สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว หลายปีก่อนผมเคยอุปสมบทที่วัดแถวบางลำพู ตอนที่อยู่ในสมณเพศ ผมคิดว่าการห่มจีวรนั้นยากมากๆ เวลาอยู่ภายในกุฏิก็พอจะใส่สบงจีวรแบบห่มง่ายๆ ได้ แต่ถ้าออกมาข้างนอกกุฏิซึ่งมักจะมีผู้หลักผู้ใหญ่และบางครั้งก็พระราชวงศ์มาทำบุญอยู่บ่อยๆ บางทีการนุ่งห่มเครื่องนุ่งห่มจึงจำเป็นต้องถูกต้องเรียบร้อย แต่ก็รู้สึกว่าใส่ยากมากอยู่ดี
ผมยังคิดว่าการห่มจีวรนี่ยากพอๆ กับการใส่ชุดกิโมโนเลย ความจริงแล้วการห่มจีวรของพระภิกษุมีหลายแบบ และการห่มจีวรก็มีหลักการนะครับ ต้องนุ่งห่มให้เรียบร้อย วันนี้เขียนเกร็ดเล็กน้อยเฉพาะการห่มในเขตวัดซึ่งก็มีกฏระเบียบเคร่งครัด มีการห่มหลายแบบ คือ
●การห่มลดไหล่ หรือ ห่มเฉวียงบ่า เป็นการห่มจีวรนอกพิธี ห่มแบบนี้ขณะอยู่ในวัด ห่มพอสบาย ๆ คือห่มให้คลุมไหล่ซ้าย แขนซ้าย จนถึงข้อศอก
●การห่มคลุม ต้องห่มคลุมให้มิดชิดหมดทั้ง 2 ไหล่ คลุมจนกระทั่งไม่เห็นไหปลาร้า และต้องจีบม้วนเก็บชายให้เรียบร้อย
●การห่มดอง เป็นการห่มที่รัดกุมขึ้น ห่มคลุมไหล่ซ้ายจนมาถึงปลายข้อศอก มีเปิดแขนด้านขวา ปลายจีวรอยู่ใต้รักแร้ และพาดทับไหล่ซ้ายซึ่งมีผ้าสังฆาฏิพาดเฉียงยาวลงมาที่กลางอกทับไหล่ซ้ายอีกทีหนึ่งและมีผ้ารัดอกรัดอยู่เหนือเอว ผูกขวาทับซ้ายและม้วนเป็นดอกบัว ใช้ห่มขณะประกอบพิธีกรรมของสงฆ์ภายในวัด ขนาดอ่านยังนึกภาพตามไม่ออกเลยใช่ไหมครับ เพราะผมเองก็นุ่งเองไม่สวยได้สักที พอมาดูวิธีนุ่งกิโมโนแล้วก็ยุ่งยากไม่แพ้กันเลยครับ
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะของญี่ปุ่น แม้ว่าสำนักพระราชวังได้ประกาศยกเลิกกำหนดการเสด็จออก ณ พระบัญชรเพื่อให้พสกนิกรถวายพระพร ณ พระราชวังหลวง เนื่องจากมีความวิตกกังวลถึงการชุมนุมที่อาจเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 (COVID-19) จากเชื้อไวรัสโคโรน่าพันธุ์ใหม่ ทั้งๆ ที่ตามปกติแล้วงานเช่นนี้จะมีผู้คนจำนวนมหาศาลเดินทางมาร่วมถวายพระพรกันมากมาย แต่ก็ทรงมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรในเรื่องต่างๆ และสถานการณ์ซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับญี่ปุ่นสำหรับเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าพันธุ์ใหม่ด้วย ตามข่าวในวันคล้ายวันพระราชสมภพนั้นพระองค์ไม่ได้สวมชุดกิโมโนออกสื่อ แต่สวมชุดสากลแทน หลายคนบอกว่าการใส่ชุดกิโมโนอาจจะยุ่งยากหลายขั้นตอนมากเกินไปและวันนั้นก็ไม่ได้เป็นทางการมากนักหรือเปล่า
และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีพิธีสถาปนามกุฎราชกุมาร หรือการสถาปนาผู้สืบทอดราชสมบัติพระองค์ต่อไป ซึ่งพิธีการก็อยู่ในมาตรการควบคุมโรคระบาดเหมือนเดิม คือไม่มีการชุมนุม และไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าเฝ้ารับเสด็จฯ คือเปลี่ยนเป็นพิธีการเฉพาะภายใน เป็นงานเล็กๆ พระองค์ก็ไม่ได้ใส่ชุดกิโมโนแบบเป็นพิธีการ หรือที่เรียกว่า 十二単 Jūnihitoe ที่เป็นการใส่กิโมโน อย่างเป็นทางการด้วยความพิถีพิถันในการตัดเย็บ มีความหนาและหลายชั้นมาก จะมีผ้าทับๆ รวมกันถึง 12 ชั้น ซึ่งคนทั่วไปก็จะไม่ได้ใส่เยอะชั้นขนาดนี้ น้ำหนักก็น่าจะมากกว่า 20 กิโลกรัม ซึ่งหนักและทำให้เดินยากมากๆ ที่ญี่ปุ่นในงานพิธีการต่างๆ ถ้าเป็นพิธีการที่เกี่ยวกับศาสนาชินโตจะต้องใส่ชุดกิโมโนอย่างเป็นทางการ แต่ว่าทั้งสองพิธีดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับศาสนาชินโต จึงไม่ได้เป็นการบังคับว่าจะต้องใส่กิโมโนเท่านั้น
ชุดกิโมโน ของญี่ปุ่นคืออะไร บางคนสับสนว่ากิโมโนกับยูกะตะต่างกันอย่างไร
〇ชุดยูกะตะ 浴衣 Yukata
ชุดยูกาตะ (Yukata) มาจากคำว่า Yoku ที่แปลว่า "อาบน้ำ" กับ Katabira ที่แปลว่า "เสื้อที่ใส่ไว้ด้านใน" เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “ชุดอาบน้ำ ที่ใส่ไว้ด้านใน” เป็นชุดสไตล์ญี่ปุ่นสำหรับใส่สบายๆ ใส่ในฤดูร้อน หรือใส่ลำลอง อาจจะทำด้วยผ้าฝ้าย เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกในฤดูร้อน เมื่อเทียบกับแล้วชุดยูกาตะมีราคาถูกกว่า ซักทำความสะอาดได้ง่ายจึงยังมีผู้นิยมใส่กันอยู่ โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งปัจจุบันนิยมใส่ในหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นใส่ไปงานเทศกาล ใส่นอนเล่นอยู่บ้าน รวมถึงเมื่อเข้าพักที่โรงแรมด้วย แต่ไม่ใช่ชุดที่จะใช้ในงานพิธีที่เป็นทางการ
คนญี่ปุ่นรุ่นที่เกิดก่อนสงครามโลก ชินที่จะใส่ชุดกิโมโนในชีวิตประจำวันมากบางคนใส่ทั้งวัน ตอนนอนก็จะเปลี่ยนเป็นชุดชุดยูกาตะ ถ้าฤดูหนาวก็ตัดเย็บด้วยผ้าที่มีความหนามากหน่อยใส่เป็นชุดนอน ส่วนรุ่นพ่อของผมก็ปฏิเสธการใส่ชุดยูกะตะนอนแล้วยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งผมและครอบครัวไปเยี่ยมบ้านของพี่สาวคุณปู่ เขาก็เอาชุดยูกะตะมาให้ใส่ตอนนอนแต่พ่อผมไม่ชอบใส่ เจ้าของบ้านก็ดูผิดหวังนิดๆ คนรุ่นคุณปู่คุณย่าจะไม่ใส่ชุดยูกะตะออกไปข้างนอกเด็ดขาด เพราะเขาคิดว่าสวมชุดยูกาตะเป็นชุดคลุมสบายๆ อยู่บ้าน ใส่คลุมอาบน้ำ หรือใส่ตอนนอน ด้านหน้าของยูกาตะถ้าไม่ได้สวมใส่อะไรไว้ด้านในก็เหมือนเปลือย ใส่ออกไปข้างนอกไม่สุภาพนัก แต่ปัจจุบันก็มีบางสถานที่จัดเตรียมชุดยูกะตะให้ลูกค้าใส่ เช่น ออนเซนต่างๆ
〇ชุดกิโมโน 着物 Kimono
ชุดกิโมโนประกอบด้วยเสื้อนะงะกิ 長着 Nagaki มีลักษณะคล้ายเสื้อคลุมขนาดยาวที่มีแขนเสื้อที่มีความกว้างมากส่วนใหญ่ชุดกิโมโนตัดด้วยเป็นผ้าไหม และมีสายโอบิ (帯) เพื่อใช้รัดเสื้อคลุม สมัยก่อนคนญี่ปุ่นจะนิยมใส่ชุดกิโมโนมากๆ สมัยต่อมา ในยุคเมจิคนญี่ปุ่นเริ่มได้รับอิทธิพลจากต่างชาติทำให้คนญี่ปุ่นเปลี่ยนมาใส่ชุดสากลในชีวิตประจำวันมากขึ้น และจะใส่ชุดกิโมโนเมื่อเป็นงานที่เป็นพิธีการเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยมีโอกาสใส่มากนัก
●การใส่ชุดกิโมโน ยากจริงหรือ
การแต่งกายกิโมโนนั้นทั่วๆ ไปแล้วเป็นการแต่งกายด้วยโครงสร้างรวมสามขั้น หรือมากว่า มาดูรายการที่จำเป็นในการสวมชุดกิโมโนคร่าวๆ ครับ
◆ "ชุดซับด้านในและเครื่องแก้ไขส่วนที่ไม่สมบูรณ์ของร่างกาย " คือการแต่งกายในส่วนนี้จะอยู่ด้านในสุด จะมองไม่เห็นเมื่อแต่งกายแบบกิโมโนเสร็จแล้ว
