คอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” โดย “ซาระซัง”
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านที่รักทุกท่าน กรุงโตเกียวกับนครนิวยอร์กนอกจากคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแล้ว ยังมีประชากรสุนัขเลี้ยงอีกมากมายเลยทีเดียว เวลาอากาศดีจะมีคนพาสุนัขออกมาเดินเล่นให้เห็นอยู่เรื่อย แต่บรรยากาศของการเลี้ยงและพาสุนัขไปไหนมาไหนของสองเมืองนี้ดูจะต่างกันอยู่ในที
ตอนอยู่กรุงโตเกียวฉันชอบไปดูลูกสุนัขตามร้านขายสุนัขและแมว เขาจะใส่ไว้ในตู้โชว์ ติดป้ายบอกอายุ เพศ และพันธุ์ ราคาตั้งแต่ประมาณ 20,000-40,000 บาท บางตัวเป็นพันธุ์ผสมแต่แพงก็มี หากสนใจตัวไหนก็ขอเขาเปิดตู้ออกมาลองอุ้มดูได้ เคยคิดอยากจะลองเหมือนกันค่ะ แต่กลัวอุ้มแล้วอยากได้ขึ้นมาจริงจังทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่สามารถเลี้ยงหรือมีเวลาดูแลได้ ก็เลยได้แต่มองและเล่นด้วยจากกระจกตู้ไปก่อน
อะพาร์ตเมนต์ในญี่ปุ่นที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้มีจำกัด อะพาร์ตเมนต์แห่งแรกที่ฉันอาศัยอยู่นั้น แม้จะเป็นของตัวเองแต่ทางตึกไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ก็เลยอดเลี้ยง เคยถามเหตุผลว่าทำไมก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน คนดูแลตึกจึงแนะว่าเลี้ยงปลาดีไหม แต่ฉันไม่อยากเลี้ยงสัตว์ที่เล่นด้วยกันไม่ได้หรือต้องขังไว้ตลอดเวลา ก็เลยไม่ได้เลี้ยงปลา
บางอะพาร์ตเมนต์มีปุ่ม “สัตว์เลี้ยง” (ペット/PET) อยู่ในลิฟต์ด้วย ปุ่มนี้คนญี่ปุ่นจำนวนมากเองก็ไม่ทราบว่ามีไว้ทำไม ใช้งานอย่างไร เขาว่าเอาไว้ให้คนซึ่งพาสัตว์เลี้ยงขึ้นลิฟท์กดปุ่มนี้ แล้วไฟแจ้งเตือนจะขึ้นที่หน้าลิฟต์ว่าขณะนี้มีสัตว์เลี้ยงโดยสารอยู่ คนที่ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงก็อาจจะยังไม่ขึ้น แต่รอรอบถัดไปแทน
อาจเพราะหลายคนไม่สามารถเลี้ยงสุนัขหรือแมวได้ คาเฟ่สุนัขหรือคาเฟ่แมวจึงเป็นที่นิยม ในเว็บไซต์ของร้านมักโฆษณาว่าสามารถสัมผัสสุนัขหรือแมวได้ แรก ๆ ฉันอ่านแล้วก็ขำนิดหน่อยเพราะว่าอยู่เมืองไทยสามารถสัมผัสสุนัขและแมวจรจัดได้ง่ายดาย ไม่ต้องเสียสตางค์ คาเฟ่บางแห่งจะมีให้บริการ “พาสุนัขเดินเล่น” ด้วย คือเราต้องจ่ายเงินเขาเพื่อพาสุนัขไปเดินเล่น ฟังดูแปลก ๆ แต่ก็พอเข้าใจความรู้สึกของคนรักสุนัขแต่ไม่สามารถเลี้ยงได้ หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเลี้ยงดีไหม ทางร้านเขาก็ช่างจับจุดลูกค้าเก่งจริง
สุนัขที่เห็นในกรุงโตเกียวส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์เล็ก ๆ เสียมาก เช่น ชิวาว่า ชิสุ พุดเดิลทอย ปอมเมอเรเนียน มัลทีส มินิดัชชุนด์ ปาปิยอง ยอร์กเชียเทอเรีย โตหน่อยก็เป็นพันธุ์ชิบะ เคยเห็นบ่อยที่คนญี่ปุ่นเอาชิวาว่าหลายตัวใส่รถเข็นเดินเล่น ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม
เวลาเห็นคนจูงสุนัขมา ถ้าเป็นพันธุ์ที่ฉันชอบก็จะเดินเข้าไปถามเจ้าของว่าขอเล่นกับสุนัขเขาได้ไหม เจ้าของสุนัขในญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นมิตรและยินดี บางคนจะบอกกับสุนัขของเขาอย่างใจดีว่า “ดีจังเลยเนอะ” พอเราเล่นด้วยเสร็จแล้ว เจ้าของเขาก็จะขอบคุณเราเสียอีกที่เอ็นดูสุนัขของเขา ในขณะที่เราก็รู้สึกขอบคุณที่เขาให้เราได้เล่นด้วย
ดูเหมือนคนญี่ปุ่นที่เลี้ยงสุนัขจำนวนหนึ่งจะมองว่า ควรให้สุนัขขับถ่ายในบ้านเสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยพาไปเดินเล่น เพื่อที่จะได้ไม่ไปทำเลอะเทอะนอกบ้านรบกวนคนอื่น แต่อย่างไรก็ให้พกน้ำออกไปด้วยขวดหนึ่ง เผื่อสุนัขหิวน้ำ หรือเผื่อถ้าสุนัขฉี่ก็จะได้เอาน้ำนี้ราดทับลงไปไม่ให้ส่งกลิ่นรุนแรง หรืออย่างน้อยคนผ่านไปมาเห็นเข้าก็จะได้ไม่ตำหนิติเตียน แต่วิธีเทน้ำราดนี้บางคนก็ว่าไม่ได้ผลอะไร กระนั้นก็นิยมทำตาม ๆ กันเพราะคิดว่าดีกว่าปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ บางคนถึงกับเอาแผ่นซับน้ำไปซับออกด้วย
เอาละ เราข้ามทวีปไปดูที่นครนิวยอร์กกันบ้างดีกว่า เมืองนี้เป็นมิตรกับสุนัขเอามาก ๆ เลยค่ะ ไปไหนมาไหนจะเห็นคนพาสุนัขเดินเล่นกันขวักไขว่อยู่เสมอ ตามสวนสาธารณะบางแห่งจะมีพื้นที่จัดไว้ให้สุนัขวิ่งเล่นกันโดยเฉพาะ หากเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่ให้สุนัขเดินได้โดยสะดวกก็อาจต้องใส่สายจูงไว้ตลอด และห้ามไม่ให้สุนัขไปวิ่งไล่สัตว์อื่น ตามทางเท้าสำหรับคนเดินเล่นริมแม่น้ำบางแห่งจะทำเป็นคอกหญ้าเทียมให้เลย สุนัขที่เข้าไปในนั้นก็เล่นด้วยกันดี แม้บางตัวจะไม่เคยเจอกันมาก่อน ดูน่ารักน่าเอ็นดู
บางบริเวณจะมีถุงพลาสติกสีเขียวเสียบไว้ในกล่องเล็ก ๆ ข้างทาง สำหรับให้เจ้าของสุนัขเก็บอึของสุนัขตัวเองไปทิ้งให้เรียบร้อย แต่กระนั้นคนที่ไม่ยอมเก็บไปทิ้งก็มี จึงมักเจออึสุนัขอยู่ตามพื้น คนมักเดินเหยียบกันเลอะเทอะอยู่เรื่อย
ฉันมีวิธีเก็บอึสุนัขแบบสะดวกอยู่วิธีหนึ่งค่ะ เวลาพาสุนัขของตัวเองสองตัวไปเดินเล่นตอนอยู่เมืองไทย ฉันจะพกกระดาษที่ฉีกจากนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ออกไปด้วย 3-4 แผ่น ก่อนเขาจะขับถ่าย เขาจะหมุนตัวไปรอบ ๆ ก่อน พอหย่อนก้นลงปุ๊บ ก็รีบเอากระดาษวางไว้ข้างใต้ แต่อาจต้องเหยียบปลายกระดาษเอาไว้หน่อยกันปลิว เสร็จแล้วก็ห่อเอาไปทิ้งถังขยะ วิธีนี้ทำให้เก็บอึไปทิ้งได้ง่ายโดยไม่ทำให้พื้นถนนเลอะเทอะ หากเพื่อน ๆ ที่เลี้ยงสุนัขยังไม่เคยใช้วิธีนี้ ลองดูนะคะ เผื่อจะรู้สึกว่าง่ายดายขึ้น
บางทีคนพาสุนัขเดินเล่นในนิวยอร์กเองก็ไม่ใช่เจ้าของสุนัข แต่เป็น dog walker หรือคนรับจ้างพาสุนัขเดินเล่น รายได้อยู่ที่สิบกว่าเหรียญต่อชั่วโมง ถ้ามีเวลาเยอะและชอบสุนัข งานนี้ก็นับว่าเป็นการฆ่าเวลาที่ดีอยู่เหมือนกัน ตรงนี้ต่างจากที่โตเกียวอย่างที่เล่าไว้ข้างต้น แม้ทั้งสองเมืองจะมี “บริการพาสุนัขเดินเล่น” เหมือนกัน แต่ที่โตเกียวนั้นเป็นบริการที่เราต้องจ่ายเงินให้เขาเพื่อให้เราได้เดินเล่นกับสุนัข แต่ที่นิวยอร์กเราจะเป็นฝ่ายได้รับเงินแทน
