บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน...?"
รุริโกะหันไปถามมินะโกะอย่างแฝงนัยความหมายบางอย่าง มินะโกะรู้สึกเหมือนมีลำแสงสว่างวาบแวบเข้ามากลางความมืด สาวน้อยเพิ่งเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของแม่เลี้ยงในค่ำคืนนี้เอง
5
ความรู้สึกของแม่เลี้ยงสว่างชัดเจนขึ้นในใจของสาวน้อย ราวอรุณรุ่งเหนือทะเลหมอกที่มืดครึ้มอยู่ยาวนาน
มินะโกะเพิ่งตระหนัก ณ นาทีนี้เองว่าแม่เลี้ยงแสนดีรู้ใจเธอแล้วทุกอย่าง รู้ชัดจนกระทั่งว่าเธอมีใจให้ชายหนุ่ม ท่าที่แม่เลี้ยงแสดงต่อชายหนุ่มซึ่งดูเหมือนตีกรอบจำกัดเอาไว้เวลาอยู่ต่อหน้าเธอทั้งหมดนั้นเป็นเพราะสำนึกในหน้าที่ที่มีต่อเธอ และเหนือขึ้นไปกว่านั้นคือความหวังดี คือน้ำใจใยดี คือความความรักที่แม่มีต่อสูกสาวคนหนึ่ง ยิ่งคิด มินะโกะก็ยิ่งละอายใจเหลือเกินที่หลงคิดไม่ดีมาตลอด บัดนี้ความเคลือบแคลงเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้งในบุญคุณของแม่เลี้ยงที่ค่อย ๆ ซึมซ่านลงไปในส่วนลึกของหัวใจ
แม่เลี้ยงรักฉัน ทำทุกอย่างเพื่อฉัน...ยิ่งเข้าใจความรู้สึกของแม่เลี้ยงชัดเจนขึ้นเพียงไรมินะโกะก็ยิ่งเสียใจและละอายใจที่คิดไม่ดีกับแม่เลี้ยง ตั้งแต่หลายวันก่อน เมื่อวาน วันนี้ และจนถึงไม่กี่นาทีมานี้เอง
แม่เลี้ยงแสนดีของเธอเผยความรู้สึกชัดเจนยิ่งขึ้น จนแทบไม่มีอะไรซ่อนเร้นอยู่อีก
“คุณอะโอะกิ ความคิดที่จะแต่งงานกับดิฉันนั้นเป็นเหมือนคุณกำลังเดินหลงทางไปชั่วขณะ เป็นความเพ้อฝันชั่วครั้งคราวของชายรุ่นหนุ่ม คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของดิฉันแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะพูดให้ถูกคือคุณไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของดิฉัน คุณไม่รู้เลยสักนิดว่าจิตใจของดิฉันสับสนวุ่นวายแค่ไหน คุณไม่รู้แม้กระทั่งว่าดิฉันรักคุณอย่างไร...ใช่...ออสการ์ ไวลด์กล่าวไว้ว่า “ความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่ายคือพื้นฐานที่เหมาะสมของการแต่งงาน” ฟังดูเหมือนคำประชดประชัน แต่ดิฉันจะบอกให้ว่าที่คุณขอแต่งงานกับดิฉันนั้นเป็นเพราะความเข้าใจผิดแต่ฝ่ายเดียว”
รู้สึกว่าคำพูดของรุริโกะจะไม่ผ่านเข้าหูชายหนุ่มเลยสักคำ เขาโกรธจนพูดไม่ออกได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงนั้น แต่ผู้พูดยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นอกจากจะไม่เข้าใจความรู้สึกของดิฉันแล้ว คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกของใครที่เขามีใจกับคุณด้วย คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกของคนรอบข้างเลยจริง ๆ คุณไม่รู้เลย ไม่เคยแม้แต่จะใส่ใจสักนิดว่ามีสาวน้อยแสนดี จิตใจงดงามบริสุทธิ์ ล้ำค่าเกินกว่าจะเอาไข่มุกอันงดงาม หรืออัญมณีใด ๆ มาแลกเอาไปได้ มีใจรักคุณ ดิฉันคิดว่าคุณต้องลงมาเหยียบพื้นดินแล้วมองทุกสิ่งทุกอย่างให้ชัดเจนเสียที”
คำพูดของรุริโกะทำให้มินะโกะเขินอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ขณะเดียวกันอกใจก็เต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกขอบคุณแม่เลี้ยงแสนดีที่เข้าใจความรู้สึกแท้จริงของเธอและช่วยเปิดเผยออกมาเช่นนั้น แต่ทว่าชายหนุ่มที่ยืนนิ่งฟังมาถึงตรงนี้กลับไม่แสดงทีท่าว่ารู้สึกรู้สม เขาผลุดลุกขึ้นยืนก่อนพูดด้วยเสียงกราดเกรี้ยวว่า
“คุณนาย...พอได้แล้วครับ คุณนายเหยียดหยามให้ผมได้อายมาพอแล้ว และนี่ยังจะมาพูดอะไรอีก คุณนายทำให้ผู้ชายอย่างผมต้องเสียศักดิ์ศรี หมดความภาคภูมิ แล้วนี่กำลังจะพูดอะไรซ้ำเติมผมอีก คุณนายแค่ตอบรับคำขอของผมทั้งหมดหรือไม่ตอบรับเลย ผมต้องการชัด ๆ แค่นั้น ผมไม่อยากฟังคำพูดเหมือนหลอกเด็กว่ารักเหมือนน้องชายบ้างอะไรบ้าง นี่คุณนายจะปั่นหัวผมไปถึงไหน ผมเห็นจะต้องขอตัวแค่นี้...และจะไม่มาให้คุณนายเห็นหน้าอีก ผมจะคอยดูว่าคุณนายจะทำบาปทำกรรมกับผู้ชายไปได้นานสักเท่าไรโดยสวรรค์ไม่ลงโทษ ความรักที่ผมมีต่อคุณนายเป็นรักครั้งแรก เป็นรักแรกจากใจจริงของผม รักแรกที่มีค่าสำหรับผมที่ผมเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด รักแรกที่ผมยอมเสียสละได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่...แต่...”
ชายหนุ่มพูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ร่วงเผาะด้วยสิ้นพลังที่จะระงับความชอกช้ำที่อดกลั้นอยู่ภายในเอาไว้ได้อีกต่อไป
“...มันถูกคุณนายเหยียบขยี้จนแหลกรานไม่มีชิ้นดี จำไว้ให้ดีเถิดคุณนาย”
ชายหนุ่มไม่อาจระงับอารมณ์โกรธสุดขีดเอาไว้ได้ เขาแผดออกมาสุดเสียง ร่างสูงสง่าของเขาสั่นสะท้าน น้ำตาผู้ชายไหลพรากลงมาแทบจะอาบพื้นดิน
มินะโกะสาวน้อยซึ่งนั่งหลุบตาราวกับกำลังครุ่นคิดขณะเฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของชายหนุ่มมาตั้งแต่ต้น พลอยสิ้นความอดทนไปด้วย เธอเงยหน้าขึ้นในทันใด
“คุณแม่”
สาวน้อยอุทานออกมาเป็นคำแรกด้วยเสียงแหบโหย
6
“คุณแม่”
สาวน้อยเค้นเสียงอุทานแหบโหยออกมาจนได้ด้วยความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว
“คุณแม่...คือคุณแม่คิดดี ๆ อีกครั้งหนึ่งได้ไหมคะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณอะโอะกิพูดถึงเรื่องอะไร แต่ดิฉันขอให้คุณแม่คิดทบทวนดูอีกครั้ง คือ...ดิฉัน...”
มินะโกะดูเหมือนอยากพูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ความรู้สึกและอารมณ์ที่พลุ่งสูงทำให้คำพูดตะกุกตะกัก ชะงักค้างอยู่ในอก คำพูดของสาวน้อยมีพลังพอที่จะหยุดชายหนุ่มที่กำลังหุนหันออกเดินจากไปลังเลนิด ๆ แล้วหันมามองไปที่ผู้พูด
“คุณมินะโกะ ผมขอบคุณที่กรุณาหวังดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว หัวใจของผมถูกเหยียบขยี้จนแหลกราน ที่ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีแต่ความเศร้าและความชิงชัง ผมขอโทษที่ทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้คุณต้องเดือดร้อน ลาก่อนครับ”
พอพูดจบชายหนุ่มยืดตัวให้คืนรูปทรงสง่างามของเขาอีกครั้ง ก่อนออกวิ่งลงไปตามทางระหว่างเนินสนามหญ้าที่ไม่ชันนัก แวบเดียวร่างสูงในชุดกิโมโนลำลองสีขาว ๆ ก็ลับหายเข้าไปในหมู่ไม้ในความมืดสลัวของสวนสาธารณะแห่งนั้น
มินะโกะมองตามร่างสูงของชายหนุ่มที่หายลับไปด้วยความรู้สึกหงอยเหงาเศร้าสร้อยและด้วยใจที่ยังตัดความหวังไม่ขาด
รุริโกะก็มองตามหลังชายหนุ่มไปนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ทันทีหลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนอิริยาบท รุริโกะลุกขึ้นยืนแล้วเข้าไปทรุดตัวลงนั่งชิดกับมินะโกะ โอบไหล่ลูกเลี้ยงของเธอไว้ด้วยมือข้างซ้าย แล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“มินะโกะ หนูตกใจหรือคะ”
“ค่ะ คุณแม่ หนูสงสารคุณอะโอะกิ”
มินะโกะตอบด้วยเสียงแผ่วจนแทบจะจางหายไปในอากาศ รุริโกะหยุดคิดก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“คุณแม่คิดว่าตัวเองทำไม่ดีเลยกับมินะโกะมากกว่านายอะโอะกินั่นเสียอีก ขอโทษนะหนู คุณแม่ไม่น่าทำอย่างนั้นเลยจริง ๆ คุณแม่ขอโทษ”
มินะโกะรู้สึกได้ว่าคำพูดของแม่เลี้ยงนั้นกลั่นกรองออกมาจากใจบริสุทธิ์ ซาบซึมขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ อย่างที่สาวน้อยไม่เคยได้ยินมาก่อน
“มินะโกะ ถ้าพูดผิดไปคุณแม่ต้องขอโทษ แต่คุณแม่เข้าใจ คุณแม่รู้ว่านายอะโอะกิมีความหมายอย่างไรต่อหัวใจของหนู”
เมื่อถูกแม่เลี้ยงมองเห็นลงไปถึงส่วนลึกของหัวใจเช่นนั้น มินะโกะก็หน้าแดงเรื่อและหลบตา
“มินะโกะ คืนวานซืนหนูได้ยินที่คุณแม่กับนายอะโอะกิพูดกันทั้งหมดใช่ไหมคะ ถ้าจะพูดให้ถูกหนูไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่คุณแม่ไม่รู้ต่างหากที่มินะโกะอยู่ตรงนั้น เราพูดอะไรกันมากมาย พอกลับมาที่ห้องพักแล้วเห็นหน้าหนูที่กำลังจะออกไปข้างนอกคุณแม่ก็รู้สึกว่าจะเข้าใจอะไรได้ทั้งหมด เพราะสีหน้าของหนูเป็นสีหน้าของคนสิ้นหวัง ก่อนหน้าที่คุณแม่ก็เคยคิดเหมือนกันสักครั้งสองครั้งว่า อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่พอรู้ว่าคำว่าอาจจะนั้นเป็นความจริงขึ้นมาอย่างนี้ จึงรู้สึกตัวาเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว รู้ว่าแผนที่ตนเองวางไว้นั้นล้มเหลวอย่างไม่มีวันย้อนกลับไปแก้ไขได้”
คำพูดของแม่เลี้ยงสะท้อนความปวดร้าวใจให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นตามลำดับ
มินะโกะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนิ่งฟังแม่เลี้ยงด้วยความรู้สึกราวกับอกใจจะแตกสลายด้วยความเศร้าและความเขินอายสุดแสน
“เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้คุณแม่รู้ว่าชีวิตตัวเองล่มสลายหมดสิ้น รู้ดีว่าคำเหยียดหยามราวกับน้ำลายที่เคยสาดใส่พวกผู้ชายมากต่อมาก กำลังสาดใส่กลับเข้ามาที่ตัวคุณแม่ มินะโกะช่วยฟังคำสารภาพบาปของคุณแม่ด้วยเถิด”
น้ำเสียงนั้นเศร้าสร้อยอ่อนระโหยราวกับไม่ใช่ของแม่เลี้ยงโฉมงามผู้รื่นเริงแจ่มใสและหยิ่งผยองราวนางพญาหงษ์ ผู้ไม่เคยมีใครเคยเห็นน้ำตา
7
“คุณแม่ไม่มีความสนใจอะไรในตัวนายอะโอะกิมาตั้งแต่ต้น และที่พาเขามาที่ฮาโกเน่ด้วยก็เพราะทิฐิแค่นิดเดียว คือมันเป็นทิฐิของคุณแม่ที่มีต่อผู้ชายอีกคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นมาขอร้องแม่เป็นเชิงหวังดีต่อนายอะโอะกิทำนองว่า ให้เว้นนายอะโอะกิไว้สักคนหนึ่งเถิด เพราะเขาจะเดือดเนื้อร้อนใจมากถ้าคุณแม่ไปยั่วยวนให้หนุ่มคนนั้นลุ่มหลง ก็เพราะเขาเสนอหน้าเข้ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่นแบบนี้ คุณแม่เลยอยากลองดี ดูซิว่าพานายอะโอะกิมาฮาโกเน่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น คืออยากทำให้คนซึ่งเท่ากับว่าเป็นคนนอกเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวคุณแม่รู้เสียบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควร มินะโกะ...นั่นเป็นเพราะนิสัยที่ติดตัวคุณแม่มาตั้งแต่เกิด เป็นนิสัยที่ทำให้คุณแม่มีชีวิตอย่างที่ใคร ๆ เห็นมาทั้งหมดจนถึงวันนี้ และที่คุณแม่แต่งงานมาอยู่กับคุณพ่อก็เพราะนิสัยเช่นนี้แหละหนู”
รุริโกะสงบและจริงจังกว่าเคย เธอเงียบไปครู่สั้น ๆ ก่อนเปิดใจต่อไปว่า
“มันเป็นนิสัยยังไงคุณแม่ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คือถ้าถูกใครกดดันมันจะมีพลังโต้กลับรุนแรงเป็นสองเท่าสามเท่า นั่นอาจเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงถึงชีวิตของนิสัยคุณแม่ก็ได้ พอมาถึงตอนนี้คุณแม่เริ่มสังหรณ์ใจขึ้นมาว่าสักวันหนึ่งตนเองอาจต้องสังเวยชีวิตทั้งชีวิตให้แก่การมีนิสัยเช่นนี้ของตนก็ได้”
รุริโกะหยุดนิดหนึ่งก่อนกล่าวต่อไปว่า
“คุณแม่พานายอะโอะกิมาฮาโกเน่ทั้ง ๆ ที่แต่แรกไม่ได้คิดอยากพามาแม้แต่นิด ด้วยความรู้สึกเหมือนเด็กที่พอถูกห้ามไม่ให้จับต้องดอกไม้ก็อยากจับขึ้นมาทันทีทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอยากจับ คุณแม่ไม่ได้สนใจนายอะโอะกิสักนิด แต่ที่ทำไปก็เพราะทิฐิที่มีต่อคำพูดของชายผู้หวังดีคนนั้นแท้ ๆ ไม่รู้เลยว่าจะกลายเป็นบาปหนักอย่างไม่คิดไม่ฝันเช่นนี้”
เสียงของรุริโกะแหบหายเข้าไปในลำคอ สะท้อนให้เห็นว่าจิตใจของเธอสั่นสะเทือนกับสำนึกในความผิดของตนเพียงไร
“มินะโกะ คุณแม่คงต้องขอโทษหากว่ามองผิดไป แต่ถ้าจริงอย่างที่คุณแม่แน่ใจ ก็เท่ากับว่าคุณแม่เลวร้ายมากที่แย่งผู้ชายที่จับใจบริสุทธิ์ผุดผ่องของหนู มินะโกะให้อภัยคุณแม่เถิดนะ คุณแม่ขอโทษ”
น้ำเสียงของรุริโกะผู้ไม่เคยให้ใครเห็นน้ำตา อุ้มหยาดน้ำตาเอาไว้เจียนจะหยด
“คุณแม่ไม่รู้จะคำพูดที่ไหนมาขอโทษมินะโกะ ให้สมกับที่คุณแม่ที่รักมินะโกะยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดในโลกนี้ ได้เหยียบขยี้ความรักอันงดงามบริสุทธิ์ที่เพิ่งจะแย้มกลีบจนยับเยินแหลกราน คุณแม่ของมินะโกะคนนี้...”
น้ำตาหยาดแรกของรุริโกะเป็นประกายคลอคลองปริ่มอยู่ที่ขอบตางาม
“คุณแม่ผิดพลาดร้ายแรงอย่างไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ สิ่งที่ทำลงไปเพียงเพราะความอยากกลั่นแกล้งด้วยความถือดี เพียงเพราะทิฐิมานะที่ไร้สาระ เพียงเท่านั้นเองที่ทำให้คุณแม่กลายเป็นคนร้ายกาจที่บดขยี้ความรู้สึกของมินะโกะที่บริสุทธิ์และล้ำค่าเกินกว่าจะเอาเพชรนิลจินดาที่ไหนมาแลกเอาไปได้ แค่คิดใจของคุณแม่ก็แทบแหลกสลาย มินะโกะคนดี ยกโทษให้คุณแม่สักครั้งหนึ่งเถิด”
รุริโกะสะเทือนใจจนต้องก้มหน้าลง
“คุณแม่เจ้าขา คุณแม่พูดอะไรอย่างนั้น ไม่ต้องขอโทษดิฉัน ดิฉันไม่ได้...”
มินะโกะระงับความกระดากอายขณะพูดเป็นเชิงปลอบแม่เลี้ยงของเธอ
“เรื่องเช่นนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่จะมาขออภัยกันได้ เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ยากจริง ๆ และแม้ว่าหนูจะให้อภัยแต่ใจคุณแม่ก็ยังทุกข์ระทมอยู่อย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะการทำให้มินะโกะที่คุณแม่รักที่สุดคนนี้ต้องโชคร้ายหมดความสุขนั้น เป็นการกระทำที่ร้ายกาจ ร้ายกาจเหลือเกิน”
ความสะเทือนใจจากการรู้สำนึกทำให้อากัปกิริยาของรุริโกะผู้เยียบเย็นและวางทรงระหงเป็นสง่าอยู่เสมอ เปลี่ยนไป ส่วนมินะโกะที่หวั่นไหวด้วยความกระดากอายที่ถูกแม่เลี้ยงที่เจาะลึกเข้าไปถึงส่วนลึกของหัวใจตนในตอนแรกนั้น เมื่อใจสงบลง สาวน้อยก็เริ่มรู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความปรารถนาดีที่แม่เลี้ยงมีต่อเธอยิ่งขึ้นตามลำดับ
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน...?"
รุริโกะหันไปถามมินะโกะอย่างแฝงนัยความหมายบางอย่าง มินะโกะรู้สึกเหมือนมีลำแสงสว่างวาบแวบเข้ามากลางความมืด สาวน้อยเพิ่งเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของแม่เลี้ยงในค่ำคืนนี้เอง
5
ความรู้สึกของแม่เลี้ยงสว่างชัดเจนขึ้นในใจของสาวน้อย ราวอรุณรุ่งเหนือทะเลหมอกที่มืดครึ้มอยู่ยาวนาน
มินะโกะเพิ่งตระหนัก ณ นาทีนี้เองว่าแม่เลี้ยงแสนดีรู้ใจเธอแล้วทุกอย่าง รู้ชัดจนกระทั่งว่าเธอมีใจให้ชายหนุ่ม ท่าที่แม่เลี้ยงแสดงต่อชายหนุ่มซึ่งดูเหมือนตีกรอบจำกัดเอาไว้เวลาอยู่ต่อหน้าเธอทั้งหมดนั้นเป็นเพราะสำนึกในหน้าที่ที่มีต่อเธอ และเหนือขึ้นไปกว่านั้นคือความหวังดี คือน้ำใจใยดี คือความความรักที่แม่มีต่อสูกสาวคนหนึ่ง ยิ่งคิด มินะโกะก็ยิ่งละอายใจเหลือเกินที่หลงคิดไม่ดีมาตลอด บัดนี้ความเคลือบแคลงเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้งในบุญคุณของแม่เลี้ยงที่ค่อย ๆ ซึมซ่านลงไปในส่วนลึกของหัวใจ
แม่เลี้ยงรักฉัน ทำทุกอย่างเพื่อฉัน...ยิ่งเข้าใจความรู้สึกของแม่เลี้ยงชัดเจนขึ้นเพียงไรมินะโกะก็ยิ่งเสียใจและละอายใจที่คิดไม่ดีกับแม่เลี้ยง ตั้งแต่หลายวันก่อน เมื่อวาน วันนี้ และจนถึงไม่กี่นาทีมานี้เอง
แม่เลี้ยงแสนดีของเธอเผยความรู้สึกชัดเจนยิ่งขึ้น จนแทบไม่มีอะไรซ่อนเร้นอยู่อีก
“คุณอะโอะกิ ความคิดที่จะแต่งงานกับดิฉันนั้นเป็นเหมือนคุณกำลังเดินหลงทางไปชั่วขณะ เป็นความเพ้อฝันชั่วครั้งคราวของชายรุ่นหนุ่ม คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของดิฉันแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะพูดให้ถูกคือคุณไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของดิฉัน คุณไม่รู้เลยสักนิดว่าจิตใจของดิฉันสับสนวุ่นวายแค่ไหน คุณไม่รู้แม้กระทั่งว่าดิฉันรักคุณอย่างไร...ใช่...ออสการ์ ไวลด์กล่าวไว้ว่า “ความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่ายคือพื้นฐานที่เหมาะสมของการแต่งงาน” ฟังดูเหมือนคำประชดประชัน แต่ดิฉันจะบอกให้ว่าที่คุณขอแต่งงานกับดิฉันนั้นเป็นเพราะความเข้าใจผิดแต่ฝ่ายเดียว”
รู้สึกว่าคำพูดของรุริโกะจะไม่ผ่านเข้าหูชายหนุ่มเลยสักคำ เขาโกรธจนพูดไม่ออกได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงนั้น แต่ผู้พูดยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นอกจากจะไม่เข้าใจความรู้สึกของดิฉันแล้ว คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกของใครที่เขามีใจกับคุณด้วย คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกของคนรอบข้างเลยจริง ๆ คุณไม่รู้เลย ไม่เคยแม้แต่จะใส่ใจสักนิดว่ามีสาวน้อยแสนดี จิตใจงดงามบริสุทธิ์ ล้ำค่าเกินกว่าจะเอาไข่มุกอันงดงาม หรืออัญมณีใด ๆ มาแลกเอาไปได้ มีใจรักคุณ ดิฉันคิดว่าคุณต้องลงมาเหยียบพื้นดินแล้วมองทุกสิ่งทุกอย่างให้ชัดเจนเสียที”
คำพูดของรุริโกะทำให้มินะโกะเขินอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ขณะเดียวกันอกใจก็เต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกขอบคุณแม่เลี้ยงแสนดีที่เข้าใจความรู้สึกแท้จริงของเธอและช่วยเปิดเผยออกมาเช่นนั้น แต่ทว่าชายหนุ่มที่ยืนนิ่งฟังมาถึงตรงนี้กลับไม่แสดงทีท่าว่ารู้สึกรู้สม เขาผลุดลุกขึ้นยืนก่อนพูดด้วยเสียงกราดเกรี้ยวว่า
“คุณนาย...พอได้แล้วครับ คุณนายเหยียดหยามให้ผมได้อายมาพอแล้ว และนี่ยังจะมาพูดอะไรอีก คุณนายทำให้ผู้ชายอย่างผมต้องเสียศักดิ์ศรี หมดความภาคภูมิ แล้วนี่กำลังจะพูดอะไรซ้ำเติมผมอีก คุณนายแค่ตอบรับคำขอของผมทั้งหมดหรือไม่ตอบรับเลย ผมต้องการชัด ๆ แค่นั้น ผมไม่อยากฟังคำพูดเหมือนหลอกเด็กว่ารักเหมือนน้องชายบ้างอะไรบ้าง นี่คุณนายจะปั่นหัวผมไปถึงไหน ผมเห็นจะต้องขอตัวแค่นี้...และจะไม่มาให้คุณนายเห็นหน้าอีก ผมจะคอยดูว่าคุณนายจะทำบาปทำกรรมกับผู้ชายไปได้นานสักเท่าไรโดยสวรรค์ไม่ลงโทษ ความรักที่ผมมีต่อคุณนายเป็นรักครั้งแรก เป็นรักแรกจากใจจริงของผม รักแรกที่มีค่าสำหรับผมที่ผมเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด รักแรกที่ผมยอมเสียสละได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่...แต่...”
ชายหนุ่มพูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ร่วงเผาะด้วยสิ้นพลังที่จะระงับความชอกช้ำที่อดกลั้นอยู่ภายในเอาไว้ได้อีกต่อไป
“...มันถูกคุณนายเหยียบขยี้จนแหลกรานไม่มีชิ้นดี จำไว้ให้ดีเถิดคุณนาย”
ชายหนุ่มไม่อาจระงับอารมณ์โกรธสุดขีดเอาไว้ได้ เขาแผดออกมาสุดเสียง ร่างสูงสง่าของเขาสั่นสะท้าน น้ำตาผู้ชายไหลพรากลงมาแทบจะอาบพื้นดิน
มินะโกะสาวน้อยซึ่งนั่งหลุบตาราวกับกำลังครุ่นคิดขณะเฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของชายหนุ่มมาตั้งแต่ต้น พลอยสิ้นความอดทนไปด้วย เธอเงยหน้าขึ้นในทันใด
“คุณแม่”
สาวน้อยอุทานออกมาเป็นคำแรกด้วยเสียงแหบโหย
6
“คุณแม่”
สาวน้อยเค้นเสียงอุทานแหบโหยออกมาจนได้ด้วยความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว
“คุณแม่...คือคุณแม่คิดดี ๆ อีกครั้งหนึ่งได้ไหมคะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณอะโอะกิพูดถึงเรื่องอะไร แต่ดิฉันขอให้คุณแม่คิดทบทวนดูอีกครั้ง คือ...ดิฉัน...”
มินะโกะดูเหมือนอยากพูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ความรู้สึกและอารมณ์ที่พลุ่งสูงทำให้คำพูดตะกุกตะกัก ชะงักค้างอยู่ในอก คำพูดของสาวน้อยมีพลังพอที่จะหยุดชายหนุ่มที่กำลังหุนหันออกเดินจากไปลังเลนิด ๆ แล้วหันมามองไปที่ผู้พูด
“คุณมินะโกะ ผมขอบคุณที่กรุณาหวังดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว หัวใจของผมถูกเหยียบขยี้จนแหลกราน ที่ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีแต่ความเศร้าและความชิงชัง ผมขอโทษที่ทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้คุณต้องเดือดร้อน ลาก่อนครับ”
พอพูดจบชายหนุ่มยืดตัวให้คืนรูปทรงสง่างามของเขาอีกครั้ง ก่อนออกวิ่งลงไปตามทางระหว่างเนินสนามหญ้าที่ไม่ชันนัก แวบเดียวร่างสูงในชุดกิโมโนลำลองสีขาว ๆ ก็ลับหายเข้าไปในหมู่ไม้ในความมืดสลัวของสวนสาธารณะแห่งนั้น
มินะโกะมองตามร่างสูงของชายหนุ่มที่หายลับไปด้วยความรู้สึกหงอยเหงาเศร้าสร้อยและด้วยใจที่ยังตัดความหวังไม่ขาด
รุริโกะก็มองตามหลังชายหนุ่มไปนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่ทันทีหลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนอิริยาบท รุริโกะลุกขึ้นยืนแล้วเข้าไปทรุดตัวลงนั่งชิดกับมินะโกะ โอบไหล่ลูกเลี้ยงของเธอไว้ด้วยมือข้างซ้าย แล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“มินะโกะ หนูตกใจหรือคะ”
“ค่ะ คุณแม่ หนูสงสารคุณอะโอะกิ”
มินะโกะตอบด้วยเสียงแผ่วจนแทบจะจางหายไปในอากาศ รุริโกะหยุดคิดก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“คุณแม่คิดว่าตัวเองทำไม่ดีเลยกับมินะโกะมากกว่านายอะโอะกินั่นเสียอีก ขอโทษนะหนู คุณแม่ไม่น่าทำอย่างนั้นเลยจริง ๆ คุณแม่ขอโทษ”
มินะโกะรู้สึกได้ว่าคำพูดของแม่เลี้ยงนั้นกลั่นกรองออกมาจากใจบริสุทธิ์ ซาบซึมขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ อย่างที่สาวน้อยไม่เคยได้ยินมาก่อน
“มินะโกะ ถ้าพูดผิดไปคุณแม่ต้องขอโทษ แต่คุณแม่เข้าใจ คุณแม่รู้ว่านายอะโอะกิมีความหมายอย่างไรต่อหัวใจของหนู”
เมื่อถูกแม่เลี้ยงมองเห็นลงไปถึงส่วนลึกของหัวใจเช่นนั้น มินะโกะก็หน้าแดงเรื่อและหลบตา
“มินะโกะ คืนวานซืนหนูได้ยินที่คุณแม่กับนายอะโอะกิพูดกันทั้งหมดใช่ไหมคะ ถ้าจะพูดให้ถูกหนูไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่คุณแม่ไม่รู้ต่างหากที่มินะโกะอยู่ตรงนั้น เราพูดอะไรกันมากมาย พอกลับมาที่ห้องพักแล้วเห็นหน้าหนูที่กำลังจะออกไปข้างนอกคุณแม่ก็รู้สึกว่าจะเข้าใจอะไรได้ทั้งหมด เพราะสีหน้าของหนูเป็นสีหน้าของคนสิ้นหวัง ก่อนหน้าที่คุณแม่ก็เคยคิดเหมือนกันสักครั้งสองครั้งว่า อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่พอรู้ว่าคำว่าอาจจะนั้นเป็นความจริงขึ้นมาอย่างนี้ จึงรู้สึกตัวาเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว รู้ว่าแผนที่ตนเองวางไว้นั้นล้มเหลวอย่างไม่มีวันย้อนกลับไปแก้ไขได้”
คำพูดของแม่เลี้ยงสะท้อนความปวดร้าวใจให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นตามลำดับ
มินะโกะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนิ่งฟังแม่เลี้ยงด้วยความรู้สึกราวกับอกใจจะแตกสลายด้วยความเศร้าและความเขินอายสุดแสน
“เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้คุณแม่รู้ว่าชีวิตตัวเองล่มสลายหมดสิ้น รู้ดีว่าคำเหยียดหยามราวกับน้ำลายที่เคยสาดใส่พวกผู้ชายมากต่อมาก กำลังสาดใส่กลับเข้ามาที่ตัวคุณแม่ มินะโกะช่วยฟังคำสารภาพบาปของคุณแม่ด้วยเถิด”
น้ำเสียงนั้นเศร้าสร้อยอ่อนระโหยราวกับไม่ใช่ของแม่เลี้ยงโฉมงามผู้รื่นเริงแจ่มใสและหยิ่งผยองราวนางพญาหงษ์ ผู้ไม่เคยมีใครเคยเห็นน้ำตา
7
“คุณแม่ไม่มีความสนใจอะไรในตัวนายอะโอะกิมาตั้งแต่ต้น และที่พาเขามาที่ฮาโกเน่ด้วยก็เพราะทิฐิแค่นิดเดียว คือมันเป็นทิฐิของคุณแม่ที่มีต่อผู้ชายอีกคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นมาขอร้องแม่เป็นเชิงหวังดีต่อนายอะโอะกิทำนองว่า ให้เว้นนายอะโอะกิไว้สักคนหนึ่งเถิด เพราะเขาจะเดือดเนื้อร้อนใจมากถ้าคุณแม่ไปยั่วยวนให้หนุ่มคนนั้นลุ่มหลง ก็เพราะเขาเสนอหน้าเข้ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่นแบบนี้ คุณแม่เลยอยากลองดี ดูซิว่าพานายอะโอะกิมาฮาโกเน่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น คืออยากทำให้คนซึ่งเท่ากับว่าเป็นคนนอกเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวคุณแม่รู้เสียบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควร มินะโกะ...นั่นเป็นเพราะนิสัยที่ติดตัวคุณแม่มาตั้งแต่เกิด เป็นนิสัยที่ทำให้คุณแม่มีชีวิตอย่างที่ใคร ๆ เห็นมาทั้งหมดจนถึงวันนี้ และที่คุณแม่แต่งงานมาอยู่กับคุณพ่อก็เพราะนิสัยเช่นนี้แหละหนู”
รุริโกะสงบและจริงจังกว่าเคย เธอเงียบไปครู่สั้น ๆ ก่อนเปิดใจต่อไปว่า
“มันเป็นนิสัยยังไงคุณแม่ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คือถ้าถูกใครกดดันมันจะมีพลังโต้กลับรุนแรงเป็นสองเท่าสามเท่า นั่นอาจเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงถึงชีวิตของนิสัยคุณแม่ก็ได้ พอมาถึงตอนนี้คุณแม่เริ่มสังหรณ์ใจขึ้นมาว่าสักวันหนึ่งตนเองอาจต้องสังเวยชีวิตทั้งชีวิตให้แก่การมีนิสัยเช่นนี้ของตนก็ได้”
รุริโกะหยุดนิดหนึ่งก่อนกล่าวต่อไปว่า
“คุณแม่พานายอะโอะกิมาฮาโกเน่ทั้ง ๆ ที่แต่แรกไม่ได้คิดอยากพามาแม้แต่นิด ด้วยความรู้สึกเหมือนเด็กที่พอถูกห้ามไม่ให้จับต้องดอกไม้ก็อยากจับขึ้นมาทันทีทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอยากจับ คุณแม่ไม่ได้สนใจนายอะโอะกิสักนิด แต่ที่ทำไปก็เพราะทิฐิที่มีต่อคำพูดของชายผู้หวังดีคนนั้นแท้ ๆ ไม่รู้เลยว่าจะกลายเป็นบาปหนักอย่างไม่คิดไม่ฝันเช่นนี้”
เสียงของรุริโกะแหบหายเข้าไปในลำคอ สะท้อนให้เห็นว่าจิตใจของเธอสั่นสะเทือนกับสำนึกในความผิดของตนเพียงไร
“มินะโกะ คุณแม่คงต้องขอโทษหากว่ามองผิดไป แต่ถ้าจริงอย่างที่คุณแม่แน่ใจ ก็เท่ากับว่าคุณแม่เลวร้ายมากที่แย่งผู้ชายที่จับใจบริสุทธิ์ผุดผ่องของหนู มินะโกะให้อภัยคุณแม่เถิดนะ คุณแม่ขอโทษ”
น้ำเสียงของรุริโกะผู้ไม่เคยให้ใครเห็นน้ำตา อุ้มหยาดน้ำตาเอาไว้เจียนจะหยด
“คุณแม่ไม่รู้จะคำพูดที่ไหนมาขอโทษมินะโกะ ให้สมกับที่คุณแม่ที่รักมินะโกะยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดในโลกนี้ ได้เหยียบขยี้ความรักอันงดงามบริสุทธิ์ที่เพิ่งจะแย้มกลีบจนยับเยินแหลกราน คุณแม่ของมินะโกะคนนี้...”
น้ำตาหยาดแรกของรุริโกะเป็นประกายคลอคลองปริ่มอยู่ที่ขอบตางาม
“คุณแม่ผิดพลาดร้ายแรงอย่างไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ สิ่งที่ทำลงไปเพียงเพราะความอยากกลั่นแกล้งด้วยความถือดี เพียงเพราะทิฐิมานะที่ไร้สาระ เพียงเท่านั้นเองที่ทำให้คุณแม่กลายเป็นคนร้ายกาจที่บดขยี้ความรู้สึกของมินะโกะที่บริสุทธิ์และล้ำค่าเกินกว่าจะเอาเพชรนิลจินดาที่ไหนมาแลกเอาไปได้ แค่คิดใจของคุณแม่ก็แทบแหลกสลาย มินะโกะคนดี ยกโทษให้คุณแม่สักครั้งหนึ่งเถิด”
รุริโกะสะเทือนใจจนต้องก้มหน้าลง
“คุณแม่เจ้าขา คุณแม่พูดอะไรอย่างนั้น ไม่ต้องขอโทษดิฉัน ดิฉันไม่ได้...”
มินะโกะระงับความกระดากอายขณะพูดเป็นเชิงปลอบแม่เลี้ยงของเธอ
“เรื่องเช่นนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่จะมาขออภัยกันได้ เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ยากจริง ๆ และแม้ว่าหนูจะให้อภัยแต่ใจคุณแม่ก็ยังทุกข์ระทมอยู่อย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะการทำให้มินะโกะที่คุณแม่รักที่สุดคนนี้ต้องโชคร้ายหมดความสุขนั้น เป็นการกระทำที่ร้ายกาจ ร้ายกาจเหลือเกิน”
ความสะเทือนใจจากการรู้สำนึกทำให้อากัปกิริยาของรุริโกะผู้เยียบเย็นและวางทรงระหงเป็นสง่าอยู่เสมอ เปลี่ยนไป ส่วนมินะโกะที่หวั่นไหวด้วยความกระดากอายที่ถูกแม่เลี้ยงที่เจาะลึกเข้าไปถึงส่วนลึกของหัวใจตนในตอนแรกนั้น เมื่อใจสงบลง สาวน้อยก็เริ่มรู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความปรารถนาดีที่แม่เลี้ยงมีต่อเธอยิ่งขึ้นตามลำดับ