ครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเรียกร้องให้รัฐบาลพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ จนถึงเดือนมิถุนายนมีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” 196 ราย
“ตั้งตัวไม่ทัน ทำใจไม่ได้ ” คือความในใจของสามีของผู้หญิงวัย 73 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ทั้งคู่ไปฉีดวัคซีนด้วยกันที่โรงพยาบาลในเมืองโกเบเมื่อวันที่ 28 พ.ค. หญิงผู้เป็นภรรยาเป็นโรคเบาหวานมานาน 15 ปี แต่ว่าไม่มีอาการรุนแรง และในวันที่ไปฉีดวัคซีนก็ไม่มีความผิดปกติของสุขภาพ หลังฉีดวัคซีนเสร็จก็ได้รอดูอาการที่โรงพยาบาล 30 นาที และไม่พบผลข้างเคียงอะไรจึงได้กลับบ้านไป
สามีของผู้เสียชีวิตเล่าว่า หลังจากพักผ่อนดูโทรทัศน์ ภรรยาบอกว่าเจ็บหน้าอกขอตัวไปพักผ่อน...นี่คือคำพูดสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นภรรยาก็เกิดหายใจไม่ออกจนต้องเรียกรถฉุกเฉินนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เธอเสียชีวิตลงก่อนเพราะหัวใจและปอดหยุดทำงาน ระยะเวลาเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนได้เพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง
คุณลุงผู้เป็นสามีบอกว่า ภรรยาเสียชีวิตอย่างกะทันหันมาก จนอดคิดไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่
แพทย์ประจำโรงพยาบาลที่ทำการฉีดวัคซีนระบุว่า ตกใจมากเมื่อได้รู้ข่าวการเสียชีวิตของหญิงรายนี้ เพราะหลังฉีดวัคซีนหญิงรายนี้ดูแข็งแรงดีไม่มีความผิดปกติอะไร จึงได้อนุญาตให้กลับบ้านไป อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังลังเลที่จะบอกว่าการเสียชีวิตเป็นผลจากวัคซีนหรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่า คุณป้าคนนี้ใช้ชีวิตตามปกติ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือได้รับวัคซีน และเสียชีวิตลง
196 ชีวิตดับหลังฉีดวัคซีน แต่ไร้คำตอบ
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น รายงานว่า ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ถึง 4 มิ.ย. มีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 196 ราย ทั้งหมดได้รับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค
รายงานของทางกระทรวงระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป สาเหตุการเสียชีวิตคือ เลือดออกในอวัยวะสำคัญ, หัวใจและปอดหยุดทำงาน, หัวใจล้มเหลว, หัวใจขาดเลือด, ติดเชื้อในปอด, สมองขาดเลือด และโลหิตเป็นพิษ เป็นต้น
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ระบุว่า จนถึงวันที่ 30 พ.ค. วินิจฉัยกรณีเสียชีวิตแล้ว 139 ราย ทั้งหมดไม่สามารถระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ผ่าศพเพื่อวินิจฉัยทางนิติเวช โดยให้เหตุผลว่า ยากที่จะพบรายละเอียดมากไปกว่านี้
คุณป้าวัย 73 ปีที่เสียชีวิตรายนี้อยู่ในกลุ่มที่กระทรวงสาธารณสุข “กำลังวินิจฉัย” แต่ผู้เป็นสามีได้ยินยอมที่จะให้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยใหญ่ทำการพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของภรรยา
คุณลุงผู้เป็นสามีบอกว่า “ รู้ว่ารัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน แต่จำเป็นต้องพิสูจน์ผลจากการฉีดวัคซีนให้แน่ชัด ไม่ใช่บอกว่าใคร ๆ ก็ฉีดวัคซีนได้ ”
ในฐานะรัฐบาล การปกป้องประชาชนจากโรคระบาดเป็นหน้าที่สำคัญ แต่การทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสียก็เป็นความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน.