สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว เพื่อนๆ ชอบกินซูชิไหมครับ วันนี้มาพูดเรื่องปลาๆ กันสักหน่อยดีกว่า เคยได้ยินไหมว่าปลาอะไรตัวละหลายสิบล้านบาท มีครับก็ปลา maguro หรือปลาทูน่า ปีนี้ปิดราคาประมูลหนึ่งตัวอ้วนกลมที่กว่า 60 ล้านบาทกันเลยทีเดียว
คนญี่ปุ่นบอกว่าเวลามองหาร้านซูชิอร่อยๆ ตอนที่เราไปเที่ยวเนี่ยเรามักจะไม่ค่อยเจอร้านซูชิอร่อยๆ ถูกปากสักเท่าไหร่นักนะครับ ปกติสมัยก่อนร้านซูชิมักจะมีภาพลักษณ์ที่หรูแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีราคาแพง บางทีก็ทำให้เราไม่กล้าเข้าไปทาน วันก่อนผมอ่านข่าวเจอเรื่องประมูลปลาทูน่าราคาแพงที่สุดในโลก ลงบันทึกสำหรับปีนี้นะครับ เลยคิดว่าคุยเรื่องปลาๆ และร้านซูชิสักหน่อยดีกว่า
คือเจ้าของร้านซูชิ Sushizanmai แฟรนไชส์ชื่อดังของญี่ปุ่น เป็นผู้ชนะประมูลปลาทูน่าได้ในราคากว่า 190 ล้านเยน หรือกว่า 60 ล้านบาท ถ้าผมไม่ใช่คนญี่ปุ่นผมต้องคิดว่า ตาคนนี้ทำอะไรลงไปนี่แปลกประหลาดและบ้าหรือเปล่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าปลาทูน่า (maguro ) นี่ถือว่าเป็นดาวเด่นของเมนูซูชิสำหรับคนญี่ปุ่น เพราะเป็นปลาที่มีรสชาติที่อร่อยล้ำลึก รสชาติหวานละมุนเหมือนละลายได้ในปาก สมัยก่อนนู้นปลาทูน่าส่วน Toro (ส่วนท้อง) จะถูกโยนทิ้งไปก่อนเพื่อนเลยเพราะมันดูอ้วนเกินไป มีน้ำมันเยอะ แต่กลายเป็นว่าปัจจุบันส่วนนี้คือส่วนที่อร่อยที่สุด และแพงที่สุดไปเสียนี่ เอามาทำเป็นเมนูซูชิให้เด็ก ๆ ก็ทานได้ง่าย ทำเป็นทูน่า (Zuke) คือแช่เนื้อปลาในโชยุทิ้งไว้จนซอสโชยุแทรกเข้าเนื้อปลา แล้วราดหน้าข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยอย่าบอกใคร
สำหรับร้านซูชิแล้ว ส่วนตัวผมเองผมชอบทานซูชิที่ร้าน Sushizanmai อยู่เหมือนกัน ถึงแม้บางคนอาจจะมองว่าเป็นร้านแบบแฟรนไซส์ ไม่ใช่ร้านหรูดั้งเดิม แต่ร้านแบบนี้เอาใจใส่ลูกค้าดีกว่าและง้อลูกค้ามากกว่าร้านหรูดั้งเดิม และมีปลาและวัตถุดิบสดใหม่ที่มีคุณภาพด้วย นอกจากนั้นก่อนที่ผมจะไปทานที่ร้านนี้ ผมจะหาคูปองส่วนลดไปด้วยยิ่งทำให้ได้ราคาคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เจ้าของร้านก็เหมาะกับปลามาก นึกไปก็คล้ายๆ คาแรคเตอร์ของมังงะในเรื่อง 花の慶次 Hana no Keiji (เคย์จิ บุรุษอหังการ) พี่ใหญ่ของตัวละครซึ่งเป็นพี่ชายของ 火嘉 Higa ที่ชอบอยู่กับปลา
ส่วนปลา Maguro หรือปลาทูน่าตัวใหญ่ๆ นั้น เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีน้ำหนักมากถึงหลายร้อยกิโลกรัม ส่วนที่เอามาทานมีรสชาติและราคาแตกต่างกันออกไป สำหรับส่วนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเนื้อที่อร่อยที่สุดของทูน่า ก็คือเนื้อส่วนท้อง ที่เรียกว่า Toro (とろ) แบ่งเป็น O-Toro (大とろ) และ Chu-Toro (中とろ)
