xs
xsm
sm
md
lg

คุณนายไข่มุก ตอนที่ 24 ค่ำคืนแห่งคำสัญญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"

1

“ผมไม่พอใจกับคำตอบเช่นนั้นของคุณนายอีกต่อไปแล้วขอรับ”

หนุ่มรูปงามเน้นเสียงคล้ายประชด

“คำตอบที่แสนจะจืดชืดไร้ความรู้สึกอย่างนั้นผมไม่อยากฟังอีกแล้ว คุณนายขอให้ผมรอคำตอบจนกว่าคุณหนูมินะโกะจะออกเรือน แต่ผมไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกัน ถ้าคุณนายมีใจกับผมมันก็ไม่เกี่ยวกับว่าคุณหนูมินะโกะจะออกเรือนไปหรือไม่ คุณนายเพียงแต่ให้สัญญากับผมแล้วขอให้ผมรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ผมก็จะเฝ้ารอ ไม่ว่าจะห้าปี สิบปี ยี่สิบปี หรือแม้ว่าตลอดชีวิตผมก็จะตั้งใจรอ แต่นี่คุณนายพูดอยู่คำเดียวเท่านั้นว่าให้รอคำตอบ การให้คำตอบนั้นเป็นเรื่องที่คุณนายต้องตกลงใจเอง ไม่เกี่ยวกับคุณหนูมินะโกะหรือใคร ๆ ทั้งนั้น ถ้าคุณนายให้สัญญารักกับผม ผมก็ยินดีที่จะคอยไม่ว่านานเท่าไร ห้าปีหรือเจ็ดปีก็จะตั้งตาคอย”

ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงที่ถูกกดต่ำลงไปทุกที แต่ความเร่าร้อนที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นยิ่งสูงขึ้น บรรยากาศสงบเงียบรอบข้างยิ่งเป็นใจให้เสียงนั้นมีพลังจับใจผู้ที่นิ่งฟังอยู่ยิ่งนัก ทุกครั้งที่ถูกชายหนุ่มออกปากเอ่ยชื่อ มินะโกะจะกลั้นลมหายใจขณะฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ

เมื่อแม่เลี้ยงโฉมงามไม่ตอบ ชายหนุ่มจึงพูดต่อไป

“คุณนายบอกแต่ว่าให้ผมคอยฟัง คอยฟังคำตอบ มันก็ได้หรอกครับ ถ้าคุณนายทำให้ผมมั่นใจว่าจะได้รับคำตอบที่ดี และผมก็จะรอไปห้าปีเจ็ดปี แต่ถ้ารอไปห้าปีเจ็ดปีแล้วได้คำตอบที่เลวร้าย ลองคิดดูซีครับว่าผมจะเป็นอย่างไร มันเท่ากับคุณนายหยิบฉวยเอาความรู้สึกดี ๆ ในวัยหนุ่มของผมไปเล่นเหมือนของเล่นสนุก ๆ และพอมันหักพังก็ขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดี อย่างนั้นใช่ไหมครับ เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เท่ากับว่าคุณนายใช้โอกาสที่ผมยังลังเลกับชีวิตหาที่ลงไม่ได้ อ่อยเหยื่อล่อให้ผมงมงาย แล้วชักเชิดผมเล่นเป็นเรื่องสนุกเสมอมาใช่ไหม เมื่อมองการกระทำของคุณนายแล้วผมไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากที่บอก”

“ตายจริง ดิฉันเป็นคนเลวถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ ดิฉันเปิดใจรับคุณเต็มที่อยู่แล้ว แต่เมื่อพูดถึงการแต่งงานแล้วดิฉันคงต้องคิดมากอยู่ เพราะคุณก็รู้ว่าดิฉันผ่านชีวิตการแต่งงานที่เลวร้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง และคิดว่าถ้าแต่งงานก็เหมือนพาตัวเองไปยืนอยู่ที่หน้าผาจะพลัดตกลงไปเมื่อไรไม่รู้ได้ จึงต้องชะงักเท้าเอาไว้ก่อน แน่นอนค่ะว่าถ้าหนู มินะโกะแต่งงานไปความรับผิดชอบของดิฉันก็จะสิ้นสุดลง ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าเมื่อถึงตอนนั้น ดิฉันจะคิดอยากแต่งงานจริง ๆ หรือไม่”

แม่เลี้ยงโฉมงามเผยความรู้สึกจากใจจริงส่วนหนึ่งออกมาเป็นครั้งแรก

“แต่นั่นคือความคิดเกี่ยวกับการแต่งงานของคุณนาย แต่ที่ผมอยากรู้คือแนวคิดของคุณนายที่มีต่อผม ปัญหาสำคัญอยู่ที่คุณจะแต่งงานกับผมไหม ไม่ได้อยู่ที่คุณนายจะแต่งงานหรือไม่ ผมเปลี่ยนคำพูดก็ได้ คืออยากถามว่าคุณนายรักผมพอที่จะแต่งงานกับผมหรือไม่”

ชายหนุ่มเน้นคำพูดทุกถ้อยคำอย่างเอาจริงเอาจังมาก

“คือถ้าคุณนายคิดจะไม่แต่งงานอีกเลยในอนาคตผมก็จะไม่เซ้าซี้กวนใจ ผมอยากถามว่าคุณนายคิดจะแต่งงาน คุณนายจะมองข้ามชายอื่นมาแต่งกับผมไหม ผมไม่แคร็เลยว่าจะเมื่อไร จากนี้ไปอีกห้าปี สิบปี ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่อยากถามว่าเมื่อคุณนายตัดสินใจแต่งงาน คุณนายจะเลือกผมเป็นสามีหรือไม่”

กระแสเสียงที่ต่ำลึกนั้นแฝงความรักร้อนแรงที่เปล่งประกายราวดอกไม้ไฟพุพลุ่ง อกใจของมินะโกะสั่นไหวขณะรอคำตอบจากแม่เลี้ยงโฉมงาม

รุริโกะไม่ตอบ ราตรีล่วงเลยไปจนเกือบสี่ทุุ่ม ดวงจันทร์ข้างแรมอ่อน ๆ ทอแสงสีเงินยวงจับแนวเขาของฮาโกเน่ราวภาพในความฝัน

2

“ผมคิดว่าคำถามของผมไม่ใช่คำถามที่คุณนายตอบไม่ได้ คุณนายแค่ตอบรับหรือปฏิเสธเท่านั้นก็พอ คุณนายแค่ยืนยันความรู้สึกแท้จริงที่แฝงอยู่เบื้องหลังการใบหน้าแสดงความรักและชอบพอผมในลักษณะต่าง ๆ เท่านั้นก็พอ ผมไม่ได้ถามหัวใจของคุณนายในอนาคต แต่ถามหัวใจของคุณนายในปัจจุบัน ซึ่งผมคิดว่าคุณนายจะตอบว่าไม่รู้ใจตนเองคงไม่ได้ ผมขอให้คุณนายตอบตามความรู้สึกที่ชัดเจนอยู่ในหัวใจของคุณนายตอนนี้ว่า หากคุณนายจะแต่งงานคุณนายจะเลือกผมเป็นสามีหรือไม่”

คำถามของชายหนุ่มตรงไปตรงมาชัดเจนมากจนรุริโกะผู้มีปัญญาไวในการรับมือกับสถานการณ์ทำนองนี้ ดูเหมือนจะจนถ้อยคำไปอึดใจหนึ่ง

“ดิฉันรักคุณนะคะ อะไรที่ฉันพูดเอาไว้ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ที่ว่ารักนั้นไม่ได้หมายความว่าดิฉันอยากแต่งงานกับคุณ แต่ถ้าคุณบอกว่าปรารถนาที่จะแต่งงานกับดิฉันจริง ๆ ดิฉันก็จะลองคิดดูเป็นอีกประเด็นหนึ่ง”

เมื่อได้ฟังคำพูดที่ไร้ความรู้สึกสนองตอบความรักร้อนแรงของตน ชายหนุ่มก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีก

“จะลองคิดดู...เลิกตอบอย่างนี้เสียที ผมเบื่อเต็มทีกับคำตอบเบี่ยงบ่ายของคุณนายที่ว่า จะลองคิดดู...เข้าใจแล้ว... บอกตรง ๆ ว่าเอียนเต็มทีแล้วขอรับ ผมต้องการคำตอบที่เด็ดขาด จะไม่ก็บอกว่าไม่ให้มันชัดเจนลงไป ผมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน ผมจะต่อสู้กับความเจ็บปวดเพราะอกหักอย่างลูกผู้ชาย และตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่มาเซ้าซี้ตอแยให้คุณนายรำคาญใจ สำหรับผม...ไม่ เป็นไม่...ผมไม่อยากทุกข์ทรมานอยู่อย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปจนไม่รู้ว่าจะถึงที่สิ้นสุดเมื่อไรอย่างนี้ ผมอยากได้หัวใจของคุณนายมาครอบครองทั้งดวง แต่ถ้าไม่ได้ผมก็ยอมสูญเสียความหวังทั้งหมด ความรักของผมเหมือนจอมเผด็จการที่หวังครองทุกสิ่งทุกอย่างของคู่ต่อสู้ ผมหวังครอบครองพื้นที่หัวใจทั้งหมดของคุณนายครับ”

ชายหนุ่มพูดเสียงกร้าวด้วยความพยายามที่จะให้ฟังดูสมชาย แต่หางเสียงที่สั่นพริ้วสะท้อนให้เห็นความอ่อนไหวที่เขามีต่อคุณนายรุริโกะอย่างชัดเจน

“ที่คุณนายว่าจะลองคิดดูน่ะ มันต้องใช้เวลานานเท่าไรกัน ตั้งใจจะคิดถึงห้าหกปีเลยรึขอรับ”

ชายหนุ่มพูดเชิงประชด”

“ไม่ค่ะ ถึงมะรืนนี้”

คำตอบของรุริโกะมีกระแสเสียงเชิงหยอกเล่นเบา ๆ เพื่อผลักคู่สนทนาที่กำลังจู่โจมเข้ามาให้ผละห่างออกไป

ชายหนุ่มคงจะหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจกับคำตอบที่เหมือนกับขอไปทีของแม่ม่ายสาว แต่ฟังเนื้อหาของคำตอบดูจะหวังอะไรได้ลาง ๆ จึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“มะรืนนี้ ให้ผมรอคำตอบจนถึงวันมะรืนนี้หรือครับ”

“ดิฉันไม่พูดปดหรอกค่ะ”

รุริโกะตอบเสียงใส

“ผมจะได้ฟังคำตอบวันมะรืนนี้ กี่โมง”

ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่าอารมณ์ดีขึ้นมาก

“คืนวันมะรืนนี้ค่ะ”

คำตอบของคุณนายฟังดูจริงจังแต่ไม่รู้ว่าใจจริงเป็นเช่นใด

“คืนวันมะรืนนี้คุณนายออกมาเดินเล่นกับผมตามลำพังสองคนจะได้ไหม คุณนายชวนคุณหนูมินะโกะทุกที ถึงเธอไม่อยากไปก็เคี่ยวเข็ญให้ไปจนได้ แม้จนเวลาที่ผมอยากอยู่กับคุณนายสองต่อสองใจจะขาด คุณนายก็ต้องพาคุณหนูติดมาด้วยทุกครั้งไป”
รถไฟสายฮาโกเน่
คำพูดของชายหนึ่งเชือดเฉือนใจสาวน้อยจนเจ็บปวด น้ำตาร่วงพรูลงอาบแก้ม

3

เมื่อฟังคำที่ชายหนุ่มต่อว่าแม่เลี้ยงโฉมงามเป็นเชิงโกรธเคืองที่พาตนไปเป็นตัวแทรกส่วนเกินด้วยทุกครั้ง ยังไม่ทันจบดีน้ำตาของมินะโกะก็พรั่งพรูลงมาอาบแก้มอย่างสุดที่จะอดกลั้น น้ำตาแห่งความเจ็บใจ ความโกรธ และความสิ้นหวังพรั่งพรูลงมาไม่ขาดสาย เพียงแค่ถูกชายหนุ่มที่ตนแอบมีใจด้วยกล่าวหาว่าเป็นดั่งตัวแทรกส่วนเกินเท่านั้น ก็เพียงพอที่จะทำความเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัสราวกับหัวใจถูกเหยียบขยี้รุนแรง

มินะโกะอดรนทนต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว ใจของสาวน้อยปั่นป่วนราวกับเป็นบ้า มันทำให้เธอบ้าบิ่นพอที่จะหนีออกไปให้พ้นจากตรงนั้น โดยไม่หวั่นว่าแม่เลี้ยงโฉมงามกับคู่สนทนาของเธอจะเห็นหรือไม่เห็น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอไม่อาจนั่งนิ่งอยู่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

ถึงจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแต่มินะโกะก็ลุกขึ้นจากที่นั่งโดยพยายามให้เงียบกริบที่สุด แต่พอลุกขึ้นยืนสาวน้อยเพิ่งรู้สึกว่าขาทั้งสองไร้เรี่ยวแรง และพอก้าวเดินก็รู้สึกเหมือนเลือดทั่วตัวเริ่มไหลทวนกระแส ตัวสั่นสะท้านจนต้องพยายามขืนตัวไว้ไม่ให้ล้มลงไป สาวน้อยรวบรวมกำลังทั้งหมดอีกครั้งส่งลงไปที่ขาทั้งสอง พยุงตัวเดินลงไปที่สนามหญ้าห่างออกไปจากเก้าอี้ได้ไม่เท่าไร ก้มตัวลงเดินคล้ายคลานไปที่หมู่ไม้ พอถึงก็ยืดตัวขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าเกือบเป็นวิ่งอ้อมผ่านบริเวณที่แม่เลี้ยงกับคู่สนทนานั่งอยู่ไปทางตัวอาคารของโรงแรม มินะโกะวิ่งหนีด้วยฝีเท้าของกวางสาว ราวกับหนีจากฝันร้าย ราวกับหนีจากความอาย ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

วิ่งผ่านสวน วิ่งขึ้นบันได วิ่งผ่านระเบียงทางเดิน ตรงไปที่ห้องพัก เปิดประตูห้องส่วนตัว แล้วโถมลงไปบนเตียงน้อย ฟุบหน้าร่ำไห้ออกมาอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร

น้ำตาพรั่งพรูราวกับไม่มีวันจะขาดสาย และไม่ว่าจะร่ำไห้เพียงไรความเศร้าของสาวน้อยก็ไม่มีวี่แววว่าจะบรรเทาเบาบางลง
มินะโกะสูญเสียหมดสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างในหัวใจถูกช่วงชิงไปจนไม่เหลืออะไรเลย ทั้งคนรักที่กำลังจะได้มาและแม่เลี้ยงแสนดีที่มีอยู่ แม่เลี้ยงผู้เป็นคนเดียวที่ให้ความรักอย่างจริงใจแก่เธอมาตลอด มินะโกะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

หัวใจของมินะโกะที่เปี่ยมสุขสดใสไปด้วย แสงสว่าง ความรัก และความงามราวสวนบุปผชาติยามฤดูใบไม้ผลิ ถูกพายุโหมกระหน่ำทำลายจนรกร้างสิ้นซาก ไม่มีอะไรเหลือนอกจากความมืดมิดและความเศร้าอาดูร

เศร้าเหลือเกินที่ถูกคนที่ตนรักกล่าวหาว่าเป็นตัวแทรกส่วนเกิน แต่ที่เศร้าที่สุดก็คือการที่แม่เลี้ยงผู้รักและมีน้ำใจใสสะอาดต่อเธอ ทำตัวตกต่ำราวหญิงแพศยาที่ร่ายจริตปั่นหัวชายให้หลงรักด้วยคำอสัตย์ ความรู้สึกของมินะโกะขณะนี้เหมือนกับเด็กหญิงในเรื่องผีโบราณที่วันหนึ่งลืมตาขึ้นมากลางดึกแล้วพบว่าแม่ที่ตนรักและเป็นที่พึ่งคนเดียวของตนเป็นนางปีศาจ

เมื่อหวนคิดถึงความรักจากใจจริงที่ได้รับจากแม่เลี้ยงโฉมงามเสมอมา มินะโกะไม่อาจโกรธเกลียดได้นอกจากรู้สึกอับอายขายหน้าต่อการกระทำราวหญิงแพศยาของนางอย่างบอกไม่ถูก

สาวน้อยหนีพ้นมาจากแม่เลี้ยงกับชายหนุ่มมาได้ก็จริง แต่จะหนีพ้นก็หาไม่ เหมือนเดินหลงป่าไปเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดดุร้ายแล้ววิ่งหนีสุดชีวิตเข้าไปในถ้ำที่อาศัยของสัตว์ร้ายนั้น คืนนี้มินะโกะหนีจากแม่เลี้ยงกับชายหนุ่มมาได้ แต่อีกไม่นานทั้งสองก็จะกลับมาและเธอก็ต้องอยู่กับพวกเขาในห้องชุดเดียวกันนี้ต่อไป

เมื่อคิดขึ้นมาถึงตรงนี้ มินะโกะอยากหนีออกไปให้พ้นจากที่นี่ หนีออกไปให้ไกลพ้นผู้คน เข้าไปในป่าแล้วร้องไห้ระบายความเศร้าให้หมดสิ้นไม่ว่าจะต้องใช้เวลาเพียงใด แต่ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่อยากเห็นหน้าสองคนนั่น ไม่อยากเห็นแม่เลี้นงกับชายหนุ่มเดินเคียงกันเข้ามา และในเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอเป็นตัวแทรกส่วนเกิน มินะโกะก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป

ทว่าถ้าออกไปจากที่นี่ ออกไปให้พ้นอกแม่เลี้ยงผู้เป็นคนเดียวที่รักและหวังดีต่อเธอแล้วจะไปไหนได้ ไม่มีเวลาใดที่มินะโกะจะคิดถึงแม่กับพ่อผู้ล่วงลับเท่าเวลานี้อีกแล้ว

4

ภาพของพ่อกับแม่ที่ปรากฏขึ้นมาในความทรงจำทำให้ใจของสาวน้อยปิดสนิทตกอยู่ในความถวิลหาอย่างรุนแรง

ในโลกอันกว้างขวางนี้นอกจากพ่อกับแม่ที่ตายไปแล้ว มินะโกะก็ไม่มีใครสักคนที่จะมาปลอบโยนเมื่อมีความทุกข์หรือความเศร้าเช่นยามนี้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้มินะโกะรู้สึกเหมือนพ่อผู้ล่วงลับกางแขนแข็งแรงทั้งคู่รอให้เธอโผเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น มือทั้งสองนั้นอาจเคยก่อกรรมทำเข็ญกับใครมามาก แต่สำหรับสาวน้อยผู้นี้เป็นสองแขนที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาปรานีอย่างไม่มีขอบเขตสิ้นสุด มินะโกะคิดถึงอ้อมกอดที่แข็งแรงและอบอุ่นของพ่อเหลือเกิน
สถานีรถไฟโอะดะวะระ
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ มินะโกะทนไม่ได้ที่จะนั่งอยู่ในห้องนี้รอการกลับของแม่เลี้ยงกับชายหนุ่มที่เดินตีหน้าเฉยกลับเข้ามาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สาวน้อยอยากหนีไปที่ไหนก็ได้ ภูเขาหรือทะเลก็ได้ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีแม่เลี้ยงกับชายหนุ่ม

มินะโกะเงยหน้าขึ้นจากเตียงที่ลงไปซบร้องได้อยู่แล้วเดินโผเผออกมาจากเตียง ถอดกิโมโนชุดลำลองออกเปลี่ยนเป็นชุดออกจากบ้านแล้วฉวยกระเป๋าถือขึ้นมา ใจเต้นราวบ้าคลั่ง ไม่มีอะไรต้องคิดอีกแล้ว นอกจากยืดอกขึ้นแล้วทำตามที่ใจคิด

โชคดีที่แม่เลี้ยงกับชายหนุ่มยังไม่กลับมาระหว่างที่มินะโกะเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่กำลังจะวิ่งออกจากห้องนั้นเอง อยู่ ๆ สาวน้อยก็นึกถึงพี่ชายคนเดียวของเธอขึ้นมา พี่ชายผู้ด้อยปัญญาถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านตากอากาศที่ ฮะยะมะในสภาพเช่นเดียวกับจำขัง พี่ชายอาจดูปัญญาอ่อนในสายตาของคนอื่นทั่ว ๆ ไป แต่ภายในความไม่เต็มเต็งนั้นมีความรักพี่น้องเหลืออยู่แน่นอน สาวน้อยจำได้ว่าพี่ชายยินดีเพียงใดเวลาที่เธอไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว แม้พี่ชายจะไม่เข้าใจความเจ็บใจและเศร้าใจของเธอในตอนนี้ แต่ความเป็นคนมีใจบริสุทธิ์ของเขาพี่ชายอาจช่วยปลอบโยนให้คลายทุกข์ลงไปได้บ้างแน่นอน และต้องดีใจที่เห็นหน้าเธอเช่นเคย

มินะโกะคิดถึงพี่ชายขึ้นมาจับใจ เกือบสี่ทุ่มแล้วแต่คิดว่ารถไฟไปยุโมะโตะยังคงมี สาวน้อยคิดเลยไปจนว่าถ้าไม่ทันรถไฟไปโยะโกะซุกะก็จะพักแรมอยู่ที่โคซึหรือไม่ก็ที่โอะดะวะระ

สาวน้อยค่อย ๆ แง้มประตูออกไปดูลาดเลาที่ระเบียงทางเดิน นอกจากคู่สามีภรรยาชาวตะวันตกเดินเคียงคู่กลับเข้าห้องพักของตนแล้วไม่มีใครอื่นอีก

มินะโกะรู้ดีว่าถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายแล้วเดินไปจนสุดระเบียงระเบียงก็จะลงไปที่ลานกว้างของโรงแรมได้โดยไม่ต้องผ่านห้องโถงรับรองแขก

สาวน้อยวิ่งไปตามระเบียงทางเดิน วิ่งลงบันไดลงไปจนถึงประตูที่อยู่สุดบันได ตั้งท่าจะเปิดออกแล้ววิ่งเต็มที่

แต่ทันทีที่สาวน้อยผลักเปิดประตูออกไปก็มีเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากภายนอก

ดูเหมือนว่าคนด้านนอกพยายามดึงเปิดออกไปภายนอก ซึ่งพอประตูถูกมินะโกะผลักผลั๊วะออกไปคนที่อยู่ด้านนอกก็เลยเสียหลัก

มินะโกะต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แม่เลี้ยงโฉมงามของเธอนั่นเองและคนที่ยืนติดชิดอยู่ข้างหลังก็คือชายหนุ่มผู้นั้น

“อ้าวหนูมินะโกะ”

แม่เลี้ยงดูจะประหลาดใจและมีท่าทีลังเลอย่างไรอยู่ ส่วนมินะโกะยืนนิ่งขึงเหมือนเลือดในตัวกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว

“ดึกแล้ว ทำไมมาอยู่แถวนี้คะ”

หน้าของแม่เลี้ยงโฉมงามถอดสี ราวกับเป็นคนละคนกับคุณนายที่ควบคุมความเย็นชาเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดการสนทนา

เมื่อมินะโกะเงียบแม่เลี้ยงก็ยิ่งกังวล

“หนูเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ ดึกป่านนี้แล้วทำไมถึงเปลี่ยนชุดกิโมโน ถือกระเป๋าทำอย่างกับว่าจะไปไหนอย่างนั้น”


กำลังโหลดความคิดเห็น