◆ ส่วนของ "Nagajuban" คือส่วนที่สามารถมองเห็นได้จากแขนและปก เมื่อแต่งกายแบบกิโมโนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
◆ และการแต่งกายแบบกิโมโนที่เสร็จสมบูรณ์ มองเห็นความสวยงามของ "กิโมโนและโอบิ Kimono and Obi "
ซึ่งมีขั้นตอนการแต่งกายที่ยุ่งยากหลายส่วน ต้องใส่ชุดซับหลายชั้นและมีการคาดเอวทบหลายชั้น และมีขั้นตอนที่จะข้ามขั้นไม่ได้ เช่นต้องสวมTabi ถุงเท้าขาวสำหรับชุดกิโมโนต้องใส่ไว้ก่อนตั้งแต่ขั้นตอนไหนๆ ต้องใส่ผ้าพันเอว เพื่อปรับทรงให้ถูกต้อง ตั้งแต่ขั้นตอนไหนๆ แต่บางคนจะไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร แต่ความสำคัญของผ้าพันนี้เพื่อให้การแต่งกายกิโมโนที่เสร็จสมบูรณ์แล้วสวยงาม ไม่เว้าไว้นูนเกินส่วน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้สายรัดเอว รัดร่างกายจนแน่นโดยตรง สำหรับการแต่งกายแบบกิโมโน อาจปรับได้ตามสภาพภูมิอากาศ ปรับลักษณะผ้าที่ใช้ หรือตามรูปร่างของผู้สวมใส่ สามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองได้ครับ ชุดคลุมกิโมโนที่มีสีสันและมีปกสีขาวใหญ่ ใส่เพื่อป้องกันไม่กิโมโนสัมผัสผิวโดยตรง (และป้องกันฝุ่น) และช่วยทำให้กิโมโนพลิ้วมากขึ้น เมื่อสวมชุดกิโมโนแล้วจะเห็นส่วนนี้แบบครึ่งแขนและที่ปก สายรัดเอวเพื่อให้เกิดความกระชับ มีหลากหลายชนิด ให้เลือกสรรค์ ทั้งวัสดุ รูปแบบและสีต่างๆ และสามารถเลือกตามฤดูกาลและสถานที่จะไปก็ได้ ซึ่งโอบิจะมี มาตรฐานของปมของโอบิอยู่ด้วย คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ไปแต่งที่ร้านเสริมสวยเช่นกัน
การใส่ชุดกิโมโน ถือว่าเป็นชุดที่เหมาะกับวัฒนธรรมและความเป็นคนญี่ปุ่นมาก เพราะว่าชุดกิโมโนเป็นชุดยาว คนญี่ปุ่นขาสั้น ใส่ชุดกิโมโนไปแล้วก็จะช่วยพรางหุ่นให้ดูมีความสง่า และไม่เห็นขาสั้นๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีอีกสิ่งหนึ่ง บางครั้งให้คนฝรั่งมาใส่ก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ และยังมีคนบอกว่า เครื่องประดับตกแต่งร่างกายที่เหมาะกับคนญี่ปุ่นนอกจากกิโมโนแล้วก็มีผ้าคาดหัวอีกอย่าง ที่ยังไงๆ ก็เหมาะกับบุคลิกคนญี่ปุ่นจริงๆ เมื่อก่อนเคยมีการประท้วงกันที่โอกินาวา ที่ค่ายทหารต่างชาติมีคนฝรั่งนำผ้ามาคาดหัวทำการประท้วง คือดูจะไม่เข้ากับฝรั่งเท่าไหร่นัก
ชุดที่ถือว่าเป็นชุดอย่างเป็นทางการของคนญี่ปุ่นทั่วไป เรียกว่า 紋付袴 Montsuki hakama ส่วนใหญ่จะสวมใส่ในวันฉลองบรรลุนิติภาวะ เมื่ออายุครบ 20 ปี หรือวัน 成人の日( seijin no hi) ตรงกับวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมทุกปี สำหรับคนญี่ปุ่นถือเป็นวันหนึ่งที่มีความสำคัญมากครับ ชุดกิโมโน 紋付袴 Montsuki hakama ที่ถือเป็นชุดแรกของผู้ชายหรือแต่งกายอย่างเป็นทางการเป็นชุดหนึ่งที่จะสวมใส่ในพิธีแต่งงาน, งานศพ, และงานพิธีกรรมต่างๆ
แต่ปัจจุบันนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของงานแต่งงาน นิยมใส่สูทและชุดแต่งงานแบบสากลมากกว่า ส่วนในงานพิธีฉลองการบรรลุนิติภาวะสาวๆ ส่วนใหญ่เลือกสวมชุดกิโมโนแต่ก็ไม่สามารถใส่เองได้ เพราะการใส่ชุดกิโมโนนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากดังกล่าว ต้องให้ร้านเสริมสวยหรือร้านที่รับแต่งชุดกิโมโนแบบมืออาชีพช่วยจัดการให้ ส่วนหนุ่มๆ กว่า 90% จะเลือกใส่ชุดสูทเสียมากกว่า ที่เหลือที่แต่งชุดกิโมโนชายมาก็จะมีพวกชายหนุ่มแนว Yankee ที่มีภาพลักษณ์แบบชายหนุ่มจอมพลัง มีความแข็งแกร่ง ส่วนในงานศพที่ดูจะเป็นงานที่เป็นทางการก็ไม่ค่อยมีคนใส่ชุดกิโมโนกันเท่าไหร่นัก ส่วนตัวผมเอง ผมไม่เคยเห็นเลย ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าโอกาสที่จะได้ใส่ชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมนั้นมีน้อยมากขึ้น
แต่การใส่กิโมโนที่ปักตราสัญลักษณ์หรือตราประจำตระกูลเป็นสิ่งที่หรูหรามากครับ ถ้าจะให้อธิบายเกี่ยวกับ เครื่องหมายตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล แม้ว่าจะอยู่ในยุคของโลกาภิวัตน์ก็ตาม แต่มากกว่า 95% ของคนญี่ปุ่นยังเป็นลูกหลานของคนญี่ปุ่นที่อยู่ในยุคเอโดะ แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ต้องมีปู่ย่าตายายคนในครอบครัวที่เป็นคนในยุคสมัยนั้น ทุกครอบครัวมีตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล และดูเหมือนว่ามีเพียงประเทศญี่ปุ่นที่ยังสืบทอดตราประจำตระกูลเรื่อยมา ที่จริงน่าจะมีทุกคนแต่บางคนแค่ไม่ทราบเท่านั้นเองว่าครอบครัวต้นตระกูลตัวเองมีตราประจำตระกูล ถ้าตราประจำตระกูล หรือตราประจำครอบครัวเหมือนกันเพราะมีนามสกุลเดียวกัน ก็จะรู้สึกเหมือนเป็นญาติกัน เป็นเรื่องที่ทำให้รุ้สึกดีใจที่ได้พบคนที่มาจากต้นตระกูลเดียวกัน ซึ่งตราประจำตระกูลนี้ว่าไปแล้วมีการออกแบบมาได้สวยงามยอดเยี่ยม มีหลากหลายมากกว่าหมื่นแบบ หลายแบบมีลวดลายเป็นใบไม้ เป็นต้นพืช รวมทั้งดอกเบญจมาศของราชวงศ์ สำหรับตระกูลสูงๆ มียศฐาบรรดาศักดิ์ ส่วนตระกูลซามูไรบางตระกูลก็มีการออกแบบแปลกๆ แต่น่ารัก เช่น รูปผักน่ารักๆ หัวไชเท้าอ้วนๆ , รูปค้างคาว ก็กลายเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ว่า อะไรเนี่ย สิ่งนี่คืออะไร??! นอกจากนี้ยังมีรูปตระกูลตะขาบ (ซามูไรตระกูลหนึ่งออกแบไว้เป็นตราประจำตระกูล เพราะตะขาบไม่เคยหนี ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เป็นตราประจำตระกูลที่น่าสนใจได้รับความนิยมเช่นกัน )
อย่าลืมว่าชุดยูกาตะเป็นชุดที่ใส่ง่ายๆ สบายๆ แต่ชุดกิโมโนจะสวมใส่อย่างเป็นทางการในงานพิธีการ บางครอบครัวมีตราประจำตระกูล หรือ 家紋 Kamon ที่ชุด 紋付袴 Montsuki hakama ถ้าแต่งเต็มยศโดยมีตราประจำตระกูลแบบนี้สามารถใส่ไปร่วมโต๊ะกับทั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาและสมเด็จพระสันตะปาปาก็ได้ ไม่ถือว่าไม่ให้เกียรติ และก็ไม่มีปัญหาถ้าจะใส่ไปเข้าร่วมในที่นั่งที่ดีที่สุดของโอเปร่าเฮ้าส์ด้วย คนญี่ปุ่นจะใส่กิโมโนไปร่วมงานแต่งงาน และพิธีบรรลุนิติภาวะ ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้มีหลายโอกาสมากนักที่จะใส่กิโมโนออกงาน วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ สวัสดีครับ