สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว สวัสดีปีใหม่ ค.ศ. 2020 ครับเพื่อนๆ ทุกท่าน ขอให้เริ่มต้นดีๆ ให้ปีนี้เป็นปีที่ดีและมีความสุขสมบูรณ์ถ้วนทั่วกันครับ
มีคำถามให้ผมพูดถึงประเด็นที่ว่า "คิดว่าแนวโน้มของประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2020 นี้จะเป็นไปในทิศทางใด” ต้องตอบก่อนว่าเป็นคำถามที่ยากที่จะตอบได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นการยากที่จะทำนายทายทักอนาคตข้างหน้าได้ แต่ถ้าให้พูดถึงข่าวดีและข่าวร้าย โดยให้เลือกว่าถ้ามีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้ คุณจะเลือกฟังข่าวไหนก่อน!?
ถ้ามีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย คนญี่ปุ่นคงต้องถามย้ำกับคำถามนี้ว่าอะไรนะ? ก่อนอื่นขอฟังข่าวดีก่อนได้ไหมว่าคืออะไร? มันน่าจะดีกว่านะ และข่าวดีของญี่ปุ่นในปีนี้ก็คือ ในปี 2020 นี้ จะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะถูกจัดขึ้นที่เมืองโตเกียว ซึ่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวจะเป็นเจ้าภาพนี้แม้จะมีความยากลำบากในหลายๆ ประเด็นมาก่อนหน้านี้ เช่น เรื่องงบประมาณที่เข้มงวดขึ้น การเปลี่ยนแปลงแผนการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก การขาดแคลนบุคลากรและอาสาสมัครจากที่คาดไว้ และเรื่องการย้ายสถานที่จัดแข่งขันมาราธอน จากในโตเกียวไปแข่งที่ Sapporo หลายๆ ประเด็นต่างๆ นานาเหล่านี้ แต่ก็เริ่มเคลียร์และก็จะมีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวในปีนี้อย่างแน่นอน ด้วยมิตรไมตรีจิตแบบญี่ปุ่นทำให้ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะมีการจัดการแข่งขันใดๆ ที่ถูกจัดขึ้นที่โตเกียวก็ตาม หรืองานกิจกรรมที่จัดขึ้นที่ภูมิภาค Tohoku เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 ก็ตาม ก็ล้วนทำให้การแข่งขันหลายรายการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สามารถสร้างความประทับใจเป็นอย่างมากด้วยความเป็น Omotenashi แบบญี่ปุ่น (คือ Hospitality ความมีมิตรไมตรีจิต การต้อนรับขับสู้ ) นั้นสร้างความประทับใจทั้งภายในและภายนอกได้
ถ้าอย่างนั้นแล้วข่าวร้ายคืออะไร จากความคาดหมายว่าโตเกียว(ญี่ปุ่น) จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ทำให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องของราคาหุ้นของ Nikkei ยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดเวลาและเป็นที่แน่นอนว่ามีข้อสันนิษฐานว่านี่คือแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีอาเบะซัง นายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานที่สุดตั้งแต่หลังสงครามโลก แต่ทว่าหลังจากจบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกแล้วมันอาจจะกลายเป็น จุดจบทางเศรษฐกิจหรือไม่ เปรียบเสมือนพื้นที่ว่างเปล่าและบรรยากาศอันเงียบสงบหลังจากหมดงานเทศกาลของศาลเจ้า เพราะสัญญาณได้เริ่มปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนสิ้นปีที่แล้วผู้ว่าราชการโตเกียว คุณ Koike Yuriko โกรธมากเมื่อต้องสูญเสียโอกาส โดนซัปโปโรเสียบแย่งเป็นสถานที่จัดแข่งมาราธอน เสียโอกาสในการโฆษณาดึงดูดเมืองท่องเที่ยวอย่างโตเกียวให้รู้จักไปทั่วโลกจากการออกอากาศสดโชว์ถนนหนทาง "ฉันควรทำอย่างไร ถ้าคนรู้จักของฉันได้ซื้อห้องชุด ริมถนนเพื่อเตรียมไว้ดูมาราธอนไปแล้ว" นักเกร็งกำไรอาจวางแผนรอ แต่สำหรับคนธรรมดาในญี่ปุ่นที่ทำงานตามปกติไม่สามารถรับรู้ได้ถึงราคาหุ้นที่สูงและเศรษฐกิจที่ดีอย่างที่ว่ากันเลย ซึ่งจะเห็นได้จากการลดลงของดัชนีที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่ประกาศหลังจากการขึ้นภาษีการบริโภคสู่ระดับ 10% เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
มีการล้อเลียนกึ่งติดตลกว่า หากต้องการทราบว่าเศรษฐกิจที่แท้จริงและชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั่วไปว่าเป็นอย่างไร ให้สังเกตจากคนไร้บ้านหรือ homeless ที่ย่าน Ginza ผู้ที่มักจะได้ทานอาหารดีๆ ที่ร้านอาหารนำมาทิ้งในย่านนี้ในทุกๆ วัน ถ้าอาหารที่คนไร้บ้านได้รับมาทานเริ่มไม่ใช่อาหารดีๆ ก็แปลว่าเศรษฐกิจเริ่มซบเซา และให้แอบถามแบบติดตลกกับคนขับรถแท็กซี่ใน Roppongi รปปงหงิดู ก็จะรู้ได้เหมือนกัน
