xs
xsm
sm
md
lg

สาวญี่ปุ่นชวนรู้จักแยมผลไม้ ตามฤดูกาล

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คิดว่าสาวๆ หลายคนคงชอบรับประทานแยม และเคยทำแยมผลไม้กันบ้างแล้ว แยมถือเป็นของหวานชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายเยลลี่แต่ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็งแบบเยลลี่ แต่มีลักษณะกึ่งเหลวมีความข้นเหนียวพอเหมาะ วิธีการทำแยม คือ นำผลไม้หรือวัตถุดิบที่จะทำเป็นแยมมาต้มกับน้ำและน้ำตาล ด้วยอุณหภูมิประมาณ 104 องศาเซลเซียส แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นก็สามารถนำมารับประทาน หรือทาบนขนมปังได้ ง่ายๆ ไม่ยากเลย

แยมผลไม้นั้น จะได้รสชาติของผลไม้ที่มีเนื้อแน่นๆ และมีกลิ่นหอม บางคนบอกว่าอร่อยกว่าผลไม้สดเสียอีก



ข้อแนะนำการทำแยม
〇 การผสม
ผสมผลไม้ในชามแก้ว ถ้าเป็นแยมสตรอเบอร์รี่ เติมสตรอเบอร์รี่ เติมน้ำตาลและน้ำมะนาว ลงผสมเบาๆ คลุมผ้าและวางทิ้งไว้ค้างคืน เพื่อให้น้ำของสตรอเบอร์รี่ออกมาตามธรรมชาติ
〇 การตั้งไฟ
เมื่อสตรอเบอร์รี่มีความชุ่มชื้น นำส่วนผสมนั้นไปใส่ในหม้อและตั้งไฟด้วยความร้อนปานกลางถึงสูง เมื่อเดือดจึงยกออก
〇 เมื่อเดือด
ต้มที่ความร้อนประมาณ 103 - 105 องศาเซลเซียส ค่อยๆ คนและระวังไหม้ เสร็จแล้วปิดไฟ ยกลง
Q&A คำถามทั่วไปสำหรับการทำแยม




1. ทำไมแยมไม่ข้น
คุณใช้ผลไม้ที่มีเพคติน (Pectin)น้อยไปหรือไม่ ?
เพคติน (Pectin) เป็นสารพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) เช่นเดียวกับแป้ง และเซลลูโลส คือ ช่วยเพิ่มความนุ่ม และเนื้อสัมผัสที่ดีให้แก่อาหารที่ได้จากไอออนของแคลเซียม สกัดได้จากผลไม้ ตระกูลส้มและเพคตินยังพบเป็นส่วนประกอบในเนื้อผลไม้บางชนิด ซึ่งเป็นชนิดของเส้นใยอาหารที่เป็นเหมือนกาวที่เชื่อมต่อเซลล์พืชร่วมกัน ละลายในน้ำและมีความร้อน
ผลไม้ที่มีเพคตินน้อย เช่น แตงโม, ลูกแพร์ , ลูกพลับ, สตรอเบอร์รี่, กล้วย, และอื่นๆ แต่สามารถเพิ่มเพคตินด้วยการรวมกับผลที่มี เพคตินสูง เช่น แอปเปิ้ล, กีวี, ส้ม, มะนาว ,แครนเบอร์รี่ เป็นต้น
2.ผลไม้ที่เหมาะสำหรับแยมคือ ?
ผลไม้ที่มีเพคตินจำนวนมาก เช่น แอปเปิ้ล, ส้ม (มะนาว, ส้ม, ส้มโอ) , พีช, มะเดื่อ, แครนเบอร์รี่, groseilles, และ flamboise เป็นต้น ถือเป็นผลไม้ที่แนะนำเพราะเมื่อต้มแล้วแยมจะข้นขึ้นตามธรรมชาติ แต่ขอให้เลือกผลไม้สดเพราะมีเพคตินจำนวนมาก มากกว่าผลไม่ที่ไม่สดใหม่
3.ช่วยบอกวิธีทำให้เนื้อหนาขึ้น
คุณสามารถเพิ่มเพคตินหรือใช้ผลไม้เช่นแอปเปิ้ลที่มีเพคตินจำนวนมากเพื่อเพิ่มความข้นของแยม
วิธีการดึงเพคตินจากแอปเปิ้ล
เติมน้ำตาลในชามผสม และแอปเปิ้ล และนำไปต้ม เมื่อเนื้อข้นมากขึ้น แล้วนำไปเป็นส่วนผสมของการทำแยม เพื่อชดเชยปริมาณเพคติน ถ้าใช้ไฟอุณหภูมิร้อนมากเกินไป เพคตินจะไม่เป็นเนื้อข้น




