คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"
สวัสดีค่ะ คนไทยหลายคนบอกว่าเมืองไทยมี 3 ฤดูคือ ร้อน ร้อนมาก ร้อนที่สุด ทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยหลายคนนิยมมา “หลบร้อน” ที่ญี่ปุ่น และชื่นชอบหิมะมากเป็นพิเศษ แต่ปีนี้ ญี่ปุ่นแทบไม่มีหิมะตกเลย สภาวะโลกร้อนกำลังทำให้ธุรกิจหลายอย่างของญี่ปุ่นถูกดิสรับชั่น
ชาวญี่ปุ่นผูกพันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างมาก สิ่งที่ชาวญี่ปุ่นคิดว่าเอกลักษณ์ก็คือมี “4 ฤดูกาลที่ชัดเจน” 四季分明 คือ ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวญี่ปุ่นมีคำทักทายเฉพาะสำหรับแต่ละฤดูกาล มีอาหาร มีเทศกาลและกิจกรรมตามฤดูกาล
คนไทยจะชอบอากาศหนาวของญี่ปุ่น แต่ถ้าถามคนญี่ปุ่นแล้ว ฤดูหนาวคือฤดูที่มีคนชอบน้อยสุด หน้าหนาวต้องใส่เสื้อผ้าเยอะ ๆ ไม่สบายตัว อากาศแห้งมาก เชื้อโรคแพร่ระบาดได้ง่าย พืชผักก็แพง ในบางพื้นที่ต้องตุนอาหารไว้กินในหน้าหนาวด้วย ค่าไฟค่าแก๊สที่ใช้ทำความอบอุ่นก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และยังเป็นช่วงที่มาอาชญากรรมสูง เพราะโจรก็ต้องหาเงินมาใช้บรรเทาความหนาว ยิ่งเมื่อหิมะตกการจราจรแทบจะเป็นอัมพาต
ถึงแม้จะชอบหรือไม่ชอบ ชาวญี่ปุ่นก็ยังคิดว่าฤดูกาลที่แตกต่าง ส่งผลดีต่อสุขภาพ และยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจต่าง ๆ ด้วย แต่ภาวะโลกร้อนได้เริ่มคุกคามญี่ปุ่น ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนอย่างมาก โดยเฉพาะในปีนี้ที่แทบจะไม่มีหิมะตกเลย
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งญี่ปุ่นระบุว่า ที่ซับโปโร ปริมาณหิมะที่ตกสะสมในปีนี้มีเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณเฉลี่ยทุกปี ที่เมืองเมียวโก จังหวัดนีงาตะ ที่ได้ชื่อว่ามีหิมะตกหนักที่สุดในญี่ปุ่น ปีนี้มีหิมะตกแค่ร้อยละ 18 ของปริมาณเฉลี่ย ส่วนภาคตะวันออกและภาคตะวันตกของญี่ปุ่นแทบไม่มีหิมะตกเลย
หิมะที่ไม่ตกเลยหรือตกน้อยกว่าปกติมาก ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ พลาดโอกาสทองในช่วงปีใหม่ สกีรีสอร์ตหลายแห่งเปิดบริการไม่ได้ การแข่งขันหลายรายการต้องยกเลิก โรงแรมจำนวนมากแห่งถูกยกเลิกการจอง และช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็จะสิ้นสุดฤดูหนาวแล้ว ซึ่งหมายความธุรกิจเหล่านี้ดำเนินกิจการไม่ได้เลยในปีนี้
จังหวัดนีงาตะ มีชื่อเสียงเรื่องบ่อน้ำแร่ร้อนท่ามกลางหิมะ แต่เมื่อไม่มีหิมะ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก ห้องพักที่เคยถูกจองเต็มในช่วงปีใหม่ แต่ในปีนี้มีห้องว่างจำนวนมาก
ทางการจังหวัดนีงาตะ ระบุว่า มีสกีรีสอร์ตเพียง 30 แห่งจากที่มีอยู่ราว 57 แห่งที่สามารถเปิดทำการได้ สกีรีสอร์ตหลายแห่งใช้เครื่องทำหิมะเทียมมาช่วย แต่เนื่องจากปริมาณหิมะจริงมีน้อยมาก ทำให้ต้นทุนยิ่งสูงตามไปด้วย
สกีรีสอร์ตในเมืองอิโตอิงาวะ จังหวัดนีงาตะ แทบจะกลายเป็นสถานที่ร้าง หญ้าขึ้นเต็มพื้นที่แทนที่จะเป็นหิมะ และยังไม่มีความหวังว่าจะเปิดให้บริการได้เมื่อไร เจ้าของรีสอร์ตและบรรดาพนักงานต้องไปทำงานในร้านอาหารของทางรีสอร์ตแทน โดยนอกจากไม่มีหิมะให้เล่นสกีแล้ว ทางรีสอร์ตยังต้องทิ้งอาหารที่แช่เย็นไว้จำนวนมาก เพราะว่าไม่มีนักท่องเที่ยว ทุกคนบอกว่าไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
ส่วนที่จังหวัดยามางาตะ ซึ่งมีกำหนดจัดการแข่งขัดกระโดดสกีชิงแชมป์โลก เมื่อเดือนมกราคม การจะทำการแข่งขันต้องมีหิมะหนาอย่างน้อย 60 เซนติเมตร แต่ขณะนั้นมีหิมะเพียงแค่ราว 20 เซนติเมตร ทำให้ทางการเมืองต้องใช้รถบรรทุกไปโกยหิมะตามท้องถนนในพื้นที่ต่างๆ รวบรวมมายังสถานที่จัดการแข่งขัน
การแข่งขันกีฬาฤดูหนาวในหลายจังหวัดของญี่ปุ่น ปีนี้ต้องยกเลิก เพราะไม่มีหิมะ
ผลการสำรวจพบว่า สกีรีสอร์ตทั่วญี่ปุ่น 385 แห่ง ปีนี้เปิดให้บริการได้แค่ร้อยละ 73.5 เท่านั้น ส่วนโรงแรมต่าง ๆ ในพื้นที่นั้น ถูกยกเลิกห้องพักเกือบทั้งหมด
อากาศที่อบอุ่นในฤดูหนาวปีนี้ ยังทำให้พืชผักเติบโตเร็ว จนออกสู่ตลาดมากมาย ทำให้ราคาตกต่ำกว่าปกติถึงร้อยละ 70 ทั้งผักกาด กะหล่ำปลี หัวไชเท้าหัวยักษ์ ขายกันแค่ไม่ถึง 200 เยน เรื่องนี้อาจดีสำหรับผู้บริโภค แต่ไม่ดีสำหรับเกษตรกรอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ อาหารพวกหม้อไฟ และโอเด้ง ก็ขายได้น้อยลง เสื้อผ้ากันหนาวต่าง ๆ รองเท้าบูท พลั่วตักหิมะ ก็มียอดขายหายไป 30-50%
คนไทยหลายคนไม่ชอบอากาศร้อน เหมือนกับคนญี่ปุ่นที่ไม่ชอบอากาศหนาว หลายคนอาจคิดว่าถ้าอากาศเย็นสบายทั้งปีน่าจะดี แต่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับทั้ง 4 ฤดูกาล ทุกฤดูเกี่ยวข้องกับผู้คน ธุรกิจ และกิจกรรมมากมาย ก่อนจากกันวันนี้ อยากชวนคุณผู้อ่านลองคิดดูว่า ถ้าเมืองไทยไม่ร้อน ธุรกิจและประชาชนจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ?
❤️ สัปดาห์หน้า พบกับ “ซาระซัง” เหมือนเดิม แล้วพบกันใหม่ถ้าเมื่อมีโอกาส ขอบคุณที่ติดตามกันมาค่ะ.