ปีที่แล้วแสงสีของเทศกาลคริสต์มาสจนถึงปีใหม่ในย่าน Roppongi และ Omotesando ซึ่งน่าจะยาวนานมาจนถึงกลางๆ เดือนนี้ ก็ไม่ได้ฟู่ฟ่าเหมือนแต่ก่อน และแม้จะต่อด้วยวาเลนไทน์ และเทศกาลชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิรวมถึงมีงานกิจกรรมต่างๆ ยาวมาจนถึงกลางปี โดยงานใหญ่ในปีนี้ที่เรียกว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงของยุคนี้อาจจะหดหู่อยู่สักหน่อย หากสังเกตดูจะเห็นมีเพียงนักท่องเที่ยวจากเอเชียยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่ยังพอมีกำลังจับจ่ายใช้สอย แต่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มีอายุน้อยจากแถวชานเมืองที่เข้ามาเที่ยวชมแสงไฟในเมือง คงทานได้แค่ชานมไข่มุกเท่านั้นกระมัง
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งควรจะเกิดขึ้นจากการแข่งขันอย่างมืออาชีพที่บริสุทธิ์ใจและร้องเพลงอย่างภาคภูมิ ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศเจ้าภาพในทุกเวลา ในช่วงเวลาของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1964 ที่ผ่านมาญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกหลังฟื้นตัวจากสงครามและเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความหวังที่เต็มไปด้วยเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นมาพัฒนาประเทศชาติต่อไป ทัวร์นาเมนต์ต่อจากนั้นก็เคยจัดในเอเชีย ทั้งที่โซลในปี 1988 และปักกิ่งในปี 2008 ก็จัดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบเนื่องจากพวกเขาก็วิ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของประเทศเช่นกัน ในปัจจุบันการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในประเทศญี่ปุ่น อยู่ในช่วงเวลาที่หนึ่งในสองของประชาชนทั้งประเทศมีค่าเฉลี่ยของอายุมากกว่า 50 ปี ย่อมจะมีความแตกต่างในท่าทางทวงทำนองและมุมมองของพวกเขาเมื่อเทียบจากการจัดงานครั้งก่อนหน้านี้
กรีซและบราซิลซึ่งก็เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 มีปัญหาที่พบบ่อยเหมือนๆ กันคือ ความยากลำบากในการรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่หลังจากการก่อสร้างและภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ เช่นในกรีซนั้น เกิดปัญหาการล้มละลายของรัฐบาล
บางทีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวครั้งที่จะมาถึงนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีอำนาจลดลงและประชากรวัยเจริญเติบโตของประเทศลดน้อยลง อย่างไรก็ตามชาวญี่ปุ่นทุกคนรวมถึงผมก็ยังขอให้ประสบความสำเร็จเพื่อให้ดอกไม้ไฟครั้งนี้เป็นไปได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์
มาถึงตอนนี้ผมจำได้อีกหนึ่งข่าวดี อีกสิ่งซึ่งญี่ปุ่นมีความแตกต่างจากกรีซที่เกิดปัญหารัฐบาลล้มละลายหลังจากการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก คือ หนี้เกือบทั้งหมดของญี่ปุ่นนั้นมีเจ้าหนี้เป็นคนในประเทศ (เปรียบเปรยกับสภาพที่หลานชายยืมเงินจากปู่ของเขาและเมื่อถึงเวลาที่ต้องคืนเงินก็ไปยืมเงินของยายของเขามาชำระคืน) ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการล้มละลายของรัฐบาลเกิดขึ้น เช่นนี้คนญี่ปุ่นเรียกติดตลกว่าทำเหมือนกับ Nininbaori (二人羽織り) ที่เป็นละครตลกญี่ปุ่นโดยคนสองคนสวมเสื้อคลุมขนาดใหญ่ (haori) และแกล้งทำเป็นคน (หลังค่อม) คนหนึ่ง คนหนึ่งคือ "ใบหน้า" และอีกคนคือ "แขน" อารมณ์ขันเกิดขึ้นจากแขนที่ไม่เคยประสานงานกับใบหน้าแต่ก็ไปกันได้เรื่อยๆ เพราะการยืมเงิน คืนเงิน ยืมเงินก็จะวนๆ ไปเรื่อยๆ นั่นเอง
หากแม้แต่ถ้าคนหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นยังคงรวมพลังอยู่ก็อาจเห็นข่าวดีเช่นนี้ว่าญี่ปุ่นจะได้รับการฟื้นพลังเหมือนนกฟีนิกซ์ในอนาคตอันใกล้ ผมหวังว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะต้องประทับใจกับการเกิดขึ้นของพลังหนุ่มสาวที่อยู่เหนือการเมืองเศรษฐกิจศาสนาและในเวลาเดียวกันทุกคนก็ยังหวังว่าญี่ปุ่นจะสดใสในปี 2020 วันนี้สวัสดีครับ