สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้วครับ อาทิตย์ที่แล้วพูดถึงประเด็นที่ว่าถ้าคนที่มีลักษณะนิสัยเช่นโนบิตะจะมีแนวโน้มเป็นโรคฮิคิโคโมริหรือไม่ ? โนบิตะเด็กที่มีนิสัยที่ไม่เอาไหน ค่อนข้างไม่ได้เรื่องไปซะทุกเรื่อง เรียนไม่ดีแถมกีฬาก็ไม่เด่น เล่นอะไรก็ไม่เก่ง แล้วยังมีนิสัยขี้เกียจมาก ชอบนอนกลางวันเป็นชีวิตจิตใจ แต่ว่าเป็นคนใจดี มีน้ำใจ มีความรักสัตว์ เป็นคนขี้สงสาร เป็นหนุ่มน้อยอารมณ์อ่อนไหว และสุดท้ายได้แต่งงานกลับชิซูกะ สาวที่ตนเองแอบชอบมาตั้งแต่เด็กๆ
ส่วนชิซูกะเป็นเด็กน่ารัก อ่อนหวาน เรียบร้อย โอบอ้อมอารี เรียนเก่ง มีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น มีความกระตือรือร้น เก่งหลายเรื่อง เช่น วาดภาพ เย็บปักถักร้อย และการทำขนมคุ้กกี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นสาวสวยน่ารักอย่างชิซุกะทำไมจึงเลือกแต่งงานกับโนบิตะหนอ ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงคนแบบชิซูกะน่าจะมีหนุ่มๆ มาจีบไม่น้อยเลยทีเดียว
ในฉากหนึ่งของเรื่อง ドラえもん Doraemon มีซีนก่อนที่จะถึงวันแต่งงานของโนบิตะและชิซูกะ แสดงให้เห็นว่าชิซูกะเองก็มีความกังวลใจไม่น้อยเลยที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับโนบิตะ จึงเข้าไปปรึกษาคุณพ่อว่า ที่ตัวเองเลือกที่จะแต่งงานกับโนบิตะนั้นคิดถูกต้องแล้วใช่ไหม คุณพ่อของชิซูกะได้ตอบกลับมาในมุมมองที่ดีมากว่า
"คนแบบโนบีตะ เป็นคนอ่อนโยน ที่มักจะคิดถึงผู้อื่นก่อน เทียบกับเดคิสุงิที่เป็นคนเก่ง อัจฉริยะ เป็นคนหน้าตาดี เก่งหลายอย่างทั้งเรียนหนังสือเก่ง กีฬาเป็นเลิศ คนเก่งมักจะสนใจในสิ่งที่ตัวเองทำ จะมุ่งความสนใจไปในสิ่งที่ตัวเองพอใจเป็นหลัก ตรงข้ามกับโนบีตะ ที่มักคำนึงถึงเรื่องคนอื่นๆ การที่โนบิตะเคยเป็นผู้แพ้มาตลอด ทำให้เขาเข้าใจหัวอกคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้เก่งกาจเลิศเลอ"
ช่างเป็นซีนที่น่าประทับใจจริงๆ นะครับเป็นอีกหนึ่งซีนในตำนานที่คนทั่วโลกประทับใจ เพราะผมคิดว่าถ้าคิดแบบที่คุณพ่อของชิซูกะแนะนำก็มีส่วนที่ถูกต้องอยู่ไม่น้อยเลย แล้วถ้าคิดในแง่ชีวิตจริง คนแบบโนบิตะจะมีโอกาสแต่งงานกับสาวสวยแสนดีแบบชิซูกะจริงเหรอ ?
