xs
xsm
sm
md
lg

คุณนายไข่มุกตอนจบ เมื่อรอยร้าวแตกแหลกสลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"

6

ชีวิตของรุริโกะ ณ ขณะนี้ริบหรี่ดั่งดวงไฟเมื่อใกล้ดับ วันรุ่งขึ้นไข้ค่อย ๆ ลดลงและความเจ็บปวดดูเหมือนจะเบาบางลง แต่ใบหน้าที่เคยงามบาดใจ บัดนี้ ซีดขาวลงเกือบไร้สีเลือด บ่งบอกถึงความอ่อนล้าสิ้นแรงลงไปทุกที และใบหน้าของดร.คนโดที่นั่งเฝ้าไข้อยู่เกือบตลอดเวลาก็เครียดขึ้นตามไปด้วย

“ดอกเตอร์ครับ ลูกสาวผมจะรอดไหม”

บิดาผู้สูงศักดิ์ของรุริโกะกระซิบถามเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้

“ผมหวังจะเป็นเช่นนั้นครับท่าน แต่ทว่า...”

คุณหมอพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น ก็รู้สึกว่าริมฝีปากหนักอึ้งไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใด ๆ ออกมาได้อีก

มินะโกะกลัวเกินกว่าจะถามคำถามเดียวกันนั้นออกมา เธอทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากนั่งเกาะอยู่ข้างเตียงและทุ่มเทพลังใจพลังกายทั้งหมดที่มีอยู่หน่วงเหนี่ยวดวงวิญญาณของแม่เลี้ยงที่กำลังจะล่องลอยออกจากร่าง มินะโกะอ่อนเพลียสิ้นเรี่ยวแรงจากการที่ไม่ได้นอนหลับตลอดคืนที่ผ่านมา แต่เธอก็ไม่ยอมละจากเตียงคนเจ็บไม่ว่าใครจะพยายามพาไปนอนก็ตามทุกครั้งที่ตื่นลืมตาขึ้น รุริโกะจะกระซิบถามที่ข้างหูมินะโกะด้วยคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คนที่เธอรอคอยก็ยังไม่มาสักที ไม่รู้ว่าโทรเลขที่มินะโกะส่งไปนั้นถึงมือผู้รับโดยสวัสดิภาพหรือไม่

จนกระทั่งบ่ายสามโมง รุริโกะจ้องหน้ามินะโกะด้วยสายตาพร่ามัวเต็มที แล้วอยู่ ๆ ก็ถามเอ่ยถามเหมือนนึกขึ้นมาได้

“คุณอะโอะกิล่ะ”

มินะโกะอึกอักไม่อาจตอบได้ในทันที จนคนเจ็บต้องถามซ้ำ

“คุณอะโอะกิล่ะ”

จึงตอบออกมาได้ด้วยเสียงสั่นเครือ

“ไม่รู้ว่าไปไหนตั้งแต่เมื่อคืนค่ะคุณแม่”

แต่รุริโกะดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างจากสีหน้าของมินะโกะ เธอยิ้มเศร้า ๆ ขณะบอกว่า

“มินะโกะ หนูบอกความจริงกับคุณแม่เถิดนะคะ คุณแม่ทำใจได้ ถึงยังไงก็จะอยู่ไปได้อีกไม่นาน”

มินะโกะพูดไม่ออก

“มอบตัวหรือคะ”

พอเห็นมินะโกะสั่นศีรษะ ใบหน้าซีดขาวของรุริโกะก็สลดลงด้วยความสิ้นหวัง

“ถ้าอย่างนั้น...ฆ่าตัวตายหรือคะ”

มินะโกะเงียบรู้สึกราวลิ้นถูกตอกตรึงไว้ด้วยตะปู

“อย่างนั้นหรือ คุณแม่ก็คิดอย่างนั้น ครั้งนี้...ครั้งนี้เท่านั้นที่คุณแม่ไม่ได้ประสงค์ร้ายเลย”