4.สามารถใช้น้ำตาลสีนำตาล หรือน้ำตาลสีได้หรือไม่ ?
แยมที่เราอยากทำ ขึ้นอยู่กับความชอบ ดังนั้นไม่ได้จำกัดว่าต้องใช้น้ำตาลสีอะไร คุณสามารถใช้น้ำตาลอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ
อย่างไรก็ตามหากใช้น้ำตาลทรายสีน้ำตาล สีของแยมที่เสร็จแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลง หากคุณต้องการสีของผลไม้ควรใช้น้ำตาลสีขาว นอกจากนี้น้ำตาลที่เป็นสี เช่น น้ำตาลสีน้ำตาล อาจจะใส่ในปริมาณ 50% ของปริมาณน้ำตาลที่ใช้ก็ได้
5.สามารถทำแยมจากผลไม้แช่แข็งได้หรือไม่ ?
สามารถทำได้ เมื่อใช้ผลไม้แช่แข็งทำแยม ให้แน่ใจผลไม้แช่แข็งนั้นละลายหมดแล้ว ก่อนที่จะนำมาต้ม
6. สิ่งที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดในการผสมผลไม้และแยม?
ตัวอย่างแนะนำการผสมผสาน 2 ชุด
〇 กล้วย + น้ำตาล Brown Sugar:
ได้ความหวานลึกและกลิ่นหอมของน้ำตาล Brown Sugar กับความหวานของกล้วย
〇สตรอเบอร์รี่ + น้ำตาลเมเปิ้ล:
เป็นแยมที่มีรสชาติหวานอ่อนโยนของเมเปิ้ล เหมาะสำหรับทานกับแพนเค้ก




7. มีคำแนะนำว่าใช้กะทะหรือหม้อทองเหลืองจะดีกว่า เพราะอะไร?
หม้อทองเหลืองมักจะใช้ในร้านค้าที่ทำแยมจำนวนมาก เมื่อต้มในหม้อทองเหลือง สีของแยมผลไม้ที่เสร็จแล้วที่ถูกกระทำโดยไอออนทองเหลือง ที่มีการนำความร้อนที่ดีและสามารถปรุงสุกอย่างสม่ำเสมอในเวลาสั้นๆ ทำให้สีสวย รสชาติสดคงตัว อย่างไรก็ตามหม้อทองเหลืองมีราคาแพงมากและอาจเป็นสนิม ต้องดูแลดีๆ
8. ฉันสามารถใช้ขวดแก้วที่เป็นขวดใช้แล้วได้หรือไม่
ไม่มีปัญหาถ้าคุณทำความสะอาดและฆ่าเชื้อได้อย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้ขวดที่มีกลิ่นตกค้าง นอกจากนี้ไม่ควรใช้สิ่งใดๆ ที่ฝามีรอยขีดข่วนได้ง่าย เพราะอาจมีผลกระทบต่อแยม ไม่ควรใช้ฝาพลาสติกเนื่องจากไม่สามารถต้มฆ่าเชื้อได้




9.ฉันสามารถเก็บแยมแช่แข็งไว้ได้หรือไม่
ทำได้ กรุณาใส่ไว้ในภาชนะเฉพาะ หรือถุงเก็บน้ำแข็งที่มีขายเฉพาะการแช่แข็ง เก็บแช่แข็งในตู้เย็นเป็นเวลานานและหลังจากละลายแล้ว พยายามที่รับประทานโดยเร็วที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น