วันนี้คิดว่าจะคุยเกี่ยวกับมุมมองความรักนิดหน่อย งั้นขอเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดีกว่าครับ เชิญพบกับกัปตัน Jiro-Saburo !!! (นามสมมติ) มาแล้ว !!! ผู้มีประสบการณ์ความรัก 100 ครั้ง ชนะ 97 ครับ แพ้ 2 เสมอ 1(´ω`; ) และเคยมาช่วยผมตอบคำถามหลายครั้งแล้ว
__ ノ艘ヽ_
彡 ( ◆Д゚) ノ<ช่าย...ผมคือกัปตันเรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรัก วันนี้มีคำถามอะไรมาถามล่ะ
กัปตัน : (สูบบุหรี่ ... 彡( ◆Д゚)y─┛〜) วันนี้ให้เล่าอะไรดี
Mr. Leon : สวัสดีครับผม ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะครับ อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเรื่องโนบิตะไปครับแล้วนึกขึ้นได้ว่ากัปตันเคยบอกว่าความรักของโนบิตะนั้นเป็นไปได้ยากในชีวิตจริง ก็เลยจะถามอีกทีครับ
กัปตัน : อืมม..ที่จริงแล้วถ้าคนเเบบโนบิตะมีอยู่ในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันจริงๆ ก็ไม่ค่อยเกลียดเขาน่ะเพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเอาไหนแต่จิตใจดี แล้วแกรู้มั้ยว่าคนญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักดีในคนไทยมีใครติดอันดับบ้าง?
Mr. Leon : ใครกันนะ เดายากจัง!..
กัปตัน : อะไรกันอยู่เมืองไทยตั้งนาน ไม่รู้ได้ไงว่าคนญี่ปุ่นที่ดังๆ สามอันดับก็มี โนบิตะ , ชินจัง, แล้วก็อันปังแมนยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ 彡( ◆Д゚)つ
...
Mr. Leon : เอาที่สบายใจท่านเลยครับ...(´∀` ;)
♢เกี่ยวกับชินจัง การ์ตูนญี่ปุ่นมีเด็กจอมทะเล้นเป็นตัวเอก ชื่อ โนะฮาร่า ชินโนซึเกะ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าชินจัง ชินจังเป็นเด็กอนุบาลวัย 5 ขวบ มีนิสัยคล้ายคลึงกับพ่อของเขา ที่นิสัยเจ้าชู้ กะล่อนๆ จะทำท่าตลกๆ สนุกสนานน่ารัก เป็นการนำเสนอเรื่องราวในครอบครัวที่ทำให้คนดูสนุกเพลินเพลิน คิดว่าทุกคนน่าจะพอรู้จักครับ
♢เกี่ยวกับอันปังแมน アンパンマン ซุปเปอร์ฮีโร่ใบหน้าทรงกลมที่เป็นที่รักของทุกคน นี่ก็เป็นตัวการ์ตูนที่เด็กๆ น่าจะรู้จักกันอย่างแพร่หลาย เมื่อก่อนเป็นการ์ตูนในหนังสือภาพต่อมาก็มีการสร้างเป็นอนิเมชั่นออกฉายทางทีวี อันปังแมนมีใบหน้ากลมๆ แก้มแดง คล้ายกับขนมอันปัง ซึ่งเป็นขนมหวานอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็เกี่ยวข้องกับอาหารและโภชนาการ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้หลักโภชนาการผ่านตัวละครครับ
...
กัปตัน : แต่ถ้าเป็นคนจริงดังสุดก็คงไม่พ้นโกโบริล่ะมั้ง !!ฮ่าๆๆ
Mr. Leon : いやいやいやいやいや、...พอแล้ววววครับท่าน (´•ω•`)
กัปตัน : เรื่องโดราเอม่อน โนบิตะมันเป็นการ์ตูนที่ทำขึ้นมาเพื่อปลดปล่อยความคิดที่คนญี่ปุ่นอยากเป็นอยากทำแต่ในชีวิตจริงมันทำไม่ได้ ที่เห็นว่าโนบิตะมีนิสัยขี้เกียจ ไม่เอาไหน ไม่ใช่ประเด็นหลักเลยนะที่จะจีบสาวแบบชิซูกะไม่ติด แต่ที่ฉันบอกว่าในชีวิตจริงมันเป็นไปได้ยากก็มีอยู่ 3 ประเด็นคือ
*ในชีวิตจริงไม่ค่อยมีหรอกคนที่แอบชอบกันมาตั้งแต่เด็กน้อยแล้วพอโตขึ้นจะได้แต่งงานกันจริง หรือแกคิดว่าคนที่โตด้วยกันมาสนิทกันแบบเพื่อนมาจะแต่งงานกันได้ !?
