สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าถึงตอนที่ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศอินเดีย ตอนนั้นโชคดีเที่ยวสนุกปลอดภัย ไม่เกิดอันตรายใดๆ ขึ้น ที่จริงแล้วถ้าบรรยากาศและความต้องการเดินทางท่องเที่ยวกลับมาเหมือนเดิม ผมก็แนะนำให้เพื่อนๆ เดินทางไปเที่ยวอินเดียนะครับแต่ว่าต้องหาข้อมูลให้เยอะหน่อยและควรอ่านคำแนะนำจากแหล่งความรู้หลายๆ แหล่งข้อมูล และถ้าให้ผมแนะนำจากประสบการณ์ของตัวผมเอง ผมก็จะแนะนำว่าควรจะไปเที่ยวโซนอินเดียใต้ด้วย เพราะมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์กว่า มีพวกมิจฉาชีพหรือนักต้มตุ๋นโกหกหลอกลวงน้อยกว่าโซนอื่น
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่อาจจะต้องเตรียมรองรับไว้หน่อยก็คือ
●เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพราะว่าอาจจะหาร้านแลกเงินท้องถิ่นได้ไม่ง่ายนัก ไม่เหมือนประเทศไทยหรือประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถหาสถานที่รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ง่าย นอกจากนั้นถ้าไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ก็อาจจะหาร้านแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลท้องถิ่นได้ยากเข้าไปอีก ตอนที่ผมไปมีเรื่องที่โชคร้ายอยู่นิดนึงคือผมไม่ทันคิดประเด็นแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไว้ก่อน จึงแลกเงินที่สนามบินซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนไม่ค่อยดีนัก ผมจึงแลกเงินไปแค่นิดเดียวคิดว่าจะไปแลกในเมืองในวันรุ่งขึ้น แต่ว่าวันต่อมากลับเป็นวันหยุดราชการร้านรวงต่างๆ ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็พากันปิดไปหมดรวมทั้งร้านแลกเงินด้วย และถ้าถือเงินแบงค์ใหญ่จะไปซื้อของกินของใช้บางร้านไม่มีเงินย่อยทอน
●เรื่องต่อไปคือเรื่องของห้องน้ำ บางเมืองนั้นจะหาห้องน้ำสาธารณะนั้นยากมาก หรือแทบจะไม่มี โดยเฉพาะกรณีที่เดินทางโดยรถโดยสารประจำทางตอนนั้นผมยังคิดว่าบนรถประจำทางที่วิ่งระยะทางยาวอาจจะมีห้องน้ำหรือไม่ก็พอรถไปถึงศูนย์ที่จอดรถตามจุดต่างๆ น่าจะมีห้องน้ำให้บริการบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีเลยครับ และเราอาจจะคิดว่าขอเข้าตามร้านขายอาหารแบบเมืองไทย เช่นเมื่อรถจอดให้พักสักครู่หนึ่ง บางคนลงไปดื่มชาตามร้านและเดี๋ยวขอเข้าห้องน้ำสักหน่อยก็ได้มั้งแต่ก็ยากอีกเช่นกัน ดังนั้นถ้าเป็นสาวๆ เดินทางแบบนี้น่าจะลำบากแน่นอน ส่วนหนุ่มๆ ผมก็เห็นเขาไปยืนปัสสาวะกันแถวๆ ข้างทางหรือรอบๆ รถ รอบๆ สถานีนั่นเอง
●สาวๆ อาจต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ครั้งหนึ่งที่ผมไปเที่ยวที่เมืองโบราณมหาบาลีปุรัม (Mahabalipuram) ผมเห็นป้ายเขียนว่า All Women Police Station ตอนแรกผมคิดว่าเขาพิมพ์ผิดหรือเปล่า คือผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยรู้สึกแปลก คิดอยู่เลยว่าทำไมต้องเป็นผู้หญิงโดยเฉพาะ แต่ว่าบังเอิญเดินผ่านไปซอยที่มีสถานี All Women Police Station หันไปเห็นพอดี เป็นห้องเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก มีคนบอกว่าที่นี่มีเหตุพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ/อาชญากรรมทางเพศเยอะ คือเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของสาวๆ ด้วย
เมื่อมองในประเด็นความปลอดภัยแล้ว สำหรับสาวๆ ที่จะเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าไปไหนอย่างไรก็ตามความปลอดภัยสำคัญมาก ไม่ใช่เฉพาะแค่อินเดียเท่านั้นแต่ว่าที่ญี่ปุ่นเองก็มีมุมมองแปลกๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยวของสาวๆโดยเฉพาะสาวที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวอยู่เหมือนกัน ที่ญี่ปุ่นบอกว่า สาวที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแปลก ไม่ใช่สิ่งดี! ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ก่อนหน้านี้มีละครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้พิทักษ์ พระเอกขี่ม้าขาวที่คนญี่ปุ่นชอบดู หลายตอนจะมีสาวๆ เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว แล้วปรากฏว่าเธอจะถูกผู้ร้ายทำร้ายบ้าง จะถูกข่มขืนบ้างแต่ก็จะมีตัวเอกของเรื่องออกมาช่วยเหลือได้ทันท่วงทีทุกครั้งไป ต่อมาสาวๆ ที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากตัวเอกก็กลายมาเป็นเพื่อนกับพระเอก และได้มีโอกาสตอบแทนตัวเอกของเรื่องในภายหลัง พล็อตเรื่องตอนอื่นๆ ก็มีลักษณะการเดินเรื่องคล้ายๆ แบบนี้ คนก็ชอบดู อาจจะคิดว่าถ้าเราตกอยู่ในอันตรายอาจจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยได้นั้น ในความเป็นจริงมันอาจจะตรงกันข้ามก็ได้ และถ้ามองแบบโหดร้ายกว่านั้นความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีคนมาช่วยให้ปลอดภัยได้ทุกครั้ง
ส่วนเรื่องสาวเดินทางคนเดียวทำไมแปลกคงสืบเนื่องมาจาก เรื่องราวการกักกันและต้องห้ามเดินทาง เช่นเรื่องเกี่ยวกับ 箱根関所 Hakone checkpoint ในสมัยเอโดะ ต้องมีการปกป้องความปลอดภัยของเอโดะโตเกียว โชกุนใช้ระบบป้องกันความปลอดภัยหลายมาตรการ เช่น บุคคลที่จะผ่านเอโดะห้ามพกปืน ที่อาจจะนำไปใช้ในการก่อการร้าย หรือการจับตัวภรรยาหรือลูกชายลูกสาวของไดเมียวแต่ละเมืองเพื่อเป็นตัวประกันไว้ที่เมืองหลวงเอโดะ เพื่อให้ไดเมียวแต่ละเมืองส่งเครื่องราชบรรณาการเพื่อแสดงความสวามิภักดิ์ และป้องกันการแข็งข้อเพราะมิเช่นนั้นภรรยาหรือลูกๆ ที่อยู่ในเมืองหลวงอาจถูกฆ่าได้ อีกด้านหนึ่งเพื่อกันไม่ให้ภรรยาของไดเมียวเมืองต่างๆ หลบหนีไปที่อื่น จึงมีด่านเพื่อนตรวจสอบคนเข้าออกเมือง โดยเฉพาะเส้นทางจากเอโดะลงใต้หรือตะวันตกต้องเดินทางผ่านฮาโกเนะ ที่นั่นจึงมีด่าน 箱根関所 Hakone checkpoint ป้องกันคนหลบหนีออกไป
สมัยก่อนไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็เดินทางท่องเที่ยวผ่านเมืองต่างๆ ยากมาก ถ้าไม่มีวีซ่าผ่านทาง เช่นเครื่องหมายรับรองจากเมืองที่เรียกว่าเครื่องหมายผ่านทางจากทางไดเมียวก็ไม่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่ผู้ชายอาจจะง่ายกว่าผู้หญิงสักหน่อย ถ้าไม่ใช่ซามูไร แต่เป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไปอาจจะใช้เหตุผลว่าไปทำบุญที่ศาลเจ้าที่เมืองนั้นเมืองนี้ ไปสักการะเยี่ยมชมศาลเจ้า Ise jingu ที่ส่วนใหญ่จะให้ผ่านได้เลย หรือศาลเจ้าอะไรก็ว่าไป หรือจริงๆ แล้วอาจจะมีจุดประสงค์ที่แท้จริงคือไปโรงน้ำชาที่เป็นที่รู้กัน ก็อาจได้ผ่านทาง แต่เหตุผลเหล่านี้ยอมๆ ได้แค่เพียงสำหรับผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงก็มีบ้างที่แอบแต่งตัวเป็นชายเพื่อหลบหนีออกนอกเมือง ที่ด่านก็จะมีฝ่ายที่คอยตรวจสภาพร่างกายว่าเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาไหม 人見女 Hitomi onna การเดินทางผ่านเมืองต่างๆ คงคล้ายๆ เกม がんばれゴエモン Ganbare Goemon ที่ต้องขอวีซ่าก่อน ตัวอย่างการขอวีซ่าผ่านทาง เช่น มีอาจารย์สอนเคนโด้ที่อาศัยอยู่ที่จังหวัดคุมาโมโตะ ต้องเดินทางไปทำความเคารพไดเมียวของจังหวัดตนเองที่ไปทำราชการที่เมืองหลวง ( สมัยนั้นไดเมียวเมืองต่างๆ จะประจำการที่เมืองของตนประมาณปีครึ่งแล้วที่เหลือจะมาประจำการในเมืองหลวง จะได้พบภรรยาหรือลูกๆ ที่ถูกกักตัวไว้ที่เมืองหลวงนั่นเอง) การที่อาจารย์เคนโด้ต้องเดินทางผ่านเมืองต่างๆ นั้น เขาต้องมีหนังสือรับรองหรือวีซ่าผ่านทางจากไดเมียวของตนด้วย สมะยนั้นยังไม่มีภาพถ่าย ก็ต้องใช้วาดภาพสเก็ตใบหน้าเอา คือถ้าไม่มีใบผ่านทางเช่นนี้อาจไม่ได้ผ่านบางเมือง ไม่สามารถเดินทางได้เพราะไม่มีเหตุผลที่ดีพอ
สืบเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ ฮาโกเนะถือเป็นเมืองขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็น เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีผู้มาเยือนเป็นจำนวนมากเพื่อพักผ่อนตามรีสอร์ทและสปาน้ำพุร้อนหรือเพื่อเยี่ยมชมทิวทัศน์ภูเขาสวยงามที่รายรอบเมือง มีความเงียบสงบ มีแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นมากมายที่นี่ หรือเมืองรอบๆ ฮาโกเนะก็อาจจะมีออนเซ็นแบบโรงน้ำชาสมัยก่อนแฝงตัวอยู่ด้วย ซึ่งถ้าชายหนุ่มเดินทางมาเพื่อจุดประสงค์อย่างที่ทราบกันกลับไม่มีใครคิดว่าแปลก ถ้าเป็นผู้หญิงที่เดินทางมาคนเดียวนี่สิอาจจะโดนมองว่า ทำไมมาคนเดียว อกหักหรือเปล่า มีเหตุผลไม่ดีอะไรๆ หรือเปล่า เป็นต้น แต่ถ้าผู้ชายมาคนเดียวจะไม่ค่อยมีคนมาสงสัยอะไรเท่าไหร่นัก
ครั้งหนึ่งตอนที่ผมอายุประมาณ 8-9 ขวบยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่นัก ตอนนั้นเคยไปเที่ยวออนเซ็นที่ไม่ไกลจากจังหวัดของผมมากนัก กลุ่มนักเดินทางในวันนั้นมีคุณแม่ คุณยาย พี่สาวยายและน้องสาวผม คือส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ ไปเที่ยวออนเซ็นด้วยกัน จองห้องพักแบบครอบครัวพอเข้าไปในห้อง พนักงานนำน้ำชามาให้และแนะนำข้อมูลต่างๆ เสร็จแล้วพวกเราก็ว่าจะพักผ่อน ทันใดนั้นยายและพี่สาวยายก็โกรธนิดหน่อยเพราะในห้องตรงชั้นวางทีวีมีกล่องหยอดเหรียญต่อสัญญาณให้ดูวิดีโอเซ็กซี่ได้แค่ครั้งละ 100 เยน มีวิดีโอเซ็กซี่เป็นแคตตาล็อกเลย ซึ่งทุกคนรู้สึกตกใจมากที่ออนเซ็นแบบปกติแต่ว่ามีระบบวิดีโอเซ็กซี่ให้หยอดเหรียญดูด้วย เพราะพวกเราไปกันแบบเป็นครอบครัว และมีแต่สาวๆ อีกด้วย แต่จริงๆ แล้วกรณีแบบนี้ก็คือเป็นการเซอร์วิสเมื่อชายหนุ่มเวลามาเที่ยวออนเซ็นและอยากจะดูวิดีโอเซ็กซี่ เหมือนเป็นเรื่องปกติมีอยู่ทั่วไป
การเดินทางท่องเที่ยวจึงมีนัยมาตั้งแต่สมัยก่อน ถึงตอนนี้แม้ว่าที่จริงแล้วการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นถือว่ามีความปลอดภัยมาก แต่การที่ผู้หญิงเดินทางคนเดียวกลับถูกมองว่าแปลก แต่ถ้าผู้หญิงตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้ไม่มีปัญหา วันนี้สวัสดีครับ