xs
xsm
sm
md
lg

คุณนายไข่มุก ตอนที่ 23 ความลับยามราตรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน...?"

มินะโกะรู้สึกเหมือนกำลังจับไข้ พูดออกมาอย่างลืมตัวว่า
“แต่งงานหรือคะ แต่งงานกับผู้หญิงอย่างดิฉัน กับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง น่ะหรือคะ”
เสียงของมินะโกะสั่นไหวด้วยความเขินอาย แล้วก็พลอยสั่นไปทั้งตัว

1

แต่ชายหนุ่มตอบคำด้วยอาการสงบ

“ทำไมพูดถ่อมตัวอย่างนั้นล่ะครับ ถ้าบอกว่ากุลสตรีอย่างคุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแต่งงานแล้วละก็ คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนที่จะมีคุณสมบัติพอ ผมคิดว่าไม่มีใคร...คือไม่มีใคร...”

ชายหนุ่มพูดค้างเอาไว้แล้วก็เงียบไป แต่ถ้าให้พูดออกมาก็คงเป็นคำสรรเสริญความเป็นกุลสตรีผู้เพียบพร้อมของมินะโกะแน่นอน มินะโกะนิ่งคอยฟังคำพูดประโยคต่อไปของชายหนุ่มด้วยใจร้อนรุ่มและแทบลืมหายใจ ใจเต้นโครมคราม ภาพฉากรักของสองหนุ่มสาวในภาพยนตร์ฉายวูบวาบอยู่ในสมองราวกับอาการเพ้อของคนไข้ขึ้นสูง

ทว่า ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ ใบหน้าคมสันขาวนวลฉายแววตื่นเต้นบ้างเหมือนกันแต่เห็นได้ชัดว่าไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสาวน้อย มินะโกะเงียบไปด้วยความผิดหวังนิด ๆ

บรรยากาศรอบ ๆ สองหนุ่มสาวตกอยู่ในความเงียบราวห้านาที

“เรากลับกันเสียทีดีไหมครับ ยิ่งมืดอากาศก็ยิ่งเย็นราวกับฤดูใบไม้ร่วง กิโมโนของคุณก็รู้สึกเหมือนกับจะชื้น”

ชายหนุ่มพูดพลางผละออกจากราวสะพานด้วยท่าทีที่ธรรมดามาก แต่ดูท่วงทีสง่างามและสงบนิ่ง มินะโกะปล่อยมือจากราวสะพานเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน รู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินที่ตนตื่นเต้นคิดเลยเถิดไปเองโดยอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรด้วย

ทั้งสองเดินมุ่งหน้ากลับโรงแรมไปได้ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
โรงแรมฟุจิยะที่ฮาโกเน่
“คุณรู้ไหมว่า คุณแม่คุณจะอยู่เป็นแม่ม่ายอย่างนี้ไปถึงเมื่อไร”

มันเป็นคำถามที่ถามขึ้นอย่างกระทันหันจนมินะโกะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร ขณะที่กำลังอ้ำอึ้งอยู่นั้นชายหนุ่มก็พูดต่อว่า

“คือผมได้ยินเขาโจษขานกันว่า คุณนายโชดะนั้นจริง ๆ แล้วยังเป็นสาวพรหมจรรย์ และคงจะแต่งงานใหม่อีกครั้งไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือถูกจับแต่งงานอีกครั้ง พี่ชายผมที่ตายไปดูเหมือนจะได้ยินจากปากของเธอเลยทีดียว แต่ก็ว่าเถอะ ที่เป็นเรื่องที่สังคมเราซุบซิบกันไปหลายต่อหลายทาง ก็เลยคิดกว่าถ้าถามคุณคงจะได้คำตอบที่ตรงกับความเป็นจริง”

“ดิฉันไม่รู้เรื่องราวของคุณแม่เลยค่ะ”

มินะโกะไม่มีคำตอบอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้

“มีคนบอกว่า ที่คุณนายไม่แต่งงานใหม่ก็เพราะต้องทำหน้าที่ดูแลลูกสาวของครอบครัวโชดะอย่างสมบูรณ์แบบในฐานะแม่เลี้ยง แต่ถ้าคุณหนูแต่งงานออกเรือนไป คุณนายเธอก็จะเป็นอิสระและแต่งงานได้ มีคนพูดอย่างนี้นะครับ”

ชายหนุ่มพูดถึงข่าวลือตามที่ได้ยินมาเพียงสั้น ๆ แต่มินะโกะรู้สึกสะเทือนใจเหมือนกำลังจะถูกผลักตกลงไปจากหน้าผาตรงนั้น เพราะชัดเจนแล้วว่าทำไมชายหนุ่มจึงได้ถามเธอเรื่องแต่งงาน

สำหรับชายหนุ่มผู้นี้การแต่งงานของเธอจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ เขาคิดแต่เพียงว่าผลของมันจะเอื้อให้คุณนาย โชดะแม่เลี้ยงของเธอมีอิสระ แต่งงานใหม่ได้เท่านั้น เขาเอ่ยเรื่องแต่งงานขึ้นมาก็ด้วยเหตุผลเช่นนั้นอย่างเดียวจริง ๆ อายเหลือเกินที่ตนเองอกใจเต้นระริก สั่นสะท้านไปทั้งตัวเยี่ยงสาวพหรมจรรย์ด้วยความเข้าใจผิด มินะโกะรู้สึกเหมือนชายหนุ่มที่เธอมีใจด้วยคนนี้ถูกหักหลังจนเจ็บปวดไปหมด

แสงจันทร์สว่างนวลดูเหมือนจะอับแสงลงทันที มินะโกะอยากจะผละจากเขาวิ่งหนีไปให้พ้นความอับอาย แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากทนเดินเคียงไปกับเขาไปอย่างนั้น

ความสุขที่ผ่านมาเพียงชั่ววูบกลับกลายเป็นดั่งฝันร้าย มินะโกะตั้งสติอยู่นานกว่าจะเอ่ยออกมาได้ว่า

“ดิฉันไม่รู้เรื่องราวของคุณแม่เลยค่ะ”

กระแสเสียงแผ่วเบา ๆ ของสาวน้อยมีกังวานของความชิงชังแฝงอยู่

2

การเดินเล่นกับชายหนุ่มจบลงเหมือนภาพลวงตาที่นำความขมขื่นสู่ใจของสาวน้อย สถานที่พำนักพักร้อนสุดหรูแห่งนี้กลายสภาพเป็นเหมือนสถานพยาบาลที่มีคนคอยบังคับให้เธอต้องกินยาขมขื่นคอทุกเมื่อเชื่อวัน

ดอกตูมของไม้งามที่กำลังผลิแย้ม ใช่ซิ...ดอกตูมที่แย้มกลีบด้วยวางใจในความอบอุ่นรอบข้างกลับถูกหักหลังด้วยความหนาวเย็นที่โหมกระหน่ำอย่างไม่คาดฝัน จิตใจอ่อนไหวของสาวน้อยเกิดแผลฉกรรจ์อันล้ำลึกขึ้นเสียแล้ว

ถึงกระนั้น ความเป็นคนอ่อนโยนทำให้มินะโกะไม่เอ่ยปากขอกลับโตเกียวคนเดียว เธอตกลงใจอยู่ต่อไป...ตกลงใจที่จะทนต่อสู้กับความขมขื่นใจต่อไป

ตั้งแต่รู้ซึ้งถึงจิตใจของชายหนุ่ม มินะโกะปลีกตัวไปหลบเหมือนซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องชุดที่พำนักกันอยู่สามคนนั้นเสมอ

ยามที่ชายหนุ่มกับแม่เลี้ยงโฉมงามของเธอนั่งสนทนากัน มินะโกะก็จะเลี่ยงออกไปจากวงสนทนาเงียบ ๆ... ไหน ๆ เขาก็ไม่เคยสนใจเรา จะมานั่งขัดขวางความรักของเขาอยู่ทำไม...ใจของสาวน้อยเศร้าระทม

ยิ่งเวลาผ่านไปมินะโกะก็ยิ่งเห็นดวงตาของชายหนุ่มที่จับจ้องไปที่แม่เลี้ยงโฉมงามของเธอเป็นประกายสุกใสขึ้นทุกวัน สาวน้อยเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของคุณนายสาวมีพลังควบคุมความรู้สึกของชายหนุ่มให้ไหวตามทุกบทตอน ชายหนุ่มหน้าเศร้าเมื่อถูกดุและเบิกบานเมื่อนางยิ้มให้

ยิ่งเห็นก็ยิ่งเข้าใจ มินะโกะเศร้า เหงา และขมขื่นทุกคืนวัน รักสามเส้าของชายหนึ่งหญิงสอง หรือหญิงหนึ่งสองชายเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นอยู่เสมอไม่รู้ว่ากี่ครั้งกี่หนในอดีตที่ผ่านมา แต่ความสัมพันธ์สามเส้าระหว่างชายหนุ่ม แม่เลี้ยงโฉมงาม และมินะโกะครั้งนี้ สาวน้อยจิตใจงามบริสุทธ์ผุดผ่องผู้นี้เป็นฝ่ายขมขื่นที่สุด
ห้องนอนในโรงแรมฟุจิยะที่ฮาโกเน่
“มินะโกะ หนูเป็นอะไรไปหรือคะ”

แม่เลี้ยงโฉมงามถามด้วยเสียงอ่อนโยนด้วยความกังวลเมื่อเห็นมินะโกะนั่งใจลอยพิงลูกกรงระเบียงอยู่เป็นนาน

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแม่”

มินะโกะยิ้มเศร้า ๆ แต่คุณนายรุริโกะผู้เฉียบคมก็ยังไม่ล่วงรู้เลยสักนิดว่าลูกเลี้ยงสาวน้อยของเธอกำลังทุกข์ระทมเพียงใด อย่าว่าแต่คุณนายโฉมงามเลย แม้ชายหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุเองก็ยังไม่ฉุกคิดเลยว่า ทำไมมินะโกะที่พูดจากับเขาอย่างสนิทสนมวันนั้นกลับมาเฉยเมยกับเขาอีกครั้ง...ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครคิดที่จะใส่ใจกับความรู้สึกของ มินะโกะเลยสักนิด

มินะโกะไม่สนุกกับการเดินเล่นยามเย็นอีกต่อไป คราใดที่คิดว่าถึงชายหนุ่มจะไม่มีทีท่ารังเกียจที่เธอออกไปเดินด้วยแต่เขาก็คงไม่เต็มใจแน่ที่มีคนเข้าไปแทรกกลาง ใจของสาวน้อยก็จะเจ็บแปลบขึ้นมาทุกครั้ง ฝ่ายแม่เลี้ยงโฉมงามของเธอนั้นก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งมินะโกะไว้คนเดียวเลยสักครั้ง

พอมินะโกะปฏิเสธว่าไม่ไปถึงสองครั้ง แม่เลี้ยงก็พูดอย่างโกรธ ๆ ว่า

“ถ้างั้นเรายกเลิกรายการเดินเล่นยามค่ำเสียเลยดีไหม”

พอเจอไม้นี้เข้ามินะโกะก็ต้องยอม

“แหม...คุณแม่พูดแบบนี้ ดิฉันก็ต้องยอมไปน่ะซีคะ”

สาวน้อยพูดอย่างร่าเริง ทั้ง ๆ ที่อกใจหนักอึ้งราวถูกถ่วงด้วยทุ่นตะกั่วขณะเดินตามหลังแม่เลี้ยงออกไปจากห้อง

จนกระทั่งคืนหนึ่งหลังจากที่มาพักร้อนที่ฮาโกเน่ได้ราวครึ่งเดือนพอดี ความอดทนของมินะโกะก็สิ้นสุดลง ไม่ว่า รุริโกะจะปลอบก็แล้วขู่ก็แล้วเพียงใดสาวน้อยก็ไม่ยอมกระดิกตัวตาม ยิ่งกว่านั้นชายหนุ่มที่เคยช่วยสำทับชักชวนเวลาที่เธอทำท่าเกเสมอมา เฉพาะค่ำนี้เขาไม่ได้ปริปากช่วยชวนสักคำเดียว

“คืนนี้ ดิฉันตั้งใจจะเขียนจดหมายถึงเพื่อนค่ะ”

มินะโกะคิดคำอ้างเอาไว้พร้อมแล้ว

“อะไรกัน จดหมายแค่นี้เอาไว้เขียนพรุ่งนี้ก็ได้นี่นา ไปด้วยกันเถอะหนู เดินเล่นสองคนไม่สนุกหรอก จริงไหมคะคุณอะโอะกิ”

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก และพอเห็นเช่นนั้นมินะโกะก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่า...ไม่ไป

3

“แต่ วันนี้ดิฉันต้องขอตัว อยากอยู่เขียนจดหมายคนเดียวเงียบ ๆ ค่ะ”

รุริโกะเห็นมินะโกะยืนกรานเด็ดขาดขนาดนั้นก็เลยไม่อยากเซ้าซี้ หันไปชวนชายหนุ่มว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจมินะโกะ เราไปกันสองคนก็แล้วกันนะคะ”

พอได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็หน้าบานขึ้นทันที แล้วมีหรือว่าจะรอดสายตาของมินะโกะไปได้ แผลใจระบมแปลบปลาบขึ้นมาอย่างสุดหักห้าม

“ถ้างั้นคุณแม่ไปก่อนนะคะมินะโกะ ไม่เหงาแน่นะ”

แม่เลี้ยงโฉมงามพูดด้วยความรักใคร่ใยดีเช่นเคย

“ค่ะ ดิฉันอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องห่วง”

มินะโกะตอบอย่างแข็งขัน ใจของสาวน้อยชั่งไม่ตรงกับปากเอาเสียเลย ความเหงาเศร้าและเดียวดายแผ่ปีกดำทะมึน...กว้างและกว้างครอบคลุมกัวอกหัวใจสาวน้อยจนมืดมิด

พอร่างของแม่เลี้ยงกับชายหนุ่มลับตาไปจากมุมสุดของระเบียงทางเดิน มินะโกะที่ออกไปยืนส่งอยู่ที่หน้าประตูก็วิ่งกลับเข้าห้องส่วนตัว โผไปทรุดลงนั่งกับพื้นตรงหน้าเก้าอี้นวมตัวโปรดแล้วซบหน้าลงไปกับเบาะนั่งที่นุ่มนิ่มอยู่เป็นนาน น้ำตาอุ่น ๆ ไหลพรากไม่ขาดสาย...ในโลกนี้คงไม่มีใครไร้ค่าน่าเวทนาเช่นมินะโกะอีกแล้วเป็นแน่ ใจทำไมถึงได้โหวงเหวงเปลี่ยวเปล่าอย่างนี้...ใจของคนที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครให้ความสำคัญ มันอ้างว้างเช่นนี้ทีเดียวหรือ

หรือว่าจะเขียนจดหมายถึงเพื่อนจริง ๆ จดหมายคงจะพอช่วยคลายอารมณ์ได้บ้างละมัง คิดได้ดังนั้นสาวน้อยจึงค่อย ๆ ลุกไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ แต่ก็ทำได้แค่จรดปลายปากกาลงบนแผนกระดาษ คิดเท่าไรก็สรุปข้อความให้เขียนออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้แม้แต่บันทัดเดียว

ก็จะเขียนได้อย่างไร เพราะใจไม่อาจละแม้วินาทีเดียวจากภาพแม่เลี้ยงโฉมงามกับชายหนุ่มเดินเคียงคู่กันไปอย่างสนิทสนมบนเส้นทางเดินเล่นที่คุ้นชิน ที่ติดตรึงอยู่ในสมอง

มินะโกะเองคงไม่รู้ตัวหรอกว่าขณะนั้นความริษยาซึ่งปุถุชนไม่ควรปล่อยให้ก่อเกิดขึ้น ได้เริ่มหยั่งรากลงบนพื้นแห่งใจอันบริสุทธ์ผุดผ่องของสาวน้อยผู้นี้เสียแล้ว มันแฝงมากับความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวใจอย่างเงียบเชียบ มันทำให้สาวน้อยกระวนกระวายลุกนั่งไม่ติดที่

มินะโกะรู้สึกอยากขึ้นไปร้องไห้ดัง ๆ ให้สมดังใจบนยอดเขาสูง ๆ สาวน้อยซวนเซออกไปจากห้องส่วนตัวแล้วเดินออกไปจากโรงแรมอย่างไร้จุดหมาย เธอเดินไปตามทางมืด ๆ ด้วยความรู้สึกอย่ากไปไหนก็ได้ให้ไกลโพ้น แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าตนปฏิเสธการออกไปเดินเล่นค่ำนี้ ก็เลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะออกไปนอกบริเวณโรงแรม และคิดว่าน่าจะออกไปเดินเล่นที่สวนด้านหลังซึ่งค่อนข้างกว้างขวาง ตอนกลางวันวันไหนอากาศดีจะมองเห็นทัศนียภาพงดงามในวงกว้างไกลไปถึงทะเลด้านซะงะมิ
สวนหลังโรงแรม
มินะโกะเดินลงบันไดไปที่สวนด้านหลังโรงแรม เห็นสามีภรรยาชาวตะวันตกเดินควงแขนกันไปตามทางเล็ก ๆ ที่ทอดผ่านสนามหญ้า นอกนั้นไม่มีคนอื่นอีก สาวน้อยเดินเลี่ยงบริเวณที่แสงไฟจากห้องพักของโรงแรมส่องไปถึง เข้าไปในมุมมืดที่ลึกเข้าไปในสวน จนพบเก้าอี้ตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านร่มครึ้มจึงทรุดตัวลงนั่ง

บริเวณนี้มืดสลัวเพราะแสงไฟจากห้องพักของโรงแรมสาดส่องลงมาไม่ถึง บรรยากาศเงียบสงบราวกับอยู่ในป่าห่างไกลจากผู้คน ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงไวโอลินของสตรีชาวตะวันตกที่มาพักอยู่ที่นี่แว่วมาแผ่ว ๆ เมื่อได้มานั่งอยู่คนเดียวเช่นนี้มินะโกะรู้สึกว่าความกระวนกระวาย ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างใจค่อยบรรเทาลงบ้าง

เสียงแผ่วหวานของไวโอลินที่แว่วมาช่วยลูบไล้บาดแผลระบมอยู่ในหัวใจให้บรรเทา และเมื่อเงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ สาวน้อยก็ยิ่งรู้สึกสบายใจและเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง

แม้จะคิดว่าควรกลับห้องก่อนที่แม่เลี้ยงของเธอจะกลับจากเดินเล่น แต่มินะโกะก็ไม่อาจละจากเสียงดนตรีอันรื่นรมย์แก่ใจของเธอไปได้ สามสิบนาทีก็แล้ว สี่สิบนาทีก็แล้ว สาวน้อยนั่งอยู่ตรงนั้นจนเกือบหนึ่งชั่วโมง

เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาปลุกมินะโกะให้ตื่นจากภวังค์อันสุนทรีย์


กำลังโหลดความคิดเห็น