xs
xsm
sm
md
lg

ขนบคลายร้อนของญี่ปุ่นด้วยเรื่องผี : โฮอิจิไร้หู (จบ)

เผยแพร่:   โดย: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์


ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


ความเดิมตอนที่แล้ว

โฮอิจิชายตาบอดผู้มีฝีมือในการขับลำนำประกอบการดีดพิณบิวะมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว และด้วยฝีมือทางดนตรี พระรูปหนึ่งจึงประทับใจมากและได้เชิญชวนให้ไปอยู่ที่วัด โดยมีหน้าที่บรรเลงดนตรีขับลำนำแลกกับที่พักอาศัย คืนหนึ่งเมื่อพระไปทำธุระนอกวัด มีชายลึกลับมาชวนโฮอิจิไปบรรเลงให้เจ้านายของตนซึ่งเป็นคนสูงศักดิ์ฟัง โฮอิจิไปตามนั้นโดยไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคนชวนคือใคร เขาไปซ้ำในคืนหลังจากนั้นอีกจนกระทั่งพระสงสัยและให้คนตามไปสืบ คืนนั้นคนของวัดเห็นโฮอิจิดีดบิวะท่ามกลางสายฝนในสุสานของวัด จึงรู้ว่าชายหนุ่มต้องมนตร์สะกดของผีตระกูลเฮเกะ เมื่อพาตัวกลับไปที่วัด พระจึงซักไซ้ไล่เลียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โฮอิจิไร้หู : คาถาลืมหู


โฮอิจิลังเลที่จะบอก แต่ในที่สุดเมื่อพบว่าพฤติกรรมของตัวเองได้สร้างความตกอกตกใจและทำให้พระที่ดีรูปนี้โกรธจริง ๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยอมละการสงวนท่าทีของตน และเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตนเองตั้งแต่ตอนที่มีซามูไรมาหาเขาครั้งแรกให้พระฟัง

เมื่อพระผู้เป็นสหายได้ฟังแล้วก็พูดว่า

“โฮอิจิ สหายผู้น่าสงสารของอาตมา ตอนนี้เจ้าตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง! โชคร้ายเสียจริงที่เจ้าไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้อาตมาฟังก่อนหน้านี้! ฝีไม้ลายมือทางดนตรีของเจ้าได้นำพาเจ้าเข้าไปประสบปัญหาแปลกประหลาดโดยแท้ แต่คราวนี้ขอให้เจ้าตระหนักไว้เป็นแม่นมั่นว่าเจ้าไม่ได้ไปที่เรือนของใครทั้งนั้น แต่สถานที่ที่เจ้าไปมาหลายคืนน่ะคือสุสาน อยู่ท่ามกลางหลุมศพของคนตระกูลเฮเกะ แล้วคืนนี้คนของเราไปพบตัวเจ้าต่อหน้าหลุมศพอนุสรณ์แห่งจักรพรรดิอันโตกุ เจ้านั่งอยู่กลางสายฝน ทุกสิ่งที่เจ้าจินตนาการไปนั้นล้วนแต่เป็นภาพลวงตา...ยกเว้นเสียงร้องเรียกของภูตผี เมื่อเชื่อฟังภูตผีเข้าสักครั้ง เจ้าก็ตกอยู่ใต้อำนาจมนตร์สะกดของพวกมันเหล่านั้น ถ้าเจ้าหลงเชื่ออีกหลังจากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นแล้ว ภูตผีจะฉีกทึ้งเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ “ยังไงก็ตาม ไม่ช้าก็เร็ว พวกมันคงจะทำลายเจ้า... ระหว่างนี้อาตมาไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้ในคืนนี้ มีคนนิมนต์อาตมาไปทำพิธีอีกพิธีหนึ่ง แต่ก่อนที่อาตมาจะไป ก็จำเป็นจะต้องเขียนคาถาศักดิ์สิทธิ์ลงบนกายเจ้าเพื่อให้คุ้มครองร่างของเจ้าไว้”

ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน พระกับผู้ช่วยก็พากันถอดเสื้อผ้าของโฮอิจิออก และนำพู่กันมาเขียนบนหน้าอกกับหลัง หัวกับใบหน้ากับคอ แขนขากับมือเท้า...แม้แต่ฝ่าเท้าก็ด้วย ไล่ไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย คาถาศักดิ์สิทธิ์นั้นคือปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร เมื่อลงคาถาเสร็จเรียบร้อย พระก็กำชับโฮอิจิไว้โดยกล่าวว่า

