตี๊ยมมาเดี๋ยวนี้”
“ข้าขอโทษ ลืมนึกไป”
กว่าจะออกเดินทางได้โอซือก็แทบหมดแรง อยากซักว่าจะเข้าไปทำอะไรที่ไหนในป่าลึกบนภูเขาโอวาริ ก็ไม่กล้าเพราะรู้ดีว่าแม่เฒ่าจะต้องเกรี้ยวกราดเอาอีกแน่ จึงได้แต่ถือโคมสว่างวอมแวมเดินนำหน้าขึ้นเนินซันเน็นซากะไปเงียบ ๆ แต่ใจนั้นเต้นระทึกเมื่อคิดว่าจดหมายฉบับนั้นจะต้องเป็นของมาตาฮาจิแน่ และแม่เฒ่าโอซูงิจะต้องจัดการเรื่องราวทั้งหมดระหว่างนางกับอดีตคู่หมั้นที่คั่งค้างยืดเยื้ออยู่นานปีให้เสร็จสิ้นภายในค่ำคืนนี้ดังที่ได้ลั่นวาจาไว้ ทนอีกนิดเดียวก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์โศกและความรู้สึกเลวร้ายที่เกาะกินใจมานานเสียที
พอตกลงกันได้ด้วยดีแล้ว เราจะต้องรีบกลับไปพบหน้าโจทาโรที่คฤหาสน์คาราซูมารุ และถามข่าวคราวของมูซาชิทันทีเลย
ทางขึ้นเนินซันเน็นซากะเป็นทางวิบากไม่น้อย พื้นขรุขระไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อย ทำให้โอซือต้องเดินด้วยความระมัดระวังทุกฝีก้าว


กำลังโหลดความคิดเห็น