xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 24 ค่ำคืนแห่งคำสัญญา (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"

ตอนที่ 24 ค่ำคืนแห่งคำสัญญา (ต่อ)
หน้าของแม่เลี้ยงโฉมงามถอดสี ราวกับเป็นคนละคนกับคุณนายที่ควบคุมความเย็นชาเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดการสนทนา เมื่อมินะโกะเงียบแม่เลี้ยงก็ยิ่งกังวล
“หนูเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ ดึกป่านนี้แล้วทำไมถึงเปลี่ยนชุดกิโมโน ถือกระเป๋าทำอย่างกับว่าจะไปไหนอย่างนั้น”

5

มินะโกะฝืนใจเปิดปากบางจิ้มลิ้มที่ปิดสนิทออกอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด เมื่อถูกแม่เลี้ยงคาดคั้น

“คือ ดิฉันจะไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์ค่ะ”

สาวน้อยพูดปดเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ใครก็ตามที่เห็นสีหน้าที่ซีดลงยามพูดออกมาว่าจะไปไปรษณีย์แล้วย่อมไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น

“ไปรษณีย์” รุริโกะย้อนคำ คิ้วงามขมวดเข้าหากันจนทำให้ใบหน้าหมองมัวลง “ค่ำมืดป่านนี้แล้วยังจะไปไปรษณีย์อีกหรือคะ”

แม่เลี้ยงโฉมงามพูดเสียงเบาเกือบเป็นกระซิบ เปล่า...นั่นไม่ใช่คำตำหนิมินะโกะ แต่เสียงนั้นเจือสำเนียงคล้ายตำหนิตัวเองมากกว่า

สองแม่ลูกเงียบไปอึดใจหนึ่ง สำหรับมินะโกะนั้นสาวน้อยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนนิ่งเงียบ

“ไปรษณีย์หรือครับ ผมไปให้”

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังแม่เลี้ยงโฉมงามเอ่ยขึ้นด้วยความจงใจที่จะช่วยทำลายความเงียบ มินะโกะลังเลนิดหนึ่ง เพราะเธอไม่มีจดหมายอะไรสักฉบับที่จะมอบหมายให้เขาไปส่ง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันไปเอง”

มินะโกะปฏิเสธเสียงแข็งผิดจากสาวน้อยผู้นิ่มนวลสุภาพคนเดิม คำปฏิเสธนี้สะท้อนให้เราที่เฝ้ารู้ดูใจบริสุทธิ์ผุดผ่องของเธอมาตลอด รู้สึกได้ถึงความเจ็บช้ำอันสุดพรรณนาที่อัดแน่นอยู่ในอก ความเจ็บช้ำเมื่อรักที่กำลังผลิตาแตกหน่อของเธอถูกเหยียบขยี้จนแหลกราน

ทั้งนี้ไม่ได้รอดพ้นสายตาของสมองอันเฉียบไวของของรุริโกะไปได้ แม่เลี้ยงโฉมงามทอดสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความรักใครใยดีจนเกือบเห็นหยาดน้ำตาหล่อรื้นขึ้นมา จับจ้องไปที่มินะโกะขณะบอกด้วยเสียงอ่อนโยนเป็นที่สุดว่า

“มินะโกะ คืนนี้อย่าไปเลยนะคะสี่ทุ่มแล้ว คุณแม่ขอร้อง เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปแต่เช้า นะคะ มินะโกะ ดีไหมคะ”

รุริโกะเข้าไปใกล้สาวน้อยลูกเลี้ยงราวกับจะโอบอุ้มไว้ในอ้อมกอด กระซิบที่ข้างหูราวกับกำลังปลอบเด็กตัวเล็ก ๆ ยามปกติมินะโกะไม่เคยขัดใจแม่เลี้ยง แต่ไม่ใช่คืนนี้เมื่ออกใจของเธอปั่นป่วนสับสน

มินะโกะไม่ตอบ

“แต่ถ้าหนูยืนยันจะไปให้ได้ คุณแม่ก็จะไปด้วย ดีไหมคะ มินะโกะ ” รุริโกะเสนอพร้อมกันหันไปบอกกับชายหนุ่มว่า “คุณอะโอะกิคอยอยู่ที่บ้านนะคะ”

พอพูดจบ รุริโกะก็ตั้งท่าจะออกเดินนำหน้าตามประสาคนคิดเร็วทำเร็ว ขณะที่มินะโกะทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนเฉยอยู่ จะไปกับคุณแม่ก็ไม่ได้เพราะไม่มีจดหมายอะไรจะไปทิ้ง ครั้นจะบอกว่าไม่ไปก็ไม่ได้อีกเพราะตนเองเป็นคนยืนกรานว่าจะไป

ระหว่างนั้น ชายหนุ่มคงรู้ตัวว่าควรจะปลีกตัวไปจากตรงนั้นเป็นดีที่สุด จึงเดินกลับไปที่โรงแรมวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องพักโดยไม่ได้บอกลาตามธรรมเนียม

เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน ความตึงเครียดของหัวใจสาวน้อยก็คลายลง ปล่อยให้น้ำตาร่วงลงมาเป็นสายบนแก้มนวลอีกครั้ง น้ำตานั้นห้ามเท่าไรก็ไม่หยุด ซ้ำยังตามมาด้วยเสียงสะอื้น

ดูเหมือนรุริโกะจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นลูกเลี้ยงคนดีเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอโอบร่างอ้อนแอ้นเข้ามาไว้ในอ้อมอก ถามด้วยเสียงกระเส่าของคนที่กำลังสะเทือนใจ

“มินะโกะ หนูเป็นอะไรไปคะ บอกคุณแม่ซิว่าหนูเสียใจอะไร โถ...เสียใจที่คุณแม่ทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียวหรือคะ คุณแม่ขอโทษ...ขอโทษนะมินะโกะ คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ”

จิตใจที่หวั่นไหวนำพาคุณนายรุริโกะผู้เชิดหยิ่งเย็นชาต่อบุรุษ คุณนายโฉมงามผู้เย็นชาต่อคำขอความรักของชายหนุ่มเมื่อครู่ก่อน กลับมาเป็นหญิงสาววัยยี่สิบผู้มีจิจใจละเอียดอ่อนซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงอีกครั้ง

“คุณแม่ใจไม่ดีเลยที่เห็นมินะโกะร้องไห้อย่างนี้ เพราะไม่เคยเห็นหนูร้องไห้มาก่อนเลยซักครั้งเดียว น้ำตาของหนูทำให้คุณแม่สะเทือนใจที่สุด หนูเป็นอะไรไปคะ บอกคุณแม่ได้ไหม ถ้าคุณแม่เป็นสาเหตุให้หนูร้องไห้ละก็ จะให้ขอโทษยังไงก็ยอม...มินะโกะคนดี บอกคุณแม่นะคะว่าหนูร้องไห้ทำไม”

น้ำเสียงขอแม่เลี้ยงเปี่ยมไปด้วยอารมณ์แห่งความรักใครใยดีที่หลั่งออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ อย่างที่สาวน้อยไม่อาจตั้งข้อสงสัยใด ๆ ได้
สวนโกระที่ฮะโกเนะ เปิดทำการเมื่อปี 1914 เป็นสวนที่จัดแบบฝรั่งเศสแห่งเดียวของญี่ปุ่น
6

ในที่สุด คืนนั้นมินะโกะก็ต้องฝืนใจตนเอง หันเท้าทั้งคู่ที่หนักหน่วงด้วยแรงขัดขืนพาตัวกลับขึ้นไปยังห้องพักด้วยความยากเย็น

เช้าวันรุ่งขึ้น มินะโกะตื่นแต่เช้าตรู่ราวกับคอยให้ฟ้าสางมาตลอดคืน และพอพบหน้ารุริโกะเธอก็บอกว่า

“คุณแม่คะ ดิฉันอยากไปเยี่ยมคุณพี่ที่ฮะยะมะ ไม่ได้ไปมานานแล้วไม่รู้ว่าจะอยู่ดีหรือไม่ดียังไง”

ทว่า รุริโกะไม่อนุญาตเพราะกิริยาอาการของลูกเลี้ยงสาวน้อยเมื่อคืนก่อนทำให้ต้องเป็นห่วง

“คอยอีกสักสองสามวันเถอะนะคะ คุณแม่อาจไปด้วยเพราะชักจะเบื่อ ๆ ฮะโกะเนะเสียแล้ว”

วันนั้นทั้งวัน รุริโกะผู้ร่าเริงปราดเปรียวอยู่เป็นนิจสินดูหมองไปอย่างประหลาด เธอไม่พูดอะไรกับชายหนุ่มแม้แต่คำเดียว และเกือบไม่พูดกับมินะโกะนอกเหนือไปจากเมื่อมีธุระ แม่ม่ายโฉมงามนั่งนิ่งเหมือนก้อนหินอยู่คนเดียวบนเก้าอี้หวายที่หน้ามุขนานเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง

ชายหนุ่มสังเกตเห็นความผิดปกติวิสัยได้ในทันที เมื่อรุริโกะไม่พูดด้วยเขาก็ชักจะวางตัวไม่ถูกลุกขึ้นเดินไป ๆ มา ๆ เหมือนสุนัขที่ถูกเจ้าของเกลียด ดวงตางามได้รูปที่ฉายแววไม่มั่นใจ ส่งประกายวูบวาบไปด้วยเปลวเพลิงแห่งอารมณ์รักไปที่รุริโกะ มินะโกะระงับความรู้สึกริษยาเมื่อเห็นอากัปกิริยาของชายหนุ่มที่แสดงต่อแม่เลี้ยงของเธอเอาไว้ได้ยากเต็มที แต่อีกใจหนึ่งก็อดสงสารไม่ได้ที่เห็นชายหนุ่มเฝ้าติดตามรุริโกะ จะทุกข์หรือสุขแล้วแต่เธอจะกรุณาราวกับสุนัขที่ซื่อสัตย์

วันนั้นผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งพลบค่ำ ไม่มีใครคิดที่จะชวนใครออกไปเดินเล่นยามเย็นเช่นเคย หลังกับมาจากห้องอาหารทั้งสามนั่งพร้อมหน้ากันเงียบ ๆ และอึดอัดอยู่ราว 30 นาที ก็แยกย้ายกลับห้องส่วนตัวทั้ง ๆ ที่ยังไม่สามทุ่ม

วันรุ่งขึ้น รุริโกะยังอยู่ในอาการที่ไม่ผิดอะไรกับเมื่อวันก่อน นาน ๆ จะเอ่ยปากกับมินะโกะด้วยความรักใคร่ใยดีสักครั้ง แต่ไม่ปริปากพูดกับชายหนุ่มแม้แต่คำเดียว สีหน้าที่บ่งบอกถึงความสิ้นหวังของชายหนุ่มเริ่มเข้มขึ้นตามลำดับ ดวงตาทั้งคู่เริ่มฉายแววประกายแห่งความเจ็บช้ำน้ำใจ

และแล้วค่ำคืนแห่งคำมั่นสัญญาที่รุริโกะกับชายหนุ่มให้ไว้แก่กันก็มาถึง

มินะโกะเก็บตัวอยู่ในห้องนอน ยิ่งใกล้เวลาค่ำคืนเพียงไรความทุกข์ระทมก็ยิ่งเกาะกุมใจสาวน้อยจนหนักอึ้งขึ้นเพียงนั้น เมื่อคิดไปว่าจะถูกชายหนุ่มสาปแช่งเพียงไรที่ตนเข้าไปขวางทางรักของเขาอยู่เช่นนี้

มินะโกะคิดว่าตอนกลับจากห้องอาหาร เธอจะปลีกตัวจากรุริโกะกับชายหนุ่มไปนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ คนเดียวที่ห้องสมุดของโรงแรม เพื่อที่ชายหนุ่มจะได้ออกไปเดินเล่นสองต่อสองกับแม่เลี้ยงของเธอตามที่ใจเขาปรารถนา ส่วนแม่เลี้ยงเองก็จะได้ออกไปเดินเล่นกับชายหนุ่มเพียงสองคนโดยไม่ต้องกังวลกับการที่ต้องทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว

มินะโกะคิดดังนั้นจึงคอยโอกาสที่จะปลีกตัวออกจากคนทั้งสอง ทว่าสายตาของแม่เลี้ยงไม่ได้คลาดเคลื่อนจากตัวเธอเลยจนดูเหมือนกับตั้งใจ สาวน้อยจึงจำต้องเดินกลับห้องพักไปด้วยกัน

แม้เมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้วรุริโกะก็ยังเงียบเช่นเคย เวลาผ่านไปห้านาทีแล้วก็สิบนาที มินะโกะเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดขึ้นทุกที และยิ่งคิดว่านั่นเป็นเพราะมีเธอเป็นตัวกีดขวางโอกาสอันสำคัญในชีวิตของเขาอยู่ สาวน้อยก็สิ้นความอดทน

“คุณแม่คะ ดิฉันจะไปห้องสมุด พอดีมีหนังสือที่อยากอ่านดูสักหน่อย”

มินะโกะเอ่ยขึ้นแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่รอคำตอบจากแม่เลี้ยง

รุริโกะตกใจและร้องเรียกเอาไว้

“อย่าไปห้องสมุดเลยค่ะ เราออกไปเดินเล่นกันดีกว่า เมื่อวานก็ไม่ได้ไปมาวันหนึ่งแล้ว”

มินะโกะยั้งเท้าที่กำลังจะก้าวเดินเอาไว้ และพอชำเลืองไปทางชายหนุ่มสาวน้อยก็ต้องใจหาย เพราะใบหน้าขาวนวลคมคายของเขานั้น บัดนี้มันแดงจนดำด้วยความโกรธรุนแรง

7

มินะโกะเดาใจแม่เลี้ยงโฉมงามของเธอไม่ออก

สาวน้อยได้ยินมากับหูว่ารุริโกะนัดชายหนุ่มออกไปเดินเล่นกันสองคน และสัญญาว่าจะให้คำตอบที่สำคัญคำนั้นแก่เขา แล้วทำไมรุริโกะจึงหยุดเธอเอาไว้ทั้ง ๆ ที่เธอคิดปลีกตัวเพื่อให้โอกาสคนทั้งสองเช่นนั้น...ทำไม

“คะ...” มินะโกะตอบด้วยเสียงอุทานที่ไม่บ่งบอกว่า เป็นคำถาม ตกใจ หรืออะไร

“นะคะหนู ห้องสมุดไว้ไปพรุ่งนี้ก็ได้ ค่ำนี้คุณแม่อยากชวนไปเดินเล่นที่สวนโกระ หนูว่าดีไหมคะ”

รุริโกะชวนลูกเลี้ยงสาวน้อยของเธออย่างจริงจังกว่าเคย

“แต่...”

มินะโกะลังเลแต่อดชำเลืองดูหน้าชายหนุ่มไม่ได้ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หวายที่มุมห้อง ใบหน้าขาวนวลคมคายของเขาแดงจัดด้วยความโกรธ ดวงตางามที่จับจ้องมายังรุริโกะดูมีแววชิงชังที่เจ้าตัวเก็บไว้ไม่มิด สาวน้อยทุกข์ระทมใจจนไม่อาจทนมองอยู่ต่อไป

มินะโกะไม่อาจรับคำชวนของแม่เลี้ยงได้เต็มปากด้วยความเห็นใจชายหนุ่มที่คงตกใจและหวั่นไหวกับคำชวนนั้นเหลือจะกล่าว

“ไปกันดีกว่า ห้องสมุดใช่จะมีแต่คืนนี้คนเดียวเสียเมื่อไร ไปด้วยกันเถิดนะมินะโกะ คุณแม่ขอร้อง”

รุริโกะพูดอย่างไม่ให้คนฟังขัดได้ แต่อันที่จริงมินะโกะก็ไม่ได้มีข้ออ้างสำคัญอะไรพอที่จะใช้ปฏิเสธคำชวน เพียงแต่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของแม่เลี้ยงเท่านั้นที่ทำไมจึงตั้งหน้าตั้งตาชวนเธอขนาดนั้น

“จริงไหมคุณอะโอะกิ ไปแค่สองคนจะไปได้เรื่องอะไร เหงาแย่แน่ ๆ ต้องไปด้วยกันหมดทั้งสามคนถึงจะสนุก”

รุริโกะหันไปขอคำสนับสนุนจากชายหนุ่ม กิริยาของแม่เลี้ยงทำให้มินะโกะซึ่งรู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดีถึงกับตัวเย็นเยียบด้วยความกลัว กลัวว่าชายหนุ่มที่เห็นได้ชัดกำลังกล้ำกลืนความไม่พอใจอย่างยิ่งยวดจะทำอะไรที่ร้ายกาจเป็นการตอบโต้

มินะโกะใจเต้นระทึกด้วยไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะจับความหมายในคำพูดของรุริโกะว่าอย่างไร แต่ชายหนุ่มไม่ได้แสดงความโกรธเกรี้ยวอะไรออกมาอย่างที่สาวน้อยหวาดกังวล ดูเหมือนว่าเขาไม่อาจพูดอะไรแรง ๆ หรือแสดงกิริยาขัดขืนต่อหน้ามินะโกะ

“ผม...ผม...วันนี้ผมไม่อยากเดินเล่น ขอตัวครับ...ขอตัว”

ชายหนุ่มขัดขืนอย่างสุดความสามารถได้เพียงแค่นั้น เสียงของเขาสั่นไหวด้วยความรู้สึกรุนแรงภายใน ใบหน้าขาวนวลของเขาซีดเผือด

“ทำไมคะ” รุริโกะคาดคั้นเอาตรง ๆ “ทำไมถึงไม่ไป ก็เมื่อตะกี้ตอนทานข้าว คุณเองไม่ใช่หรือที่ชวนว่าคืนนี้เดินไปถึงโคระกันดีกว่า แล้วอยู่ ๆ ก็มาบอกว่าไม่ไป อย่างนี้เหมือนกับตั้งใจทำให้เราเสียความรู้สึกกันนะคะ”

ริมฝีปากของชายหนุ่มไหวสะท้านด้วยไม่อาจต่อปากต่อคำได้ดั่งใจต่อหน้ามินะโกะ จะให้เขาเถียงออกไปได้อย่างไรว่า “คุณต่างหากที่ผิดสัญญา ทำไมถึงต้องพามินะโกะไปด้วย” ทั้งที่มันเดือดพล่านอยู่ในใจจนขึ้นมาจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก

มินะโกะสังเกตเห็นมาแต่ต้นแล้วว่ามือทั้งคู่ของชายหนุ่มที่วางอยู่บนท้าวแขนเก้าอี้นั้นสั่นระริก สาวน้อยเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มชัดเจนราวกับสัมผัสได้ด้วยมือตนเองว่า เขาชอกช้ำกับคำพูดอันย้อนแย้งเชิงประชดของ รุริโกะเพียงไร สาวน้อยอยากช่วยเขาขึ้นมาจากภาวะวิกฤติอีกครั้งจึงเอ่ยขึ้นว่า

“ดิฉันต้องไปห้องสมุดจริง ๆ ค่ะ เพราะวันนี้อ่านพบเรื่องของด่านตรวจคนผ่านทางแล้ว อยากรู้ประวัติศาสตร์ของที่นั่นขึ้นมาทันทีเลยค่ะ”
สวนโกระเมื่อดอกอาซาเลียบานเต็มที่
8

“ประวัติศาสตร์ด่านตรวจคนผ่านทางของฮะโกะเนะนี่นะหรือคะ ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้ในคืนนี้สักหน่อย”

รุริโกะพูดคล้ายรำคาญเมื่อได้ยินมินะโกะยืนกรานอีกที่จะไปห้องสมุดให้ได้

“ทำไมมินะโกะถึงอยากไปกับคุณแม่ คุณอะโอะกิก็อีกคน คืนนี้ทำไมทุกคนถึงได้เป็นอะไรกันไปหมด”

รุริโกะพูดเหมือนไม่ได้ล่วงรู้สักนิดว่าชายหนุ่มกำลังโกรธจัดราวกับกองเพลิงที่กำลังถูกลมโหมกระพือรุนแรง และดวงใจของมินะโกะกำลังรวดร้าวทรมาน

“มินะโกะไปด้วยกันนะคะ ดูซิ...พอหนูบอกจะไปเท่านั้นละ คุณอะโอะกิก็เลยพลอยทำท่าจะไม่ไปด้วย ใช่ไหมคะคุณ”

รุริโกะใช้วาจาที่ฟังดูเสียดแสงย้อนยอกราวนางเสือดาวหยอกกระต่ายอ่อนแอที่ตกเป็นเหยื่อ มินะโกะทนมองหน้าของชายหนุ่มต่อไปไม่ไหว แต่จะให้หันหลังให้อย่างไม่ใยดีก็ทำไม่ได้ เพราะสงสารจับใจเมื่อคิดว่าชายหนุ่มจะต้องโกรธเพียงใด และต้องทุกข์ทรมานแค่ไหนที่ไม่อาจระเบิดความเกรี้ยวกราดออกมาต่อหน้าเธอ

ดูเหมือนความโกรธของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในสายตาของรุริโกะแม้แต่น้อย แต่หลังจากเงียบไปนิดหนึ่งเธอก็พูดคล้ายเอาใจชายหนุ่มว่า

“ไปเถอะ เราไปทั้งสามคนนี่แหละ นะคุณอะโอะกิ ทำไมวันนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนมีปัญหาอย่างนี้เล่าคะ”

หลังจากเชิญชวนอย่างร่าเริง รุริโกะกล่าวเสริมอย่างมีความหมาย

“สองสามวันนี้ที่ดิฉันเงียบไปก็เพราะอารมณ์ไม่แจ่มใสเอาเลย มีเรื่องอะไร ๆ ต้องคิดหลายอย่าง วันนี้ก็เลยอยากออกไปเดินเล่นผ่อนให้จิตใจเบิกบานขึ้นบ้าง แล้วกลับมาคิดอะไรให้ดี ๆ อีกครั้ง”

คำพูดนั้นฟังดูเหมือนคำแก้ตัวต่อชายหนุ่ม แฝงความหมายเป็นนัยว่ายังคิดหาข้อสรุปได้ไม่ดีพอ จึงขอให้รอคำตอบที่บอกว่าจะให้ในคืนนี้ไปก่อน...

ฟังแล้วดูเหมือนว่าความโกรธขึ้งของชายหนุ่มจะเบาบางลง เพราะเห็นเข้าลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แม้จะด้วยท่าทีที่ไม่สู้เต็มใจนัก มินะโกะโล่งใจเมื่อรู้ว่าที่แม่เลี้ยงโฉมงามของเธอนิ่งเงียบไม่พูดจาพาทีกับใครไปสองสามวันนั้น ที่แท้ก็เพื่อคิดไตร่ตรองคำขอของชายหนุ่มอย่างจริงจังนั่นเอง ชายหนุ่มเองแม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากคล้อยตามคำของรุริโกะ สุดท้ายก็เป็นอันว่าสัญญาในค่ำคืนนี้ถูกยืดเวลาออกไป

บรรยากาศในห้องพักคลี่คลายลง คำพูดของปม่เลี้ยงทำให้มินะโกะได้คิด ว่าการออกไปเดินเล่นกันคนทั้งสองนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการกีดขวางความรักของชายหนุ่มไปเสียทุกกรณี เธอจึงมีใจที่จะออกไปเดินเล่นด้วย

ทั้งสามพิถีพิถันกับการแต่งกายเป็นพิเศษกว่าเคย

“เราไปรถไฟทั้งขาไปและขากลับดีกว่านะคะ เพราะถ้าเดินคงจะเหนื่อยกันแย่”

รุริโกะบอกเมื่อเดินออกจากห้องพักเป็นคนแรก ชายหนุ่มกับมินะโกะเดินตามไปโดยไม่มีใครออกความเห็น

ขณะเดียวกับที่ทั้งสามเดินออกมาที่ห้องโถงทางเข้าโรงแรม พนักงานหนุ่มของโรงแรมก็เดินนำออกมาส่งที่บรรไดด้านหน้านั้นเอง รถยนต์คันหนึ่งเปิดไฟหน้าสว่างจ้าพุ่งฝ่าความมืดสลัวของค่ำคืนฤดูร้อนด้วยความเร็วเต็มพิกัด เข้ามาจอดที่หน้าตึกใหญ่ของโรงแรม

มินะโกะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก คิดว่าคงเป็นแขกชาวต่างชาติที่ขึ้นมาจากโทโนะซะวะหรือไม่ก็ยุโมะโตะ แต่รุริโกะที่เดินมาด้วยกัน หยุดชะงักทันทีที่เห็นคนที่ก้าวลงมาจากรถยนต์คันนั้น แม่เลี้ยงโฉมงามที่ตามปกติจะเย็นชาและวางทรงอยู่เสมอ ณ วินาทีนี้ดูเจ้าหล่อนมีท่าทางลังเลจนเห็นได้ชัด แม้แสงไฟตรงนั้นจะไม่สว่างนักแต่มินะโกะก็สังเกตเห็นแววตางามมีประกายประหลาดน่าฉงนยิ่ง

มินะโกะมองบุรุษที่ลงมาจากรถยนต์ด้วยความประหลาดใจ คนที่ทำให้แม่เลี้ยงแสนดีของเธอตกใจจนชะงักงันคนนี้คือใครกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น