“คืนนี้ เมื่ออาตมาไปแล้ว เจ้าต้องนั่งอยู่ที่ระเบียงทันทีและรออยู่อย่างนั้น เจ้าจะถูกเรียก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่าได้ขานรับเป็นอันขาด และอย่าได้ขยับเขยื้อนกาย อย่าได้พูดอะไร จงนั่งนิ่ง ๆ เหมือนกับนั่งสมาธิ ถ้าเจ้าลุกลี้ลุกลนหรือส่งเสียงใด ๆ เจ้าจะถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้น ๆ เจ้าจงอย่าหวาดหวั่นไป และอย่าได้คิดร้องเรียกขอความช่วยเหลือ เพราะไม่มีความช่วยเหลือใดจะปกปักรักษาเจ้าได้ ถ้าเจ้าทำอย่างที่อาตมาสั่งไว้ทุกประการ ภยันตรายจะผ่านพ้นไป และไม่มีสิ่งใดที่เจ้าจะต้องหวาดกลัวอีกต่อไป”

หลังจากฟ้ามืด พระกับผู้ช่วยออกจากวัดไป แล้วโฮอิจิก็นั่งลงที่ระเบียงตามคำสั่งที่ได้รับมา เขาวางบิวะไว้ข้าง ๆ ตัวบนแผ่นกระดานปูพื้น และปรับอารมณ์ให้อยู่ในสภาวะเหมือนนั่งสมาธิ นั่งนิ่งทีเดียว พยายามไม่ไอ หายใจแผ่วเบาเพื่อมิให้ได้ยินเสียงลมหายใจ เขาอยู่ในท่านั้นหลายชั่วโมง

ต่อมาโฮอิจิก็ได้ยินเสียงก้าวเดินจากถนนเข้ามา เสียงเหล่านั้นผ่านประตู ข้ามสวน ใกล้เข้ามาทางระเบียง แล้วหยุดต่อหน้าเขา
“โฮอิจิ!” เสียงลุ่มลึกร้องเรียก แต่ชายหนุ่มตาบอดกลั้นหายใจไว้ นั่งนิ่งไม่ไหวติง
“โฮอิจิ!” เสียงที่ไม่สบอารมณ์ร้องเรียกเป็นครั้งที่สอง แล้วก็ครั้งที่สาม...อย่างดุร้าย
“โฮอิจิ!”

โฮอิจิยังคงนั่งนิ่งเป็นหิน ส่วนเสียงของอีกฝ่ายก็กลายเป็นคำบ่นที่ฟังดูหงุดหงิด
“ไม่ตอบรึ! ใช้ไม่ได้! ไหนดูซิว่าเจ้านี่อยู่ไหน...”

เกิดเสียงย่ำเท้าหนัก ๆ บนระเบียง เท้าคู่นั้นเคลื่อนเข้าใกล้อย่างหมายมั่นแล้วหยุดใกล้ ๆ โฮอิจิ หยุดนานหลายนาที ระหว่างนั้นโฮอิจิรู้สึกว่าร่างทั้งร่างของตนสั่นสะท้านไปตามแรงเต้นของหัวใจ...ความเงียบกริบแผ่ไปทั่ว

ในที่สุดเสียงกระด้างก็พึมพำใกล้ ๆ เขา

“นี่บิวะ แต่บนตัวคนดีดบิวะ ข้าเห็นแค่หูสองข้าง! ก็เพราะแบบนี้นี่เองเจ้านี่ถึงไม่ตอบข้า ไม่มีปากจะตอบนั่นเอง ตัวของเจ้านี่ไม่มีอะไรเหลือนอกจากหู...ดีละทีนี้ ข้าจะเอาหูพวกนี้ไปให้นายท่านของข้า เป็นเครื่องยืนยันว่าคำสั่งอันทรงเกียรติได้รับการเชื่อฟังอย่างถึงที่สุด”

ชั่วขณะนั้นเอง โฮอิจิรู้สึกว่ามีนิ้วแข็ง ๆ ราวกับเหล็กกุมเข้าที่หูสองข้างแล้วกระชากหูออก! เกิดความเจ็บปวดหนักหนาสาหัส แต่เขาไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ เสียงเท้าที่ก้าวหนัก ๆ ค่อย ๆ ห่างออกไปตามระเบียง ลงไปสู่สวน ผ่านออกไปยังถนน แล้วหยุด

ชายตาบอดรู้สึกได้ว่ามีอะไรข้น ๆ อุ่น ๆ ย้อยลงมาจากสองข้างของหัว แต่ก็ไม่กล้ายกมือทั้งสองขึ้นแตะ...
ละคร Hoichi the Earless (วัดเมืองโกเบ) โดย松岡明芳
พระกลับมาก่อนรุ่งสาง และรีบไปที่ระเบียงด้านหลังทันที พระก้าวเข้าไปและเหยียบของเหลวลื่นเหนียวเหนอะ ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความสยองขวัญ และด้วยแสงจากโคมก็รู้ได้ว่าของเหนียวหนืดคือเลือด พระสังเกตเห็นโฮอิจินั่งอยู่ตรงนั้นในท่านั่งสมาธิ...เลือดยังคงไหลออกจากรอยแผลของเขา

“โฮอิจิผู้น่าสงสาร!” พระร้องด้วยความตกใจ “นี่มันอะไรกัน เจ้าถูกทำร้ายรึ”

ครั้นโฮอิจิได้ยินเสียงพระผู้เป็นเพื่อนของตน จึงรู้สึกว่าปลอดภัย เขาร้องไห้กระซิก และเล่าเรื่องราวการเผชิญกับภยันตรายของคืนนั้นด้วยน้ำตานองหน้า

“โธ่ โธ่ โฮอิจิ!” พระอุทาน “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของอาตมาเอง เป็นความผิดร้ายแรงของอาตมาแท้ ๆ!...อาตมาลงคาถาให้เจ้าไว้ทั่วทั้งตัวยกเว้นที่หูของเจ้า! อาตมาให้ผู้ช่วยของอาตมาทำงานนี้ อาตมาผิดมาก ๆ ผิดมากจริง ๆ ที่จะไม่ได้ยืนยันให้แน่ใจว่าเขาทำลุล่วงทั้งหมดหรือเปล่า...โธ่ ตอนนี้แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เราทำได้แค่พยายามรักษาบาดแผลของเจ้าให้หายเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้...ขวัญเอยขวัญมานะสหาย! ตอนนี้คราวเคราะห์ทั้งหลายสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าจะไม่ถูกผู้รุกรานเหล่านั้นรังควานอีกต่อไป”

เมื่อได้หมอฝีมือดีมาช่วยรักษาให้ ไม่ช้าโฮอิจิก็ฟื้นตัวจากความบาดเจ็บ เรื่องราวการผจญภัยแปลกประลาดของเขาเป็นที่กล่าวขานแพร่หลายไปทั่ว และทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นอีกในไม่ช้า ขุนนางหลายคนไปที่อากามางาเซกิเพื่อฟังเขาขับลำนำ ทำให้โฮอิจิได้เงินมากมายเป็นรางวัล และกลายเป็นชายผู้มั่งคั่ง ทว่านับตั้งแต่การผจญภัยของเขาเป็นต้นมา โฮอิจิกลายเป็นที่รู้จักในสมญา “มินินาชิ โฮอิจิ” หรือ “โฮอิจิไร้หู” เพียงเท่านั้น

เกร็ดส่งท้าย

ในเรื่อง “โฮอิจิไร้หู” เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีอิทธิพลของพุทธศาสนาแทรกอยู่ ความเชื่อเรื่องเวทมนตร์คาถาก็พ้องกับความเชื่อของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องการลงคาถาอาคม คาถาในเรื่องคือพระสูตร “ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร” เป็นพระสูตรที่แพร่หลายมากในนิกายมหายาน และเชื่อกันว่ามีความลี้ลับศักดิ์สิทธิ์ดังที่ปรากฏเป็นอานุภาพบังตาไว้ไม่ให้ผีเห็น
ลาฟคาดิโอ เฮิร์น (Lafcadio Hearn; 1850-1904)
เรื่องนี้เป็นเรื่องผีที่รู้จักอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นที่ผ่านวัยนักเรียนประถมทุกคนเคยได้ยินได้ฟังมาแล้วแน่นอน อันที่จริงนี่คือเรื่องเล่าเก่าแก่ในภาษาญี่ปุ่นที่อิงเค้าโครงทางประวัติศาสตร์ว่าด้วยการต่อสู้กันระหว่างเฮเกะกับเก็นจิซึ่งเป็นสองตระกูลใหญ่ในสมัยโบราณ จนกระทั่งลาฟคาดิโอ เฮิร์นผู้ชื่นชอบคติชนวิทยาของญี่ปุ่นได้นำมาเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องราวจึงแพร่หลายมากขึ้น และต่อมามีการนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครเวทีหลายครั้ง

**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.mgronline.com



กำลังโหลดความคิดเห็น