เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะถูกเกาหลีใต้แซงหน้าในอีก 5 ปี และไต้หวันในอีก 6 ปี เนื่องจากญี่ปุ่นล่าช้าในการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล ยังคงใช้ตราประทับ แฟกซ์ และใช้จ่ายโดยเงินสด
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่นประมาณการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของเกาหลีใต้จะอยู่ที่ 46,519 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2570 และ GDP ของไต้หวันจะอยู่ที่ 47,305 ดอลาร์ในปี 2571 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันคาดว่า GDP ของญี่ปุ่นจะตามหลังอยู่ที่ 45,607 และ 46,443 ดอลลาร์ตามลำดับ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญปัญหาจากสังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดที่ต่ำ ซึ่งเกาหลีใต้และไต้หวันก็มีปัญหาแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ การก้าวสู่ความเป็นดิจิทัล
การวิจัยคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงปี 2563-2578 จะเติบโตเฉลี่ยราวปีละ 2.0% น้อยกว่าเกาหลีใต้ที่จะเติบโต 4.1% และไต้หวันที่จะเติบโต 4.2%
ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ของเกาหลีใต้ และ หงไห่ พริซิชั่น หรือ ฟ็อกคอนส์ มีบทบาทสำคัญยิ่งในการนำพาเกาหลีใต้และไต้หวัน ให้รุดหน้าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เปลี่ยนไปเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000 ขณะที่ไต้หวันก็มีการตั้งรัฐมนตรีดิจิทัลขึ้นมาโดยเฉพาะ
ขณะที่ญี่ปุ่นยังคงยึดติดอยู่กับรูปแบบการทำงานและธุรกิจเดิมๆ โดยเน้นความเท่าเทียมมากกว่าประสิทธิภาพ หน่วยงานต่าง ๆ ยังใช้ตราประทับแทนการเซ็นชื่อเพื่ออนุมัติเอกสารต่างๆ และใช้โทรสารในการทำงานอยู่
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่นยังประมาณการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) ของประเทศจีนจะอยู่ที่ 35.84 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2576 แซงหน้าสหรัฐอเมริกา ส่งให้จีนจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ทว่า สหรัฐจะกลับมาครองแชมป์ ประเทศเศรษฐกิจเบอร์ 1 อีกครั้งในปี 2599 หากสหรัฐยังคงรักษาจำนวนประชากรและกำลังการผลิตไว้ได้ ขณะที่ประชากรจีนที่ลดน้อยลงจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ.