สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว เพื่อนๆ เชื่อไหมครับว่าคนญี่ปุ่นมีความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ สืบเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาภูตผีของญี่ปุ่นโบราณแบบชินโต ความคิดเกี่ยวกับเทพเจ้าแปดล้านองค์ที่มีความเชื่อที่ว่ามีจิตวิญญาณสิงสถิตอยู่ในทุกสิ่ง ตั้งแต่ภูเขา สัตว์ ไปจนถึงสิ่งของต่างๆ แล้วปัจจุบันนี้ล่ะคนยังมีความเชื่อนี้อยู่หรือไม่ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องที่คนญี่ปุ่นพูดคุยกันเกี่ยวกับลักษณะของภูตผีปีศาจที่คนพูดถึงในยุคเฮเซและเรวะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับความเชื่อและการเล่าต่อๆ กันมานะครับ อาจจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้ อย่าคิดมาก โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
ก่อนอื่นๆ ยุคสมัยต่างๆ ของญี่ปุ่นเริ่มต้นนับเมื่อสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์สมบัติครับ ยุคเฮเซ หรือรัชศกเฮเซ 平成 Heisei เริ่มต้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1989 คือวันที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะขึ้นครองราชย์ และยุคเฮเซสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2019 (รวมศักราชเฮเซ 31 ปี ) และยุคถัดจากยุคเฮเซคือยุคเรวะเริ่มต้นในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 คือวันที่สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินั่นเอง ดังนั้นปัจจุบันนี้เราก็อยู่ในยุครัชศกเรวะมาได้สองปีกว่าแล้วครับ มาพร้อมๆ กับโควิด-19 พอดีเลย
ทุกครั้งที่ผมไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่เมืองไทย ผมจะเห็นถ้วยซุปมิโซะที่ถูกเสิร์ฟโดยการขยับเปิดฝาไว้นิดหน่อย ถ้าเพื่อนๆ ไปรับประทานอาหารที่ร้านญี่ปุ่นลองสังเกตุดูครับอาจจะเคยเห็นเวลาพนักงานเสิร์ฟน้ำซุปมิโซะที่จะมีฝาปิดมาด้วย แต่เขาจะเปิดฝามาให้นิดๆ ไม่ปิดให้สนิท ที่ญี่ปุ่นก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันเพราะว่าถ้าปิดสนิทแล้วด้วยความที่ข้างในถ้วยมันร้อนนะครับอากาศภายนอกจะมีแรงดันทำให้อากาศกดฝาลงยิ่งทำให้เปิดฝายากเข้าอีก คนสมัยก่อนหาเหตุผลไม่ได้ว่าเปิดฝาไม่ได้เพราะอะไร และก้นถ้วยซุปจะมีลักษณะโค้งทำให้อากาศที่เย็นกว่าดันให้ถ้วยเคลื่อนตัวไปมา ทำให้คนสมัยก่อนคิดว่าคือปีศาจถ้วย คือโยไกที่บันดาลให้ถ้วยเคลื่อนตัวไปมาเองได้ แต่ต่อมามีการออกแบบฐานที่ก้นถ้วยให้มีรูด้วยครับถ้าใครสังเกตดูถ้วยซุปที่ญี่ปุ่นก็จะเห็นเป็นรูเล็กๆ ที่เจาะเอาไว้ตรงฐานของก้นถ้วยเพื่อช่วยให้ระบายลมได้นั่นเอง
สมัยก่อนการที่ถ้วยซุปมิโซะเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันได้เอง ก็คล้ายกับเรื่อง ポルターガイストPoltergeist (พ็อลเทอร์ไกสท์) เป็นชื่อเรียกปรากฏการณ์ชนิดหนึ่ง ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน เกิดจากการรวมกันของคำภาษาเยอรมันสองคำ คือ 'Poltern' ที่แปลว่าการพุ่งชนกัน ก่อให้เกิดความรำคาญหรือเอะอะจนเกิดเสียงดัง และ 'Geist' ที่แปลว่าผีหรือวิญญาณ พอมารวมกันจึงแปลว่า ผีที่ส่งเสียงดังหรือก่อให้เกิดความรำคาญ ซึ่งรูปแบบของเหตุการณ์ที่เรียกว่าเป็น 'Poltergeist' ก็อย่างเช่น เวลาเราได้ยินเสียงเหมือนมีใครเคาะกำแพงหรือเสียงประหลาดดังแบบไม่รู้ที่มา หรือมีวัตถุลอยไปมา ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า Yurei ยูเระ และ Yokai โยไกครับ
幽霊 Yurei / 妖怪 Yokai คืออะไร
ยูเระ คือวิญญาณของมนุษย์ที่เสียชีวิตทั้งๆ ที่ยังเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท ถ้าตายในสภาพไหนก็มักจะมาปรากฏกายในสภาพนั้นๆ และอาจกลายร่างเป็นโอบาเกะได้ด้วย โยไก คือ แนวสัตว์ประหลาด ภูตผีปีศาจที่มีความเหนือธรรมชาติตามความเชื่อของญี่ปุ่น มีรูปแบบที่แปลกแตกต่างกันไปมากมาย เป็นผู้ดำรงอยู่ที่ไม่ธรรมดาและไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ เชื่อกันว่ามีพลังลึกลับซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดและผิดปกติซึ่งเกินความเข้าใจของมนุษย์ ตามคติความเชื่อพื้นบ้านที่สืบทอดกันในญี่ปุ่น ซึ่งโยไกอาจจะนำโชคลาภหรือลางร้ายมาสู่ก็เป็นได้ โดยสามารถแบ่งยูเระและโยไกได้หลายประเภท เช่น
●โอบาเกะ หรือโยไกที่แปลงกายได้ ที่เราเรียกกันว่าภูติหรือปีศาจ โดยส่วนมากแล้วโยไกประเภทนี้มักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ผู้หญิง หรือในรูปแบบของสัตว์ เช่น ทานูกิ ,คิสึเนะ (สุนัขจิ้งจอก)
●โอนิ หรือยักษ์ อาจจะเป็นยูเระ หรือโยไก แต่ส่วนใหญ่เป็นยูเระมากกว่า โอนิบางตนจะคอยเฝ้าดูแลภูเขาต่างๆ ร่ายกายมักจะมีสีแดง, ฟ้า, หรือน้ำตาล มีเขา ปากกว้างและมีวงเขี้ยว อาจจะนุ่งผ้าเตี่ยว สวมหนังเสือ มือถือกระบองหรือดาบ ยักษ์โอนิมักจะมีภาพลักษณ์ที่ดุร้าย
●สึกุโมงามิ เป็นสิ่งที่มีวิญญาณสิงอยู่ จำแนกได้ยากว่าเป็นยูเระหรือโยไก มีกำเนิดจากข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ต่างๆ ที่มนุษย์ละทิ้ง โดยส่วนมากแล้วไม่มีพิษภัยต่อมนุษย์ และอาจอาศัยอยู่ในบ้านเรือนของมนุษย์โดยทั่วไป เช่น รองเท้าไม้ , ร่มเก่า , กาต้มน้ำ , โคมไฟ เป็นต้น ซึ่งจะมีความสามารถเหนือธรรมชาติแต่ในขณะที่บางตัวมีความร้ายกาจมาก
●รูปแบบมนุษย์ มียูเระจำนวนมากที่มาจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ซึ่งส่วนมากมีสาเหตุมาจากสภาวะทางอารมณ์และจิตใจที่มีความอิจฉาริษยา อาฆาตพยาบาท เช่น หญิงสาวคอยาว หญิงสาวปากฉีก
ยูเระและโยไกเป็นต้นกำเนิดและแหล่งที่มาของนิทานชวนหลอนในญี่ปุ่นมาเนิ่นนานและมักถูกนำไปประกอบในวรรณกรรมและศิลปกรรมต่างๆ โดยอาจจะมีการใส่จินตนาการใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้าไป นอกจากยูเระและโยไกตามประเภทที่ยกตัวอย่างด้านบนแล้ว เราอาจจะแบ่งประเภทของโยไกตามรูปแบบที่พวกเขาเลือกที่จะปรากฏตัวก็ได้ โยไกส่วนใหญ่มักมีนิสัยซุกซน ซึ่งโยไกในยุคเรวะที่คนพูดถึงกันนั้น คือโยไกเหล่านี้ครับ
◆ Chinge chirashi คือ โยไก(ห-ม-อ-ย☆)ขนในที่ลับ ปัจจุบันคนสงสัยว่าทำไมจึงมีขนในที่ลับไปอยู่ตามที่ต่างๆ ที่ไม่ควรจะอยู่ได้ เช่น ในถ้วยกาแฟ บนหลังตู้ หรือว่าตามที่ที่มันไม่น่าจะไปได้ คนญี่ปุ่นคิดว่ามันคือโยไก(ห-ม-อ-ย☆)ขนในที่ลับที่หลอกแกล้งคน มันจะไปอยู่ในที่ที่ไม่น่าขึ้นไปอยู่ได้
ตัวอย่างเช่น ในห้องน้ำโรงเรียน ตามปกติโรงเรียนที่ญี่ปุ่น จะให้นักเรียนจับกลุ่มเวรทำความสะอาด ซึ่งเวลาที่เรากวาดพื้นก็จะมีเศษผม เศษฝุ่นขนต่างๆ มากมาย เช่น ในห้องน้ำผู้ชาย พวกเราจะเจอขนในที่ลับบนขอบโถปัสสาวะ!! ถ้าขนมันอยู่ในโถ หรือหล่นตามพื้นก็ยังพอเข้าใจได้ แต่เพราะผลงานของโยไกแน่ๆ ที่มันสามารถขึ้นไปอยู่สูงขนาดนั้นได้ หรือตามชั้นหนังสือสูงๆ ก็ยังมี เพราะโยไกแน่ๆ
★นี่คือผลงานของโยไก! ในยุคปัจจุบัน
(; ・`ω・´) 9m
◆ Mezamashi dome เป็นโยไกที่ทำให้นาฬิกาปลุกไม่ยอมปลุก คือเราตั้งปลุกไว้แล้วแต่นาฬิกามันไม่ปลุก มันต้องเป็นเพราะโยไกแน่ๆ มักจะเกิดขึ้นตอนที่เราต้องตื่นไปสอบสัมภาษณ์งานหรือเดินทาง มักจะมีโยไกออกมาแผลงฤทธิ์
★นี่คือผลงานของโยไก! ในยุคปัจจุบัน
◯Οο(⊃Å` 9m
◆อามาบิเอะ アマビエ Amabie เป็นโยไกที่มีมานานแล้ว เกือบๆ สองร้อยปีมาแล้ว แต่มาฮิตเป็นที่พูดถึงอย่างมากอีกครั้งในปัจจุบัน เธอเป็นนางเงือกหรือนายเงือก(ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าชายหรือหญิง)ในตำนานญี่ปุ่น มีปากคล้ายจะงอยปากนก และมีหางแบบครีบปลาสามแฉก เธอให้คำพยากรณ์เรื่องการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ และเรื่องโรคระบาด และสั่งสอนผู้คนเพื่อป้องกันภัยจากโรคภัย นางเงือกอามาบิเอะกลับมาได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อในปี 2020 เนื่องจากชื่อเสียงของเธอในฐานะผู้ทำนายและป้องกันโรคระบาด มีการพูดถึงเธอในโยไกมังงะ ใน Twitter และแม้แต่ในโปสเตอร์เกี่ยวกับ Covid-19 ด้วยครับ ล่าสุดสายการบิน JAL ก็นำรูปของอามาบิเอะ มาเพ้นท์ที่เครื่องบินด้วย
ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาเหตุผลได้ คนญี่ปุ่นมักจะอ้างว่าเป็นเพราะโยไก จะได้ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรให้ยุ่งยากมากมาย ถึงขั้นที่ว่าบางคนเอาไปเป็นข้ออ้างกันได้เลย เช่น นายเอเล่นเกมส์จนดึก ทำให้ตื่นสายและไปทำงานสาย ซึ่งเรื่องการตรงต่อเวลานี่เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นยึดถือมาก ถ้าบอกหัวหน้าว่าเล่นเกมส์ดึกต้องโดนว่าแน่ๆ นายเอก็จะอ้างว่าเพราะโยไกทำให้นาฬิกาปลุกไม่ทำงาน แบบนี้อาจจะได้รับความเห็นใจจากหัวหน้า แต่จะอ้างได้ผลหรือไม่ได้ผลนั้นผมก็ไม่การันตีนักนะครับ ซึ่งความเชื่อหรือขนบธรรมเนียมประเพณีของญี่ปุ่นเรื่องโยไกนี้มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงมาตลอดตามยุคสมัย เดิมใช้เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ เพราะอำนาจพลังพิเศษบันดาล แต่เมื่อคนเข้าใจหลักการทางวิทยาศาตร์ของโลกมากขึ้น พลังของโยไกก็ถูกลดลง แต่ปัจจุบันก็ยังเกิดโยไกในรูปแบบใหม่ๆ มาอยู่เสมอ วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ สวัสดีครับ (*´꒳`*)