〇โอโทโระ O-Toro (大とろ) เป็นเนื้อบริเวณท้องที่มีไขมันเยอะที่สุด เป็นส่วนที่มีราคาแพงที่สุดของทูน่า ว่ากันว่าเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดด้วย เพราะว่าเมื่อทานเข้าไปแล้วเนื้อนุ่มปนไขมันดีนี้จะให้ความรู้สึกราวกับว่าเนื้อนั้นสามารถละลายได้ในปากเลยทีเดียว และยังมีรสชาติที่หวานละมุนละไม อร่อยลึกล้ำ
〇ชูโทโระ Chu-Toro (中とろ)จะอยู่บริเวณส่วนท้องและส่วนหลังของตัวปลา ซึ่งจะมีไขมันแทรกอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ สามารถทานได้ทั้งแบบซูชิ หรือทานแบบย่าง ชูโทโระนั้นเป็นส่วนที่นิยมรับประทานกันเป็นอย่างมากเช่นกัน
〇ส่วนที่เรียกว่า Akami (ส่วนกลางลำตัว) มีเนื้อสีแดง เป็นเนื้อส่วนที่ให้ความรู้สึกแน่น มีไขมันแทรกอยู่บ้างเล็กน้อย แต่มีแคลอรี่ต่ำและให้โปรตีนสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย
〇และเนื้อส่วนที่ออกสีแดงสด คือเนื้อที่อยู่ส่วนกลางด้านข้างของตัวปลาทูน่า มีเนื้อสีแดงสด มีลักษณะใส ไม่มีไขมันสีขาวๆ เหมือนส่วนอื่นๆ ที่ร้านซูชิจะเรียกว่า มากุโร
ซึ่งจริงๆ แล้วซูชินั้นเป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และให้นิยามว่าเป็นอาหารราคาแพงมาโดยตลอด แต่เมื่อเริ่มมีไอเดียทำซูชิแบบสายพานราคาย่อมเยา และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับตั้งแต่เมื่อ 30-40 ปีก่อนเป็นต้นมา จึงเกิดการแบ่งเกรดระหว่างร้านซูชิแบบสายพานราคาย่อมเยา กับร้านซูชิแบบราคาแพงที่ใช้วัตถุดิบราคาแพงพรีเมี่ยม ที่เรียกว่า Omakase คือ ลูกค้าจะรู้ราคา แต่เลือกไม่ได้ว่าจะได้ซูชิหน้าอะไรมาบ้าง เพราะเชฟจะเป็นคนเลือกทำซูชิให้ลูกค้าเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบคุณภาพชั้นหนึ่งทั้งนั้น แต่ราคาจะแพงมากๆ ถ้าใครไม่ได้ชอบทานปลาดิบก็ไม่แนะนำให้สั่งแบบ Omakase เพราะเราจะได้อะไรมาก็ไม่รู้ แพงแต่อาจจะไม่ถูกปากหรือทานไม่ได้เลยก็เป็นไปได้ ร้านซูชิทั้งสองแบบมีข้อดีของแต่ละแบบ แบบสายพานคือรู้ราคาและกำหนดงบประมาณได้ ราคาย่อมเยา แบบ Omakase คือวัตถุดิบดี อร่อยจริง
สำหรับเจ้าของร้านแฟรนไชส์ร้านซูชิ Sushizanmai ที่มีสาขามากมายทั่วญี่ปุ่นเจ้าของร้านเองก็ยังได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งทูน่า เพราะว่าเขามักจะไปประมูลปลาทูน่าตัวใหญ่ๆ ด้วยราคาแพงๆ ที่เทศกาลประมูลปลาประจำปีใหม่ของตลาดปลา Tsukiji นอกจากเป็นเจ้าของร้านแฟรนไชส์ซูชิแล้ว เขายังเคยได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติจากรัฐบาลดีบูติ ประเทศในแอฟริกา เพื่อตอบแทนคุณความดีที่เขาทำให้ผลกระทบจากปัญหาโจรสลัดโซมาเลียหมดไปอีกด้วย
การที่เขาประมูลปลาแบบนี้อาจจะดูว่าแพงไป แต่ด้วยความที่ร้านเขามีสาขามากพอที่จะกระจายของ และเป็นที่รู้จักหรือดังได้โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อโฆษณาในทีวีหรือสื่อที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายก็นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากข่าวที่ลงในสื่อต่างๆ ก็เขียนถึงเขาไว้มากมาย อาทิ เช่น
"Sushi Zanmai" ทุ่มกว่า 190 ล้านเยน ประมูลทูนาและแล่สด ส่งร้านแฟรนไชส์ขายหมดภายในวันนั้น เจ้าของร้านซูชิแฟรนไชส์ชื่อดัง กล่าวว่า "มากินปลาทูน่ากันให้เอร็ดอร่อย ให้เป็นปีที่มีความสุขและสดใส"
ในการประมูลครั้งแรกของปีนี้ จัดขึ้นในตอนเช้าของวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมานี้ ที่ตลาดปลาบริเวณ Toyosu (Koto-ku, Tokyo) ซึ่งครั้งนี้เจ้าของร้านซูชิแฟรนไชส์ชื่อดังเป็นผู้ชนะการประมูลที่ราคา 193.2 ล้านเยน ซึ่งปลาทูน่าตัวใหญ่ที่ถูกประมูลได้ก็ถูกแล่สดตอนเที่ยงในวันเดียวกันและนำไปทำเป็นซูชิเสนอขายให้กับลูกค้าทั่วไป
การแล่ทูน่าที่แพงที่สุดที่ประมูลได้ในปีนี้เริ่มต้นที่สำนักงานใหญ่ของ Sushizanmai ที่ Tsukiji น้ำหนักปลากว่า276 กิโลกรัมถูกแล่ออกเป็นส่วนๆ จริงๆ แล้วด้วยราคาที่ประมูลได้เมื่อนำไปทำเป็นข้าวปั้น แล้วจะตกชิ้นละประมาณ 60,000 เยน ( หรือสองหมื่นบาท) แต่ราคาหน้าร้านที่ขายอยู่ คือซูชิโอโทโระ ชิ้นละ 398 เยน! ( ประมาณ 120 บาท )!! ชูโทโระชิ้นละ 298 เยน ( ประมาณ 90 บาท ) ส่วนเนื้อที่ออกสีแดงๆ Akami ชิ้นละ 198 เยน ( ประมาณ 60 บาท ) ในวันนั้นก็มีประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมายที่มารอดูการประมูลและรอซื้อซูชิดังกล่าว ลุงคนหนึ่งที่ไปรอตั้งแต่ 06:00 น. กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาว่า " มันยอดเยี่ยมมาก ปีที่แล้วผมก็กินปลาทูน่าสุดท้ายของปี Heisei ที่นี่ ส่วนปี Reiwa นี้เป็นครั้งแรก เป็นการเริ่มที่ดีที่สุด! ปลาทูน่านี่แหละที่ดีที่สุด อร่อยจริงๆ " ส่วนเจ้าของร้านซูชิที่ประมูลปลาได้กล่าวว่า "ปลาทูน่าในปีนี้สดอร่อยและนุ่มเนียน ! และมันอร่อยกว่าปีที่แล้ว"
เขาหวังว่าปลาทูน่าตัวนี้จะสามารถทำเป็นซูชิได้ ซึ่งน่าจะหมื่นกว่าชิ้น อยากให้ผู้คนได้กินอย่างทั่วถึงมากขึ้น พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ผมหวังว่าทุกคนจะมีความสุขและอิ่มใจหลังจากกินอาหารอร่อย ๆ และขอให้เป็นปีที่สดใส สำหรับทุกคน" ไม่ใช่คนเต็มร้านเท่านั้น ส่วนที่ด้านนอกร้านนั้น ไม่น่าเชื่อว่ามีคนเกือบ 200 คนที่มารอเข้าแถวเข้าร้าน เพื่อรอทานปลาทูน่ามงคลแรกของปี ถือว่าเป็นความประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เลยสำหรับการประมูลของเขาในครั้งนี้
ต้องบอกด้วยว่าผมเองไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับร้านนี้เลยนะครับ แต่มีข่าวและเป็นหัวข้อสนทนาตามเว็บบอร์ดที่ญี่ปุ่นในตอนนี้ จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง ถ้ามีโอกาสลองทานซูชิทูน่าดูนะครับ วันนี้สวัสดีครับ