รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งระงับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกินอาหารนอกบ้านในเมืองซับโปโรและโอซากา หลังผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดพุ่งสูงเป็นการระบาดระลอกที่ 3 ในญี่ปุ่น
โครงการ Go To คือนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด ประกอบด้วย "Go To Travel" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลให้ส่วนลดมากถึง 50% ของค่าใช้จ่าย โดยแบ่งเป็นส่วนลด 35% สำหรับค่าที่พัก และ 15% เป็นคูปองสำหรับซื้อสินค้าในพื้นที่
"Go To Eat" เพื่อส่งเสริมการกินอาหารนอกบ้าน โดยรัฐบาลจำหน่ายคูปองที่มีส่วนลด 25% เพื่อให้ประชาชนนำไปใช้เป็นค่าอาหารในร้าน โดยหากจองร้านผ่านเว็บไซต์และแอพลิเคชันต่าง ๆ ก็ยังจะได้รับส่วนลดเพิ่มเติมอีก
โครงการ Go To ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากประชาชน มีผู้ออกเดินทางท่องเที่ยวและกินอาหารนอกบ้านอย่างคับคั่ง จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคม ญี่ปุ่นเริ่มมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มมากขึ้นวันละ 1,000-2,000 คน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นี่คือการระบาดระลอกที่ 3 แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังประกาศว่าจะเดินหน้าเศรษฐกิจไปพร้อมกับควบคุมการระบาด
แต่เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนทำสถิติมากยิ่งกว่าช่วงการระบาดใหญ่เมื่อเดือนเมษายน จนสถานพยาบาลหลายพื้นที่อาจรองรับผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ไหว และที่สำคัญคือ มีคนไข้อาการหนักสูงเป็นประวัติการณ์ 331 คน และผู้ติดเชื้อจำนวนมากหาต้นตอการติดเชื้อไม่ได้ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงตัดสินใจระงับเงินสนับสนุนโครงการ Go To Travel ที่จะเดินทางไปยังเมืองซัปโปโร และเมืองโอซากา ซึ่งเป็นพื้นที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม กรุงโตเกียวและจังหวัดรอบข้างก็มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากเช่นกัน แต่ยังไม่ถูกตัดออกจากโครงการนี้ คาดว่าเป็นเพราะกรุงโตเกียวเป็นเป้าหมายสำคัญของการเดินทางท่องเที่ยว มีความสำคัญทางเศรษฐกิจสูง หากตัดกรุงโตเกียวออกจากโครงการจะส่งผลอย่างมากต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ
รัฐบาลญี่ปุ่นยังระงับการขายคูปองในโครงการ Go To Eat ชั่วคราว และจะพิจารณาขอให้ร้านอาหารและบาร์ลดเวลาการเปิดบริการลงด้วย.