*แล้วถ้าสาวญี่ปุ่นถูกหนุ่มคนหนึ่งตามจีบเป็นสิบๆ ปีนี่สมัยนี้ถ้าสาวไม่เล่นด้วยมีสิทธิ์แจ้งตำรวจได้
*หนุ่มญี่ปุ่นสมัยนี้ไม่มีคนไหนที่จะตามจีบสาวคนเดียวเป็นสิบๆ ปี มันมีกฏที่รู้กันว่า เป็นหนุ่มจริงต้องมีจีบสาวแบบขอเบอร์ติดต่อ สมมติ ขอไป 10 คน อาจจะได้เบอร์มาสัก 7 คน 3 คนในนั้นคือได้ไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยหรือของบริษัท 2 คนได้ไปดูหนังกัน และหนึ่งในนั้นคงไปไปต่อโรงแรม
แล้วอีกอย่างน่าจะเป็นแบบที่แกบอกว่าถ้าโนบิตะเป็นคนในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันคงจะไม่พ้นการเป็นฮิคิโคโมริ ที่ยังมีมีพ่อแม่ให้เกาะขออยู่ด้วยได้อีก ถ้าพ่อแม่ไม่มีแล้วก็คิดไม่ออกนะว่าฮิคิโคโมริ จะไปทำอะไรต่อ จริงไหม?
Mr. Leon : จริงด้วย ส่วนโรคฮิคิโคโมริ เป็นพฤติกรรมของคนที่แยกตัวออกมาจากสังคม จะปลีกตัวและพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน จะเก็บตัวในห้องส่วนตัว หรือในบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่พบปะผู้คน อยู่กับกิจกรรมเช่นอ่านหนังสือการ์ตูน เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี คนเดียว ไปวันๆ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ "โนบิตะ กับ โรคฮิคิโคโมริ" ครับ)
กัปตัน : ทีละประเด็นนะ
*ในชีวิตจริงไม่ค่อยมีหรอกคนที่แอบชอบกันมาตั้งแต่เด็กน้อยแล้วพอโตขึ้นจะได้แต่งงานกันจริง หรือแกคิดว่าคนที่โตด้วยกันมาสนิทกันแบบเพื่อนมาจะแต่งงานกันได้
คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่แกก็รู้ว่าสมัยนี้แต่งงานกันน้อยลง คนนิยมอยู่เป็นโสดตัวคนเดียวไปเรื่อยๆ เพราะปัจจัยหลายๆ อย่าง หลักๆ ก็เรื่องสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ไม่ร่ำรวยฟู่ฟ่าเหมือนสมัยรุ่นพ่อแม่ของแก แล้วเด็กๆ สมัยนี้ก็มีเรื่องกดดันตั้งแต่เล็ก คนที่เป็นเพื่อนกันมามันก็เล่นกัน รู้จักกันมากันมาเเบบสนิทเกินที่จะคิดแบบผู้หญิงผู้ชายมั้ย สังคมญี่ปุ่นน่าจะมีน้อยเลยล่ะกรณีที่เพื่อนกันจะรักกันคนเดียวตลอดจนเติบโตขึ้นมาแต่งงานกันเนี่ย
*แล้วถ้าสาวญี่ปุ่นถูกหนุ่มคนหนึ่งตามจีบเป็นสิบๆ ปีนี่สมัยนี้ถ้าสาวไม่เล่นด้วยมีสิทธิ์แจ้งตำรวจได้
สาวญี่ปุ่นก็ใช่เล่นซะที่ไหน ส่วนใหญ่ยังมีนะที่ไม่อยากลำบากไม่อยากทำงาน หวังที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่รวยๆ ที่สามารถสนับสนุนให้ชีวิตสาวสบายๆ ไปทั้งชาติ แต่อย่างที่บอกไงว่าสังคมสมัยนี้ผู้ชายแบบที่ใฝ่ฝันแทบจะไม่มีแล้ว หนุ่มๆ รุ่นเดียวกันนี่ยังทำงานเป็นพนักงานบริษัทเช่าห้องเช่าแคบๆ ใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวยังไม่ค่อยรอด ถ้าสาวเห็นหนุ่มแบบนี้มาตามจีบตัวเอง จะยอมหรอ ตามจีบเป็นสิบๆ ปี สมัยนี้มีคนแจ้งความจับหนุ่มที่มาแสดงอาการคุกคามเช่นนี้ด้วยนะ ถ้าคิดแบบชิซูกะเมื่อโตขึ้นได้เจอโลกกว้าง ได้เจอคนใหม่ๆ ตามสไตล์สาวญี่ปุ่นในชีวิตจริงคงไม่รอแต่งงานกับโนบิตะเป็นแน่
แล้วถ้าตามจนกลายเป็นการทำให้คนอื่นรู้สึกว่าถูกคุกคามเค้าเรียกว่า Stalker หรือ Stalking คือพฤติกรรมที่รุกรานผู้อื่นซ้ำ ๆ จนเป็นเหตุทำให้เกิดความกลัว เช่น พฤติกรรมการแอบติดตาม ดักรอ แอบดู (แอบดักดูชิซูกะอาบน้ำนี่ไม่น่ากลัวเลยละสินะ!?) หรือพยายามติดต่อด้วยไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ SMS จดหมาย อีเมล์ การให้ของขวัญของฝาก เป็นต้น การติดตามนั้นส่วนใหญ่เป็นการติดตามเพศตรงข้ามคือผู้ชายตามผู้หญิง หรือมีบ้างที่ผู้หญิงตามผู้ชายหรือเพศเดียวกันติดตามกันเอง น่ากลัวใช่มั้ยล่ะ ใครถูก stalking ติดตามมักจะมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตไม่มากก็น้อย ทำให้เกิดความกลัว ความระแวง ตื่นตระหนก หงุดหงิด นอนไม่หลับหรือเป็นโรคซึมเศร้าได้ ยิ่งเจอโดนตามนานผลกระทบต่อจิตใจนั้นจะมีมากขึ้นไปด้วย
ที่ญี่ปุ่นปัจจุบันแต่ละปีมีการแจ้งตำรวจลงบันทึกเรื่องการถูกคุกคามหรือถูก stalking ประมาณปีละ 2 หมื่นเคส ก็นับว่าเยอะอยู่นะ
เค้าบอกว่าคนที่ stalking เนี่ยมักจะเป็นกลุ่มคนที่เคยสนิทสนมหรือมีความสัมพันธ์กันมาก่อน เช่น อดีตคนรัก เพื่อนสนิทที่แอบรัก แรงจูงใจของพฤติกรรมติดตามนั้นเกิดจากความต้องการที่จะคืนดี หรือได้ความรัก หรืออาจจะเกิดจากความโกรธแค้นก็มี เมื่อติดตามไปได้สักระยะการติดตามนั้นกลายเป็นสิ่งชดเชยความสัมพันธ์ที่ขาดหายไป หรือกลายเป็นความพึงพอใจที่ได้รุกรานเค้าและควบคุมอีกฝ่ายไปโดยปริยาย น่ากลัวใช่เล่นใช่ไหมล่ะ
*หนุ่มญี่ปุ่นสมัยนี้ไม่มีคนไหนที่จะตามจีบสาวคนเดียวเป็นสิบๆ ปี มันมีกฏที่รู้กันว่า เป็นหนุ่มจริงต้องมีจีบสาวแบบขอเบอร์ติดต่อ สมมติ ขอไป 10 คน อาจจะได้เบอร์มาสัก 7 คน 3 คนในนั้นคือได้ไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยหรือของบริษัท 2 คนได้ไปดูหนังกัน และหนึ่งในนั้นคงไปไปต่อโรงแรม
ข้อนี้เขามีการสำรวจมาด้วยนะ คนที่จะก้าวผ่านความเป็นเด็ก ขึ้นแท่นเป็นชายหนุ่มเนี่ยต้องทำแบบที่บอก หนุ่มที่เรียนมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่มีแนวทางแบบที่ฉันเล่านี่แหละ เป็นชีวิตจริงปัจจุบันเลย ดังนั้นการกระทำแบบที่โนบิตะทำคือ มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงในสังคมสมัยนี้ เป็นเรื่องการ์ตูนจินตนาการใสๆ เอง ถึงเอามาพูดในประเด็นไงว่าถ้าในชีวิตจริงโนบิตะคงไม่ได้แต่งงานกับชิซูกะหรอกฉันคิดว่าอย่างนั้น
Mr. Leon : เป็นมุมมองที่น่าสนใจ สมัยนี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะ และมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นเยอะเลย ผมต้องขอบคุณกัปตันด้วยนะครับที่มาให้ความรู้และมุมมองอีกแล้ว ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะขอรบกวนมาเล่าเรื่องดีๆ อีกนะครับ วันนี้สวัสดีครับ
(´人` _)
กัปตัน : (สูบบุหรี่ ... 彡( ◆Д゚)y─┛〜) บัยย〜
ส่วนชิซูกะเป็นเด็กน่ารัก อ่อนหวาน เรียบร้อย โอบอ้อมอารี เรียนเก่ง มีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น มีความกระตือรือร้น เก่งหลายเรื่อง เช่น วาดภาพ เย็บปักถักร้อย และการทำขนมคุ้กกี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นสาวสวยน่ารักอย่างชิซุกะทำไมจึงเลือกแต่งงานกับโนบิตะหนอ ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงคนแบบชิซูกะน่าจะมีหนุ่มๆ มาจีบไม่น้อยเลยทีเดียว
ในฉากหนึ่งของเรื่อง ドラえもん Doraemon มีซีนก่อนที่จะถึงวันแต่งงานของโนบิตะและชิซูกะ แสดงให้เห็นว่าชิซูกะเองก็มีความกังวลใจไม่น้อยเลยที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับโนบิตะ จึงเข้าไปปรึกษาคุณพ่อว่า ที่ตัวเองเลือกที่จะแต่งงานกับโนบิตะนั้นคิดถูกต้องแล้วใช่ไหม คุณพ่อของชิซูกะได้ตอบกลับมาในมุมมองที่ดีมากว่า
"คนแบบโนบีตะ เป็นคนอ่อนโยน ที่มักจะคิดถึงผู้อื่นก่อน เทียบกับเดคิสุงิที่เป็นคนเก่ง อัจฉริยะ เป็นคนหน้าตาดี เก่งหลายอย่างทั้งเรียนหนังสือเก่ง กีฬาเป็นเลิศ คนเก่งมักจะสนใจในสิ่งที่ตัวเองทำ จะมุ่งความสนใจไปในสิ่งที่ตัวเองพอใจเป็นหลัก ตรงข้ามกับโนบีตะ ที่มักคำนึงถึงเรื่องคนอื่นๆ การที่โนบิตะเคยเป็นผู้แพ้มาตลอด ทำให้เขาเข้าใจหัวอกคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้เก่งกาจเลิศเลอ"
ช่างเป็นซีนที่น่าประทับใจจริงๆ นะครับเป็นอีกหนึ่งซีนในตำนานที่คนทั่วโลกประทับใจ เพราะผมคิดว่าถ้าคิดแบบที่คุณพ่อของชิซูกะแนะนำก็มีส่วนที่ถูกต้องอยู่ไม่น้อยเลย แล้วถ้าคิดในแง่ชีวิตจริง คนแบบโนบิตะจะมีโอกาสแต่งงานกับสาวสวยแสนดีแบบชิซูกะจริงเหรอ ?
วันนี้คิดว่าจะคุยเกี่ยวกับมุมมองความรักนิดหน่อย งั้นขอเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดีกว่าครับ เชิญพบกับกัปตัน Jiro-Saburo !!! (นามสมมติ) มาแล้ว !!! ผู้มีประสบการณ์ความรัก 100 ครั้ง ชนะ 97 ครับ แพ้ 2 เสมอ 1(´ω`; ) และเคยมาช่วยผมตอบคำถามหลายครั้งแล้ว
__ ノ艘ヽ_
彡 ( ◆Д゚) ノ<ช่าย...ผมคือกัปตันเรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรัก วันนี้มีคำถามอะไรมาถามล่ะ
กัปตัน : (สูบบุหรี่ ... 彡( ◆Д゚)y─┛〜) วันนี้ให้เล่าอะไรดี
Mr. Leon : สวัสดีครับผม ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะครับ อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเรื่องโนบิตะไปครับแล้วนึกขึ้นได้ว่ากัปตันเคยบอกว่าความรักของโนบิตะนั้นเป็นไปได้ยากในชีวิตจริง ก็เลยจะถามอีกทีครับ
กัปตัน : อืมม..ที่จริงแล้วถ้าคนเเบบโนบิตะมีอยู่ในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันจริงๆ ก็ไม่ค่อยเกลียดเขาน่ะเพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเอาไหนแต่จิตใจดี แล้วแกรู้มั้ยว่าคนญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักดีในคนไทยมีใครติดอันดับบ้าง?
Mr. Leon : ใครกันนะ เดายากจัง!..
กัปตัน : อะไรกันอยู่เมืองไทยตั้งนาน ไม่รู้ได้ไงว่าคนญี่ปุ่นที่ดังๆ สามอันดับก็มี โนบิตะ , ชินจัง, แล้วก็อันปังแมนยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ 彡( ◆Д゚)つ
...
Mr. Leon : เอาที่สบายใจท่านเลยครับ...(´∀` ;)
♢เกี่ยวกับชินจัง การ์ตูนญี่ปุ่นมีเด็กจอมทะเล้นเป็นตัวเอก ชื่อ โนะฮาร่า ชินโนซึเกะ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าชินจัง ชินจังเป็นเด็กอนุบาลวัย 5 ขวบ มีนิสัยคล้ายคลึงกับพ่อของเขา ที่นิสัยเจ้าชู้ กะล่อนๆ จะทำท่าตลกๆ สนุกสนานน่ารัก เป็นการนำเสนอเรื่องราวในครอบครัวที่ทำให้คนดูสนุกเพลินเพลิน คิดว่าทุกคนน่าจะพอรู้จักครับ
♢เกี่ยวกับอันปังแมน アンパンマン ซุปเปอร์ฮีโร่ใบหน้าทรงกลมที่เป็นที่รักของทุกคน นี่ก็เป็นตัวการ์ตูนที่เด็กๆ น่าจะรู้จักกันอย่างแพร่หลาย เมื่อก่อนเป็นการ์ตูนในหนังสือภาพต่อมาก็มีการสร้างเป็นอนิเมชั่นออกฉายทางทีวี อันปังแมนมีใบหน้ากลมๆ แก้มแดง คล้ายกับขนมอันปัง ซึ่งเป็นขนมหวานอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องก็เกี่ยวข้องกับอาหารและโภชนาการ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้หลักโภชนาการผ่านตัวละครครับ
...
กัปตัน : แต่ถ้าเป็นคนจริงดังสุดก็คงไม่พ้นโกโบริล่ะมั้ง !!ฮ่าๆๆ
Mr. Leon : いやいやいやいやいや、...พอแล้ววววครับท่าน (´•ω•`)
กัปตัน : เรื่องโดราเอม่อน โนบิตะมันเป็นการ์ตูนที่ทำขึ้นมาเพื่อปลดปล่อยความคิดที่คนญี่ปุ่นอยากเป็นอยากทำแต่ในชีวิตจริงมันทำไม่ได้ ที่เห็นว่าโนบิตะมีนิสัยขี้เกียจ ไม่เอาไหน ไม่ใช่ประเด็นหลักเลยนะที่จะจีบสาวแบบชิซูกะไม่ติด แต่ที่ฉันบอกว่าในชีวิตจริงมันเป็นไปได้ยากก็มีอยู่ 3 ประเด็นคือ
*ในชีวิตจริงไม่ค่อยมีหรอกคนที่แอบชอบกันมาตั้งแต่เด็กน้อยแล้วพอโตขึ้นจะได้แต่งงานกันจริง หรือแกคิดว่าคนที่โตด้วยกันมาสนิทกันแบบเพื่อนมาจะแต่งงานกันได้ !?
*แล้วถ้าสาวญี่ปุ่นถูกหนุ่มคนหนึ่งตามจีบเป็นสิบๆ ปีนี่สมัยนี้ถ้าสาวไม่เล่นด้วยมีสิทธิ์แจ้งตำรวจได้
*หนุ่มญี่ปุ่นสมัยนี้ไม่มีคนไหนที่จะตามจีบสาวคนเดียวเป็นสิบๆ ปี มันมีกฏที่รู้กันว่า เป็นหนุ่มจริงต้องมีจีบสาวแบบขอเบอร์ติดต่อ สมมติ ขอไป 10 คน อาจจะได้เบอร์มาสัก 7 คน 3 คนในนั้นคือได้ไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยหรือของบริษัท 2 คนได้ไปดูหนังกัน และหนึ่งในนั้นคงไปไปต่อโรงแรม
แล้วอีกอย่างน่าจะเป็นแบบที่แกบอกว่าถ้าโนบิตะเป็นคนในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันคงจะไม่พ้นการเป็นฮิคิโคโมริ ที่ยังมีมีพ่อแม่ให้เกาะขออยู่ด้วยได้อีก ถ้าพ่อแม่ไม่มีแล้วก็คิดไม่ออกนะว่าฮิคิโคโมริ จะไปทำอะไรต่อ จริงไหม?
Mr. Leon : จริงด้วย ส่วนโรคฮิคิโคโมริ เป็นพฤติกรรมของคนที่แยกตัวออกมาจากสังคม จะปลีกตัวและพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน จะเก็บตัวในห้องส่วนตัว หรือในบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่พบปะผู้คน อยู่กับกิจกรรมเช่นอ่านหนังสือการ์ตูน เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี คนเดียว ไปวันๆ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ "โนบิตะ กับ โรคฮิคิโคโมริ" ครับ)
กัปตัน : ทีละประเด็นนะ
*ในชีวิตจริงไม่ค่อยมีหรอกคนที่แอบชอบกันมาตั้งแต่เด็กน้อยแล้วพอโตขึ้นจะได้แต่งงานกันจริง หรือแกคิดว่าคนที่โตด้วยกันมาสนิทกันแบบเพื่อนมาจะแต่งงานกันได้
คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่แกก็รู้ว่าสมัยนี้แต่งงานกันน้อยลง คนนิยมอยู่เป็นโสดตัวคนเดียวไปเรื่อยๆ เพราะปัจจัยหลายๆ อย่าง หลักๆ ก็เรื่องสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ไม่ร่ำรวยฟู่ฟ่าเหมือนสมัยรุ่นพ่อแม่ของแก แล้วเด็กๆ สมัยนี้ก็มีเรื่องกดดันตั้งแต่เล็ก คนที่เป็นเพื่อนกันมามันก็เล่นกัน รู้จักกันมากันมาเเบบสนิทเกินที่จะคิดแบบผู้หญิงผู้ชายมั้ย สังคมญี่ปุ่นน่าจะมีน้อยเลยล่ะกรณีที่เพื่อนกันจะรักกันคนเดียวตลอดจนเติบโตขึ้นมาแต่งงานกันเนี่ย
*แล้วถ้าสาวญี่ปุ่นถูกหนุ่มคนหนึ่งตามจีบเป็นสิบๆ ปีนี่สมัยนี้ถ้าสาวไม่เล่นด้วยมีสิทธิ์แจ้งตำรวจได้
สาวญี่ปุ่นก็ใช่เล่นซะที่ไหน ส่วนใหญ่ยังมีนะที่ไม่อยากลำบากไม่อยากทำงาน หวังที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่รวยๆ ที่สามารถสนับสนุนให้ชีวิตสาวสบายๆ ไปทั้งชาติ แต่อย่างที่บอกไงว่าสังคมสมัยนี้ผู้ชายแบบที่ใฝ่ฝันแทบจะไม่มีแล้ว หนุ่มๆ รุ่นเดียวกันนี่ยังทำงานเป็นพนักงานบริษัทเช่าห้องเช่าแคบๆ ใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวยังไม่ค่อยรอด ถ้าสาวเห็นหนุ่มแบบนี้มาตามจีบตัวเอง จะยอมหรอ ตามจีบเป็นสิบๆ ปี สมัยนี้มีคนแจ้งความจับหนุ่มที่มาแสดงอาการคุกคามเช่นนี้ด้วยนะ ถ้าคิดแบบชิซูกะเมื่อโตขึ้นได้เจอโลกกว้าง ได้เจอคนใหม่ๆ ตามสไตล์สาวญี่ปุ่นในชีวิตจริงคงไม่รอแต่งงานกับโนบิตะเป็นแน่
แล้วถ้าตามจนกลายเป็นการทำให้คนอื่นรู้สึกว่าถูกคุกคามเค้าเรียกว่า Stalker หรือ Stalking คือพฤติกรรมที่รุกรานผู้อื่นซ้ำ ๆ จนเป็นเหตุทำให้เกิดความกลัว เช่น พฤติกรรมการแอบติดตาม ดักรอ แอบดู (แอบดักดูชิซูกะอาบน้ำนี่ไม่น่ากลัวเลยละสินะ!?) หรือพยายามติดต่อด้วยไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ SMS จดหมาย อีเมล์ การให้ของขวัญของฝาก เป็นต้น การติดตามนั้นส่วนใหญ่เป็นการติดตามเพศตรงข้ามคือผู้ชายตามผู้หญิง หรือมีบ้างที่ผู้หญิงตามผู้ชายหรือเพศเดียวกันติดตามกันเอง น่ากลัวใช่มั้ยล่ะ ใครถูก stalking ติดตามมักจะมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตไม่มากก็น้อย ทำให้เกิดความกลัว ความระแวง ตื่นตระหนก หงุดหงิด นอนไม่หลับหรือเป็นโรคซึมเศร้าได้ ยิ่งเจอโดนตามนานผลกระทบต่อจิตใจนั้นจะมีมากขึ้นไปด้วย
ที่ญี่ปุ่นปัจจุบันแต่ละปีมีการแจ้งตำรวจลงบันทึกเรื่องการถูกคุกคามหรือถูก stalking ประมาณปีละ 2 หมื่นเคส ก็นับว่าเยอะอยู่นะ
เค้าบอกว่าคนที่ stalking เนี่ยมักจะเป็นกลุ่มคนที่เคยสนิทสนมหรือมีความสัมพันธ์กันมาก่อน เช่น อดีตคนรัก เพื่อนสนิทที่แอบรัก แรงจูงใจของพฤติกรรมติดตามนั้นเกิดจากความต้องการที่จะคืนดี หรือได้ความรัก หรืออาจจะเกิดจากความโกรธแค้นก็มี เมื่อติดตามไปได้สักระยะการติดตามนั้นกลายเป็นสิ่งชดเชยความสัมพันธ์ที่ขาดหายไป หรือกลายเป็นความพึงพอใจที่ได้รุกรานเค้าและควบคุมอีกฝ่ายไปโดยปริยาย น่ากลัวใช่เล่นใช่ไหมล่ะ
*หนุ่มญี่ปุ่นสมัยนี้ไม่มีคนไหนที่จะตามจีบสาวคนเดียวเป็นสิบๆ ปี มันมีกฏที่รู้กันว่า เป็นหนุ่มจริงต้องมีจีบสาวแบบขอเบอร์ติดต่อ สมมติ ขอไป 10 คน อาจจะได้เบอร์มาสัก 7 คน 3 คนในนั้นคือได้ไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยหรือของบริษัท 2 คนได้ไปดูหนังกัน และหนึ่งในนั้นคงไปไปต่อโรงแรม
ข้อนี้เขามีการสำรวจมาด้วยนะ คนที่จะก้าวผ่านความเป็นเด็ก ขึ้นแท่นเป็นชายหนุ่มเนี่ยต้องทำแบบที่บอก หนุ่มที่เรียนมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่มีแนวทางแบบที่ฉันเล่านี่แหละ เป็นชีวิตจริงปัจจุบันเลย ดังนั้นการกระทำแบบที่โนบิตะทำคือ มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงในสังคมสมัยนี้ เป็นเรื่องการ์ตูนจินตนาการใสๆ เอง ถึงเอามาพูดในประเด็นไงว่าถ้าในชีวิตจริงโนบิตะคงไม่ได้แต่งงานกับชิซูกะหรอกฉันคิดว่าอย่างนั้น
Mr. Leon : เป็นมุมมองที่น่าสนใจ สมัยนี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะ และมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นเยอะเลย ผมต้องขอบคุณกัปตันด้วยนะครับที่มาให้ความรู้และมุมมองอีกแล้ว ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะขอรบกวนมาเล่าเรื่องดีๆ อีกนะครับ วันนี้สวัสดีครับ
(´人` _)
กัปตัน : (สูบบุหรี่ ... 彡( ◆Д゚)y─┛〜) บัยย〜