สื่อมวลชนนานาชาติประเมินญี่ปุ่นออกภาวะฉุกเฉินหยุดโควิดช้าไปไหม ? ไม่มีมาตรการที่เข้มงวดจะควบคุมการระบาดได้แน่หรือ ? ผู้ติดเชื้อพุ่งวันละกว่า 500 คน รวมทั่วประเทศมากกว่า 5,000 คน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นกับจังหวัดต่างๆ ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องการปิดบริการธุรกิจต่าง ๆ
นายกรัฐมนตรีอาเบะชินโซ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาใน 7จังหวัดเมื่อวันอังคารที่ 7เมษายนหากแต่ภาวะฉุกเฉินแบบญี่ปุ่นเป็นเพียงการ“ขอความร่วมมือ”ให้ประชาชนอยู่บ้านหยุดเชื้อไม่มีการปิดเมืองไม่มีบทลงโทษต่อผู้ฝ่าฝืนไม่มีบังคับให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปิดร้าน หรือให้พนักงานทำงานที่บ้าน
สื่อมวลชนนานาชาติโดยได้ตั้งคำถามถึงช่วงเวลาที่ประกาศว่าล้าช้าเกินไปหรือไม่?และตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของประกาศภาวะฉุกเฉิน
CNNระบุว่า"แม้ญี่ปุ่นจะมีการแพร่ระบาดมาเป็นเวลานานแต่ญี่ปุ่นมีท่าทีที่เชื่องช้าต่อการใช้ขั้นตอนที่หนักแน่นอย่างที่เห็นได้ในหลายประเทศ"
CBSNews ชี้ว่ามาตรการส่วนใหญ่ที่รัฐบาลญี่ปุ่นใช้เป็นแค่"คำขอ"และระบุว่า"การปกป้องเสรีภาพของพลเมืองในญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้ทางการต่างๆ ปรับหรือสั่งจำคุกผู้ฝ่าฝืนได้"
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า"ญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินช้าเกินไปหรือไม่?หลายเดือนที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้ทำให้โลกตกตะลึงด้วยรายงานยอดผู้ติดเชื้อจำนวนที่ค่อนข้างน้อยกว่าที่อื่นโดยไม่มีการบังคับใช้มาตรการควบคุมอย่างที่ชาติอื่นๆ ใช้"
ChannelNews Asia สื่อหลักของสิงคโปร์ชี้ว่า“การรับมือโควิด19ของญี่ปุ่นชะงักงันเพราะระบบราชการ”
ผู้ติดเชื้อพุ่ง 5,000 แต่รัฐบาลกับท้องถิ่นยังฮึ่มกันอยู่
วันที่ 10 เมษายน ญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 5,553 คน เพิ่มขึ้น 574 คนจากวันก่อนหน้า ตัวเลขนี้ยังไม่รวมผู้ติดเชื้อ 712 คนจากเรือสำราญไดมอนด์พรินเซส ซึ่งถ้ารวมเข้าด้วยกันแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อรวมในญี่ปุ่นทะลุเกิน 6,000 คน
แต่ถึงแม้จะประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นและทางการท้องถิ่นของจังหวัดต่าง ๆ ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องการประกาศปิดร้านต่าง ๆ
นางโคอิเกะ ยูริโกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ถึงกับบอกว่า “รัฐบาลกลางไม่จริงใจในการรับมือกับปัญหา ให้แต่ผู้ว่าการจังหวัดหาทางแก้ปัญหากันเอง!!
ทางการกรุงโตเกียวต้องการให้ห้างสรรพสินค้า ร้านทำผม ร้านเสริมสวย และร้านขายอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน ปิดให้บริการ ยกเว้นในส่วนของการขายอาหาร ยา และเครื่องใช้จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน แต่รัฐบาลกลางของญี่ปุ่นต้องการให้ร้านเหล่านี้เปิดบริการต่อไป โดยอ้างว่า ธุรกิจเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน
บรรดาผู้ว่าการจังหวัดที่อยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินได้ออกข้อเสนอเร่งด่วนร่วมกัน เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นจ่ายเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการร้องขอให้จำกัดกิจกรรมสาธารณะและกิจกรรมทางธุรกิจอื่น แต่ทางรัฐบาลกลางยังอ้างว่า ต้องพิจารณาการปิดห้างร้านอย่างรอบคอบ ให้มีผลต่อธุรกิจน้อยที่สุด.