ชาวนิวยอร์กดูจะนิยมเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่กันมากกว่าที่เห็นในกรุงโตเกียว เพราะอะพาร์ตเมนต์มีพื้นที่มากกว่าหรือเปล่าก็ไม่ทราบ พันธุ์ที่เห็นบ่อยได้แก่ เฟรนช์บูลด็อก ลาบราดอร์ พุดเดิลตัวใหญ่ และสุนัขใหญ่อีกหลากพันธุ์ประปราย รวมไปถึงสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิวาว่าหรือยอร์กเชียเทอเรียร์ แต่แม้จะเป็นสุนัขเล็กเขาก็มักปล่อยให้เดินเอง แทบไม่เคยเห็นคนอุ้มเลย
แม้สุนัขบางพันธุ์จะตัวใหญ่หรือดูน่ากลัวว่าจะกัดไหม แต่ก็มักสุภาพและเป็นมิตรกับคน ลูกเพื่อนอายุ 3-4 ขวบเจอสุนัขพุดเดิลตัวใหญ่กว่าตัวเอง(พุดเดิลสูงประมาณ 1 เมตร) เดินมาก็ไม่กลัว เจ้าของบอกว่าไม่กัด เขาก็เดินเข้าไปลูบขนสุนัขด้วยความสนใจ
เคยมีครั้งหนึ่งสุนัขตัวใหญ่เห็นฉันเดินมาใกล้ ๆ ก็จะเข้ามาเลียมือ พอดีฉันกำลังจะไปร้านอาหาร และก็ติดนิสัยมาแต่เด็กว่า ถ้าไปเล่นกับสุนัขและแมวก็ต้องล้างมือให้สะอาดเรียบร้อยตามที่แม่สอน ฉันก็เลยหลบสุนัขที่จะเข้ามาเลียมือเป็นพัลวันทั้งที่ใจจริงแล้วอยากเล่นด้วย เจ้าของเห็นสุนัขหมุนตัวไปมาก็เหลียวตัวตาม เห็นฉันกำลังหลบสุนัขอยู่ ก็หัวเราะบอกฉันอย่างใจดีว่า “ไม่ต้องกลัวนะ เขาใจดีมากเลย” ฉันก็ยิ้มแหะ ๆ
ที่นิวยอร์กค่อนข้างจะพาสุนัขไปไหนมาไหนได้โดยอิสระ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าใหญ่เล็ก ร้านอาหาร หรือบาร์หลายแห่งยินดีให้พาสุนัขเข้าร้านได้แต่ต้องใส่สายจูง อุ้มไว้ หรือใส่กระเป๋าไว้ แต่ก็อาจจะแล้วแต่ร้านแล้วแต่สาขา จะให้ดีควรโทรถามล่วงหน้าก่อนพาสุนัขไป
ฉันเคยไปคาเฟ่กับเพื่อนที่มีสุนัขตัวเล็กมาด้วย เพื่อนกลัวว่าทางร้านอาจจะไม่ให้เข้า ฉันจึงลองโทรไปถามที่ร้านดู เขาถามว่าสุนัขตัวใหญ่ไหม ฉันบอกว่าตัวเล็ก ๆ เอง เขาว่าถ้าใส่กระเป๋าหรือตะกร้าไว้ ไม่ไปกวนคนอื่น ก็ยินดีให้พามาด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันไปร้านอาหารร่วมกับสุนัข คนอเมริกันที่เป็นมิตรกับสุนัขเองก็เยอะ เท่าที่ผ่านมาพอพาสุนัขไปด้วย โต๊ะข้าง ๆ มักมองสุนัขด้วยความเอ็นดู ยังไม่เคยเจอที่แสดงท่าทีรังเกียจสักที
หากเดินเล่นอยู่ในนิวยอร์กตอนหน้าร้อน จะสังเกตเห็นว่ามีชามสุนัขใบใหญ่ใส่น้ำเอาไว้วางอยู่หน้าร้านอาหารหรือคาเฟ่บางแห่งด้วย เข้าใจว่าคงเผื่อสำหรับคนพาสุนัขเดินเล่นหรือมาใช้บริการที่ร้าน หากสุนัขหิวน้ำก็จะได้มีน้ำดื่ม เห็นแล้วรู้สึกว่าเป็นเมืองที่น่ารักและเป็นมิตรกับสุนัขมากจริง ๆ แต่ก็สงสัยเหมือนกันค่ะว่าสุนัขแต่ละตัวมาดื่มน้ำจากชามใบเดียวกันจะไม่ถูกสุขอนามัยหรือเปล่านะ
เรื่องของเพื่อนสี่ขาประชากรในเมืองใหญ่ก็มีเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ สวัสดีค่ะ.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ซาระซัง" เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น”ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.