คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านที่รักทุกท่าน เพื่อน ๆ ชอบช่วงเวลาพักเที่ยงในที่ทำงานกันไหมคะ ฉันเชื่อว่านี่เป็นเวลาหนึ่งของวันซึ่งหลายคนรอคอย ตัวฉันเองก็มักจะตื่นเต้นกับมื้อเที่ยงในวันทำงานเหมือนกัน ยิ่งที่ญี่ปุ่นนั้นมีความหลากหลายของอาหารให้เลือก และนอกจากจะมีร้านอร่อยเยอะกว่าไม่อร่อยแล้ว อาหารกลางวันวันธรรมดาก็มักถูกกว่ามื้ออื่น ๆ ก็เลยยิ่งชวนให้มื้อเที่ยงเป็นเวลาแห่งการรอคอยเข้าไปอีก
โดยทั่วไปแล้วที่ญี่ปุ่นจะจำกัดเวลาพักเที่ยงอยู่เพียง 1 ชั่วโมง คาดว่าก็คงเหมือนที่ส่วนใหญ่ในโลก แต่ที่ทำงานของฉันใจดีให้พักได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง แม้จะต้องเลิกงานช้าไปอีกครึ่งชั่วโมงทดแทน แต่ฉันก็รู้สึกดีใจและขอบคุณที่ไม่ได้เร่งให้รับประทานแล้วรีบกลับมาทำงานโดยไว
เคยถามใครสักคนว่าทำไมที่ทำงานเราถึงได้พักยาวดีจัง ก็ได้รับคำตอบว่าเพราะตอนเที่ยงคนเยอะ บางทีก็ต้องไปรอคิวกว่าจะได้รับประทาน กว่าจะเดินไปเดินกลับก็ไม่ทันแล้ว ซึ่งก็จริงเพราะที่ทำงานฉันค่อนข้างห่างจากร้านรวงต่าง ๆ อยู่บ้าง ฉันนึกภาพว่าขืนมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว คงต้องออกวิ่งทันทีที่ได้เวลาเที่ยง ไม่ก็ต้องยัดทะนานอาหารใส่เต็มกระพุ้งแก้มก่อนออกจากร้านอาหาร เพื่อรับประทานให้หมดและกลับมาทำงานให้ทัน มาถึงที่ทำงานก็จุกพอดี คงเรอเอิ้กอ้ากกันเป็นแถวแน่เลย
ร้านอาหารกลางวันที่ญี่ปุ่นมีหลากชนิดมาก ทั้งหลากสัญชาติ อย่างอาหารแขก ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไทย อเมริกัน และหลากรูปแบบเช่น ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ร้านอาหารชุด ร้านสปาเก็ตตี้ ร้านราเม็ง ร้านอุด้ง ร้านเนื้อย่าง ร้านปลาย่าง ร้านอาหารทะเล ร้านอาหารท้องถิ่นโอกินาวา ร้านคาเฟ่ ร้านเหล้าอิซากายะ ร้านสำหรับครอบครัว ร้านฟาสต์ฟู้ดแบบญี่ปุ่น และร้านข้าวกล่อง นับว่ามีให้เลือกไม่หวั่นไม่ไหวจริง ๆ
ถ้าเป็นร้านที่เน้นขายอาหารจานเดียวเป็นหลักอยู่แล้ว (เช่น อาหารจำพวกเส้น ข้าวหน้าเนื้อ) และใช้เมนูเดียวกันตลอดวัน ส่วนมากจะราคาเท่ากันตลอดไม่ว่าจะมื้อไหนวันไหน แต่ถ้าเป็นร้านอาหารทั่วไปจะมีเมนูมื้อกลางวันแยกต่างหากจากเมนูมื้อเย็น อาหารกลางวันวันธรรมดาในกรุงโตเกียวราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 พันเยน ซึ่งใกล้เคียงกับค่าจ้างทำงานร้านอาหารต่อหนึ่งชั่วโมง อาจจะถูกหรือแพงกว่านี้แล้วแต่ร้านหรือชนิดอาหารที่สั่ง
อาหารกลางวันวันธรรมดามักมาเป็นอาหารชุด ของใครของมัน มีทั้งข้าวสวย กับข้าวจานหลัก และเครื่องเคียงอย่างผักดอง สลัด อาหารนึ่งต้ม ซุป และของหวาน ซึ่งจะว่าไปก็แปลกดีตรงที่อาหารกลางวันวันธรรมดามักเป็นลักษณะนี้ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัญชาติไหน ถ้าเป็นอาหารฝรั่งก็จะให้ขนมปังแทนข้าว บางที่ก็มีให้เลือกว่าจะเอาข้าวหรือขนมปังด้วยเหมือนกัน
ส่วนอาหารแขกจะให้เลือกว่าจะเอาแป้งนานหรือข้าว (หรือให้ทั้งสองอย่าง) ซึ่งก็มักเป็นข้าวสวยญี่ปุ่น และคนญี่ปุ่นส่วนมากที่ไปด้วยกันมักเลือกข้าวสวย ส่วนคนไทยเลือกแป้งนาน แป้งนานนี้หนานุ่ม มาแบบร้อน ๆ และหอมฉุย ขนาดใหญ่เท่าหน้าคนสองคนรวมกัน แถมส่วนใหญ่ยังขอเพิ่มฟรีได้ด้วย ทางร้านมักให้สลัดชามเล็ก ๆ มาเคียง และแถมเครื่องดื่มมาให้ด้วย โดยให้เลือกว่าจะเอาลาสซี่ (นมเปรี้ยว) หรือชาใส่เครื่องเทศ (Chai) เป็นความอร่อยตบท้ายมื้ออาหารที่ชวนให้มีความสุขดีค่ะ
ร้านอาหารบางร้านจะมีขายเมนูประจำวัน ซึ่งอยู่นอกเหนือไปจากเมนูปกติของร้าน เมนูนี้บางทีก็ขายในราคาถูกกว่าเมนูอื่น แต่ก็มีบางร้านเหมือนกันที่ถือว่าเป็นเมนูพิเศษ ทำวันละไม่กี่ที่และอาจราคาแพงกว่าเมนูทั่วไปเล็กน้อย มีลูกค้าหลายคนที่ชอบสั่งเมนูประจำวันหรือเมนูพิเศษแบบนี้ ร้านอาหารไทยที่ฉันเคยทำงานนั้น ลูกค้าก็ชอบเมนูประจำวันซึ่งให้เลือกกับข้าวได้สองอย่างราดข้าว ราคาถูกกว่าอาหารในเมนูปกติด้วย
ในบรรดาร้านอาหารกลางวันใกล้ที่ทำงาน ฉันชอบร้านปลาย่างมากที่สุดเลยค่ะ มีอยู่ด้วยกันหลายร้าน ด้วยความที่เป็นร้านขายอาหารที่ทำจากปลาโดยเฉพาะ จึงมีความสดใหม่ เนื้อนุ่ม และปรุงรสชาติได้กลมกล่อมพอดิบพอดี ขนาดที่ว่าต่อให้ซื้อเนื้อปลามาทำด้วยสูตรเดียวกันก็คงไม่สามารถทำได้อร่อยเท่า บางร้านจะโฆษณาว่าใช้ถ่านไม้ในการย่างด้วย ทำให้ได้เนื้อปลาที่หอมฉุย
นึกไปก็คิดถึงบ้านเรานะคะ ที่เวลาย่างหมูย่างไก่ย่างก็จะใช้เตาถ่านกัน อาจจะดูบ้าน ๆ ไม่ทันสมัย แต่ฉันว่ามันได้ความหอมอร่อย และบรรยากาศที่ต่างจากการย่างด้วยแก๊สหรือไฟฟ้ามากนัก แถมในญี่ปุ่นหากร้านไหนบอกว่าย่างเนื้อ ย่างไก่ ย่างปลาด้วยถ่าน อย่างนี้ถือว่าเป็นอาหารดีมีเกรดขึ้นมาทันที ถ้าเป็นไก่ย่างถ่าน บางทีเนื้ออาจจะติดดำ ๆ ไหม้ ๆ มาด้วย แต่ความหอมอร่อยนี่เหนือชั้นกว่าย่างด้วยวิธีอื่นจริง ๆ
เดี๋ยวนี้ร้านเหล้าอิซากายะหลายแห่งมักเปิดบริการตอนกลางวันด้วย จากที่เดิมเปิดเฉพาะตอนเย็นเท่านั้น ฉันชอบอาหารกลางวันของร้านแบบนี้มาก เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยราคาไม่แพงแล้ว (แพงสุดที่เคยสั่งก็น่าจะไม่ถึง 1500 เยน) ยังมักให้ซาชิมิและของนึ่งต้มอร่อยมาก ๆ มาเป็นเครื่องเคียง ซุปเต้าเจี้ยวมักจะอร่อยเป็นพิเศษ เรียกว่าได้ของดีคุ้มค่าและอิ่มท้องไปจนถึงเย็น
ร้านอิซากายะบางร้านจะมีมุมชากาแฟจัดไว้ให้ลูกค้าไปเอาเองตามอัธยาศัย เป็นบริการที่ต้นทุนไม่มากแต่ทำให้ลูกค้าดีใจ ร้านที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ใกล้ที่ทำงาน แต่ฉันไปธุระแถวนั้นแล้วได้เวลาเที่ยงพอดีเลยลองเข้าไป ร้านอิซากายะส่วนใหญ่อาหารอร่อยอยู่แล้ว แต่เพียงเพราะร้านนี้มีมุมชากาแฟให้บริการไม่อั้นซึ่งร้านอื่นไม่มี จึงทำให้ฉันจำร้านนั้นได้ดีและไปเยือนอีกหลายคราวที่ไปแถวนั้น
ร้านอาหารจีนร้านหนึ่งที่ฉันไปบ่อยตอนกลางวัน บรรยากาศร้านบ้าน ๆ แบบจีน เดินเข้าไปแล้วเหมือนหลุดออกไปนอกประเทศญี่ปุ่นชั่วคราว ที่ฉันชอบไปเพราะบางวันเขามีโจ๊กให้เลือกในเมนูอาหารชุด ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะมาพร้อมเกี๊ยวซ่าจำนวนหนึ่งด้วย แต่ร้านนี้ไม่ค่อยเหมือนร้านอื่นตรงที่พอสั่งปุ๊บ พนักงานจะบอกว่าขอเก็บเงินเดี๋ยวนั้นเลย สร้างความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนได้รับความไม่ไว้วางใจ ก็ไม่ทราบว่าที่ผ่านมาเคยมีลูกค้าที่กินแล้วชักดาบหรือเปล่านะคะ จึงต้องใช้วิธีเก็บเงินก่อน แต่ฉันกับเพื่อนร่วมงานก็ไปกันหลายครั้งเพราะเกี๊ยวซ่าอร่อย จนเรียกกันเองว่า “ร้านเกี๊ยวซ่า” ส่วนชื่อร้านอาหารเดาว่าคงไม่มีใครรู้
มีบางคนเหมือนกันค่ะที่เตรียมอาหารกลางวันมาเองจากบ้าน ฉันเองก็เคยลองทำมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้เป็นอย่างไรมักเห็นกับข้าวของคนอื่นน่าอร่อยกว่าของตัวเองเสมอ แถมบางทีก็อดไม่ได้ที่จะอยากรับประทานอาหารอย่างอื่นนอกจากรสชาติที่ตัวเองทำ สุดท้ายก็ต้องออกไปหาอาหารกลางวันตามร้านรับประทาน อีกอย่างคือรู้สึกว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศและผ่อนคลายกว่านั่งรับประทานภายในที่ทำงานมาก และการได้ไปนั่งตามร้านคุยเรื่องสัพเพเหระกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนแผนกอื่น ๆ ก็เพลินดี การออกไปรับประทานมื้อเที่ยงระหว่างวันทำงานสำหรับฉันจึงเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
เพื่อนคนญี่ปุ่นคนหนึ่งเธอก็บอกเหมือนกันว่าไม่อยากจะเอาอาหารกลางวันมาจากบ้าน เพราะ “ตอนเย็นต้องทำกับข้าวที่บ้านทุกวันอยู่แล้ว กลางวันก็อยากจะกินอาหารที่คนอื่นทำให้บ้าง ไม่อยากต้องทำกับข้าวอีกมื้อเพื่อมาเป็นอาหารเที่ยงเพิ่มหรอก” สำหรับคนทำงานประจำแล้วก็คงจะมีหลายคนที่อยากจะรับประทานอาหารนอกบ้านตอนพักเที่ยงที่ทำงานแบบนี้ แต่หลายคนก็เอาอาหารมาจากบ้านเพราะต้องการประหยัด หรือเพื่อนบางคนก็ต้องรีบรับประทานเพราะต้องเข้างานช่วงบ่ายเร็ว จึงไม่มีเวลาออกไปรับประทานข้างนอก
ฉันเห็นเพื่อนร่วมงานบางคนที่ไม่ได้ไปรับประทานที่ร้านและไม่ได้เอาอาหารมาเองจากบ้าน มักจะพึ่งร้านขายข้าวกล่องหรือร้านสะดวกซื้อ เพราะนอกจากจะถูกกว่าและสะดวกโยธินแล้ว ยังอร่อยด้วย
ถ้าเป็นร้านขายข้าวกล่อง เขามักจะทำอาหารกล่องหลายชนิดวางเตรียมไว้ตอนใกล้เที่ยง พอลูกค้ากรูกันเข้ามาตอนเที่ยงก็สามารถหยิบที่ชั้นวางแล้วไปจ่ายเงินได้เลย ลูกค้าจะได้ไม่ต้องรอนาน อาหารก็ยังอุ่น ๆ อยู่ แต่เสียดายว่าอาหารทอดก็จะนิ่มไป ถ้าวันไหนฉันอยากรับประทานอาหารทอดก็จะไปหลังเที่ยงซึ่งคนส่วนใหญ่มาซื้อข้าวกล่องที่ทำเตรียมไว้ไปกันหมดแล้ว จะได้สั่งให้เขาทำใหม่ ๆ ร้อน ๆ
หรือบางคนเอาสะดวกกว่านั้นอีกก็ไปร้านสะดวกซื้อ นอกจากจะมีข้าวกล่องหรือพาสต้าที่สามารถขอทางร้านให้อุ่นให้ได้แล้ว ที่มักซื้อกันก็คือข้าวปั้นไส้ต่าง ๆ ซึ่งบ่อยครั้งก็มีโปรโมชั่นลดราคาเหลือร้อยเยน แซนวิชไส้ต่าง ๆ มีทั้งไข่ต้ม ทูน่ามายองเนส หมูทอด และชีสแฮม หรือขนมปังบรรจุห่ออีกหลากชนิด สลัดผัก ไข่ต้ม และโอเด็งซึ่งเดี๋ยวนี้มีขายตลอดปีและให้ลูกค้าคีบใส่ถ้วยเอาเอง หยิบซอสเอาเอง แล้วค่อยจ่ายเงิน
นอกจากร้านสะดวกซื้อจะมีอาหารคาวแล้ว ยังมีขนมหวานถ้วยเล็ก ๆ กาแฟสดราคาแค่ร้อยเยน เครื่องดื่มจากตู้แช่อีกหลากชนิดทั้งชาประเภทต่าง ๆ มากยี่ห้อให้เลือก เครื่องดื่มผสมน้ำตาล เครื่องดื่มเกลือแร่และวิตามิน นมสด นมเปรี้ยว นมรสต่าง ๆ กาแฟ น้ำผักผลไม้ ร่ายเรียงนามกันไม่หวั่นไม่ไหว ช่วงฤดูร้อนบางทีเพื่อนฉันก็นึกครึ้มซื้อไอติมหวานเย็นแจกเพื่อน ๆ รับประทานทีไรก็ชวนให้นึกถึง “ยักษ์คู่” (ไอติมหวานเย็นสองแท่งติดกันในห่อเดียว) ที่เคยรับประทานสมัยเด็ก ๆ พูดแล้วก็นึกสนุกอยากไปร้านสะดวกซื้อขึ้นมาเลยทีเดียวค่ะ
(ตัวอย่างมื้อเที่ยงจากร้านสะดวกซื้อ - กาแฟร้อน โยเกิร์ต ไข่ต้ม แซนวิช)
นาน ๆ ทีฉันเองก็ใช้บริการร้านสะดวกซื้อเหมือนกัน หากวันนั้นต้องรีบออกไปทำงานนอกสถานที่ตามเวลาที่นัดหมาย จำได้ว่าราคารวมมื้อเที่ยงจากร้านสะดวกซื้อไม่ถึงพันเยน ได้ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนมจุใจ เพียงแต่ไม่ได้มีโอกาสนั่งรับประทานกับเพื่อน ๆ หรือได้รับประทานของทำสดใหม่เหมือนอย่างในร้านอาหาร อย่างไรรับประทานข้าวคนเดียวก็คงไม่อร่อยเหมือนรับประทานร่วมกันหลายคนนะคะ
เวลาฉันไปทำงานนอกสถานที่ บางทีแถวนั้นก็มีร้านอาหารน้อยและคนแน่นมาก แต่มีรถขายอาหารคันเล็ก ๆ ที่เรียกกันว่า Food Truck ก็จำต้องพึ่งร้านเหล่านี้แทน รถขายอาหารจะมีเมนูไม่มาก ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคุณภาพ ปริมาณ และบริการ อาหารจะมาในภาชนะแบบใช้แล้วทิ้ง เมนูที่เคยเห็นคือพิซซ่า ทาโก้ไรซ์ (คือไส้ของ “ทาโก้” ที่เป็นอาหารเม็กซิกัน แต่เอามาโปะข้าว เป็นอาหารฟิวชั่นของโอกินาวา) และเมนูสร้างสรรค์ขึ้นมาเองของทางร้านซึ่งไม่ได้มีขายทั่วไป อาหารไทยก็มีและเป็นที่นิยมมากพอสมควร
นับว่าอาหารกลางวันที่ญี่ปุ่นมีสีสันและทางเลือกให้มากมายทีเดียวนะคะ แต่ว่าช่วงนี้ไวรัสโคโรนาก็ทำให้ร้านอาหารเหล่านี้ซบเซากันไปเป็นแถบ ๆ เห็นเพื่อนเล่าว่าบางร้านที่เคยต่อแถวกันเป็นชั่วโมงเดี๋ยวนี้ขายได้เพียงวันละ 7 จานเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าหลังวิกฤตผ่านพ้นไปแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ฉันได้แต่รออย่างใจจดใจจ่อว่าผู้คนจะได้กลับไปอุดหนุนร้านอาหารซึ่งเคยเกื้อหนุนชีวิตคนทำงานกันอย่างคับคั่งเหมือนก่อน ซึ่งน่าจะดีต่อใจทั้งคนขายและลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.
"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.