รุริโกะพูดพลางหลับตาลง มินะโกะเข้าใจทุกอย่างแล้ว ที่แม่เลี้ยงเปิดเผยความรู้สึกของตนเองที่มีต่อชายหนุ่มออกมาอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้นต่อหน้าเธอก็เพราะเห็นแก่เธอในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิดเลยถ้าจะบอกว่าใจจริงของรุริโกะที่มีต่อเธอนั้นเองที่ ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างสุดแสนที่จะสะเทือนใจเช่นนี้ ยิ่งคิดมินะโกะก็ยิ่งวุ่นวายใจจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

พลบค่ำแล้ว อาการของรุริโกะทรุดลงตามลำดับ ไข้ลดฮวบลงอย่างน่าหวั่นใจ ลมหายใจอ่อนแรงและเริ่มติดขัดเป็นห้วง ๆ

คุณหมอบอกทุกคนว่าวาระสุดท้ายอาจมาถึงภายในคืนนี้

ขณะที่คุณหมอกำลังอ่านคำวินิจฉัยการตายของรุริโกะนั้นเอง รถยนต์คันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาเทียบที่เชิงบันไดทางเข้าห้องโถงของโรงแรม นะโอะยะนั่นเอง เขารีบรุดมาทันทีที่ได้ข่าวร้ายของคนรักเก่า ทันได้ดูใจเป็นครั้งสุดท้าย สองปีแห่งการต่อสู้ในท้องถิ่นแถบเมืองร้อนทำให้นะโอยะเปลี่ยนไป ชายหนุ่มลูกผู้ดีร่างสะโอดสะองใบหน้าขาวนวลกลายเป็นชายหน้าเข้มคมและร่างกายบึกบึนอุดมด้วยกล้ามเนื้อพองาม สีหน้าท่าทางนั้นเล่าก็ทะนงองอาจ ดวงตาคู่งามมีเสน่ห์ในอดีตนั้นบัดนี้ฉายแววแห่งความมั่นใจและความหวัง

7

เมื่อนะโอะยะเข้ามาในห้องคนเจ็บ รุริโกะกำลังหลับด้วยความรู้สึกกึ่งฝันกึ่งตื่น

ภาพของนะโอะยะ...ความมีชีวิตชีวาและการเคลื่อนไหวด้วยพลังเข้มแข็ง กับ ภาพของรุริโกะ...ความอ่อนล้าเมื่อพลังชีวิตกำลังจะสิ้นและใบหน้าซีดขาวของคนที่ใกล้วาระสุดท้าย ช่างแตกต่างกันอย่างประหลาดและน่าเวทนาอะไรเช่นนั้น ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างวันนี้ กับเมื่อสองปีก่อนที่คู่รักผู้งดงาม หวานชื่นและเปล่งประกายแห่งความหวังเดินเคียงกันไปนั้น ทำไมจึงโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้

มินะโกะขอให้พยาบาลที่เฝ้าไข้อยู่เลี่ยงออกไปข้างนอกก่อน แล้วเข้าไปพูดเสียงดัง ที่ข้างหูของรุริโกะ

“คุณแม่คะ คุณนะโอะยะมาแล้วค่ะ”

ประสาทหูของรุริโกะเสื่อมถอยลงไปมากแล้วจึงไม่รับรู้ได้ในทันที ทำให้มินะโกะต้องพูดเสียงดังเหมือนตะโกนซ้ำอีก

“คุณแม่ขา คุณนะโอะยะมาแล้ว”

ใบหน้าซีดขาวจนคล้ำเหมือนสีดินของรุริโกะกระตุกนิด ๆ แสดงว่าได้ยินเสียง มินะโกะรวบรวมกำลังตะเบ็งเสียงบอกเป็นครั้งที่สาม

“คุณแม่ขา คุณนะโอะยะมาแล้ว”

แก้มที่ซีดเซียวมาตลอดสองวันของรุริโกะแดงระเรื่อขึ้นจาง ๆ น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาเต็มดวงตาขุ่นมัวทั้งคู่ก่อนที่จะพรั่งพรูลงมา ใบหน้าเคร่งขรึมของนะโอะยะที่ยืนหน้าขรึมอยู่ข้างเตียงเปลี่ยนไป น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมานองหน้าคล้ามแดด

มินะโกะหวังที่จะให้คู่รักที่จากกันไปนานมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งครั้งนี้อาจจะเป็นวาระสุดท้าย จึงบอกว่า

“คุณแม่ขา ดิฉันขอตัวไปข้างนอกสักประเดี๋ยว” แล้วก็ทำท่าจะออกไปที่ห้องด้านนอก พอเห็นเช่นนั้นรุริโกะก็เรียกเอาไว้ด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบจับความไม่ได้

“มิเนะโกะ หนูอยู่ด้วยนะ อย่าไปไหน”

“คุณแม่ให้ดิฉันอยู่ด้วยหรือคะ ให้อยู่ด้วยหรือคะ” มินะโกะถามย้ำ คนเจ็บพยายามเคลื่อนไหวศีรษะเป็นเชิงตอบรับ

รุริโกะเบิกตาขึ้นด้วยความลำบาก กรอกตาไปมาเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง

“รุริโกะ นี่ผมเอง เห็นหน้าผมไหม ซุงิโนะ ไงล่ะครับ”

อะโอะกิตะโกนเสียงดัง เขาไม่อาจระงับอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียงแล้วแนบแก้มแก้มคล้ำแดดที่นองด้วยน้ำตากับแก้มของรุริโกะ

ดวงตาพร่าเลือนของเธอคงจะจำหน้าคู่รักของเธอได้ ยิ้มน้อย ๆ ด้วยความสุขเคลื่อนไปทั่วใบหน้า แต่ก็เพียงแวบเดียวราวกับเงาที่เคลื่อนผ่าน รุริโกะไม่มีแรงแม้แต่จะคงรอยยิ้มแห่งความปิติเอาไว้

“นะโอะกิ”

รุริโกะเค้นคำพูดออกมาด้วยพลังอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ในวาระสุดท้าย ซึ่งไม่ได้ดังมากไปกว่าเสียงกระซิบที่อ่อนแรงเต็มที ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นที่ช่วยให้ฟังดูแตากต่างไปจากเสียงคราง

“อะไรครับ อะไร”

นะโอะกิถามระล่ำระลักด้วยท่าทีราวกับจะพยายามเหนี่ยวรั้งดวงวิญญาณของคนรักไม่ให้ออกจากร่างไป

“ฉัน...ฉัน...ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ นอกจากคำขอร้อง”

รุริโกะพูดต่อไปด้วยเสียงที่พยายามเค้นออกมาด้วยพลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด

“คุณจะขออะไรผม”

“คุณจะคำของฉันไหม”

“ฟังซิครับ” นะโอะยะตอบเสียงดังจากใจจริง

“คือ...มินะโกะ...มินะโกะ ฉันอยากขอร้องคุณเรื่องมินะโกะ มินะโกะ...เธอ...เธอเป็นลูกกำพร้า ไมีมีใครอีกแล้ว”

รุริโกะพูดได้แค่นั้นก็หมดแรงราวกับเชือกที่ขึงตึงขาดผึงจากกัน

เท่านี้มินะโกะก็เข้าใจ...ที่รุริโกะเรียกนะโอะยะมาที่นี่นั้นไม่ใช่เพื่อตัวของรุริโกะเอง แต่เรียกเขาซึ่งเป็นคนที่ตนไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดมาเพื่อฝากฝังอนาคตของเธอไว้กับเขา...มินะโกะฟุบหน้าลงร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายใครเมื่อประจักษ์ในพลังแห่งความรักซึ่งเหนือกว่าความตาย ที่รุริโกะมีต่อเธอ

คืนนั้น ดวงวิญญาณอันแข็งแกร่งของรุริโกะก็ละทิ้งร่างงดงามของเธอไปชั่วนิรันดร ชีวิตอันแสนสั้นของรุริโกะที่กรุ่นไปด้วยอารมณ์รุนแรงในทุกขั้นตอน จบลงราวดอกไม้ไฟที่ถูกยิงพุ่งสูงขึ้นไปและแตกกระจายพร่าพรายอยู่บนท้องฟ้า เพียงชั่ววูบแล้วเลือนหายไกลลิบออกไปจากสายตา

8

มินะโกะโศกเศร้ากับการจากไปของรุริโกะอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธอยอมแล้วที่จะสูญเสียทุกสิ่งทุกข์อย่างในชีวิตขอเพียงให้แม่เลี้ยงที่รักของเธอคนนี้มีชีวิตยืนยาวออกไป

หลังบรรจุศพ มินะโกะกลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวของรุริโกะที่เหลืออยู่ทั้งน้ำตา และสุดท้ายเมื่อต้องเก็บชุดนอนขาวสะอาดชุ่มเลือดที่รุริโกะสวมใส่ในคืนที่ถูกแทง มินะโกะไม่กล้าที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสแต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นมาแตะต้องเสื้อผ้าที่ รุริโกะสวมใส่

มินะโกะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อขึ้นมาอย่างหวาด ๆ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความฉงนเมื่อมือไปกระทบกับอะไรอย่างหนึ่งที่แข็งกว่าเนื้อผ้า ก็พบว่าเสื้อตรงที่เธอจับอยู่นั้นด้านในมีแผ่นผ้าชิ้นหนึ่งเย็บทับเอาไว้และภายในมีอะไรคล้ายแผ่นกระดาษซ่อนอยู่

สาวน้อยลังเลไม่รู้ว่าจะเลาะแผ่นผ้านั้นออกดูดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็เกรงว่าความลับของแม้เลี้ยงที่อุตส่าห์ปิดบังเอาไว้จะต้องถูกเปิดเผยออกมา อีกใจหนึ่งก็คิดว่านั่นอาจเป็นจดหมายสั่งเสียที่มีความสำคัญก็ได้ สุดท้ายมินะโกะก็ตัดสินใจแกะสิ่งนั้นออกมาอย่างเกรง ๆ

กระดาษแผ่นนั้นที่แท้คือภาพถ่ายที่แกะออกมาจากแผ่นกระดาษแข็งที่ร้านถ่ายรูปจัดมาให้ ภาพถ่ายที่รุริโกะเก็บไว้แนบชิดอยู่กับตัว แม้ภาพจะจางไปบ้างตามวันเวลา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าบุคคลในภาพคือนะโอะยะสมัยที่เป็นนักศึกษา

มินะโกะประจักษ์แจ้งถึงแก่นแท้ของหัวใจรุริโกะเมื่อเห็นภาพถ่ายใบนี้ แม่เลี้ยงที่รักของเธอ...แม้เมื่อต้องแต่งงานจอมปลอมกับชายสูงวัยด้วยอำนาจเงิน...แม้เมื่อปล่อยตัวเริงร่าอยู่ท่ามกลางผู้ชายมากหน้าหลายตาราวกับนางโลมทรงเสน่ห์ แต่ ณ เบื้องลึกแห่งหัวใจ ความรักครั้งแรกที่มีต่อชายหนุ่มผู้นั้น ยังเรืองรองสุกใส บริสุทธิ์ราวไข่มุกไร้รอยราคี

หรือว่า...รุริโกะจะปกป้องทั้งกายและใจเอาไว้ให้คนรักครั้งแรกของเธอ แล้วล้างแค้นที่ถูกพรากจากรักแรกเอากับพวกผู้ชายที่มารุมล้อม

การค้นพบความลับที่แฝงอยู่ในใจของแม่เลี้ยงยิ่งทำให้มินะโกะสะเทือนใจยิ่งขึ้นไปอีก เธอเดินสะอึกสะอื้นเข้าไปเรียกนะโอะยะที่อยู่ในห้องข้าง ๆ เข้ามา แล้วให้เขาดูภาพถ่ายกับเสื้อนอนอาบเลือดตัวนั้น

นะโอะยะยืนตรึงจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาคลอเต็มตาทั้งคู่ไม่ให้หลั่งรินลงมาต่อหน้ามินะโกะ แต่ในที่สุดก็สิ้นความอดทน นะโอะกิร้องไห้ออกมาอย่างลืมอาย น้ำตาผู้ชายพรุ่งพรูลงมา ปนเสียงสะอื้น เนิ่นนาน

×
หนังสือพิมพ์ในปริมณฑลของโตเกียวจัดพื้นที่ส่วนใหญ่ในหน้าข่าวสังคมให้กับข่าวการตายของอะโอะกิ มิโนะรุ กับ รุริโกะ เต็มครึ่งหน้าข่าวสังคม นักข่าวแต่ละคนต่างเสนอเรื่องราวกันไปคนละแนวตามประสาสื่อ แต่ที่พ้องกันก็คือการวาดภาพให้ คุณนายรุริโกะเป็นเสมือนนางปีศาจโฉมงามที่จ้องแต่จะดูดเลือดผู้ชาย บางคนเปรียบการตายของคุณนายโฉมงามกับการตายของคาร์เมนที่ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงหลายใจ คนทั่วไปที่เคยได้ยินได้ฟังคำเล่าลือถึงการใช้ชีวิตอย่างปล่อยเนื้อปล่อยตัวเป็น อิสะเสรีในหมู่ผู้ชายของคุณนายโฉมงามผู้นี้ ก็ไม่พักที่จะตั้งข้อสงสัยกับข่าวหนังสือพิมพ์พวกนั้น

ท่ามกลางกระแสคำสรรเสริญเยินยอความงามพร้อมกันไปกับคำวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมอันไร้ซึ่งความเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลของคุณนายรุริโกะซึ่งโหมกระพือราวพายุใหญ่นั้น ไม่มีใครเลยที่รู้ซึ้งถึงจิตใจและรู้จักตัวตนอันแท้จริงของเธอนอกจากนะโกะกับนะโอะยะ

รุริโกะผู้จากไปราวดอกโบตั๋นสีแดงดอกใหญ่สลัดกลีบร่วงกระจาย สมปรารถนาแล้วมิใช่หรือที่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่เธอมอบใจรักให้อย่างที่สุดคู่นี้รู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของหัวใจเธอเช่นนี้ คำนินทาว่าร้ายของคนในสังคมที่หมื่นกี่พันคนจะมีความหมายไปได้อย่างไร

x

ผู้อ่านบางคนคงจำได้ว่าภาพวาดชื่อ “คุณนายไข่มุก” ที่จัดแสดงในงานของสมาคมนิคะไคเมื่อปีที่แล้ว ได้รับคำสรรเสริญจากบรรดานักวิจารณ์ศิลปะแนวหน้าว่าเป็นมาสเตอร์พีสของฤดูใบไม้ร่วง

ภาพนั้นเป็นภาพของสาวงามยืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนผืนผ้าใบ งามมาก...งามแวววาวเป็นประกายราวไข่มุก ความสำเร็จของของจิตรกรอยู่ที่การสะท้อนความมั่นใจในตนเองอันเป็นลักษณะเด่นของผู้หญิงสมัยใหม่ ความฉลาดหลักแหลม และพลังจิตอันเข้มแข็งเอาไว้อย่างเพียบพร้อม บนใบหน้าที่งามกระจ่าง คนที่คุ้นเคยกับภาพเขียนนี้คงจะสังเกตเห็นลายมือชื่อของจิตรกร...K.K. ที่มุมขวาของภาพ
ใช่แล้ว นั่นคือผลงานจากพลังความสามารถของคะระซะวะ โคอิชิผู้กำลังก้าวเดินอยู่บนเส้นทางของศิลปะในความคุ้มครองของน้องสาวคนเดียวของเขา งานนี้สำเร็จลงด้วยน้ำตา และคงเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถอุทิศให้ได้แก่เธอผู้ล่วงลับ

ชะตาชีวิตของมินะโกะจะเป็นเช่นไรเมื่อสิ้นรุริโกะนั้นเป็นเรื่องในอนาคตซึ่งผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ก็ไม่อาจรู้ แต่คิดว่าเราคงจะวางใจได้ถ้าฝากสาวน้อยผู้นี้ไว้กับนะโอะยะ

 
จบบริบูรณ์



กำลังโหลดความคิดเห็น