สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้วครับ อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าถึงเรื่องแท็กซี่และอาหารการกินไปนิดหน่อย เป็นเรื่องเบาๆ ให้อ่านกันนะครับ ถ้าพูดถึงคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ที่เมืองไทยคงมีหลายตัวมาก เช่น โดราเอม่อน, โนบิตะ , ชินจัง , อันปังแมน และอีกมากมาย
เรื่องโดราเอม่อน เป็นการ์ตูนยอดฮิตที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป อ่านและดูได้อย่างสนุกเพลิดเพลินทุกเพศทุกวัยใช่ไหมครับ โนบิตะเป็นตัวหลักในเรื่อง เขาแอบชอบสาวชิซุกะ มาตลอดและสร้างเรื่องราวให้เกิดขึ้นมากมาย วันนี้มาคุยกันในประเด็นที่ว่าถ้าชีวิตจริงคนแบบโนบิตะจะมีแนวโน้มเป็นโรคฮิคิโคโมริ หรือไม่ ? ฮิคิโคโมริ คืออะไร
😀ก่อนอื่นพูดถึงนิสัยตัวละครโนบิตะคือ ค่อนข้างเป็นเด็กชายญี่ปุ่นที่ไม่เอาไหน ค่อนข้างไม่ได้เรื่องไปซะทุกเรื่องเลยเชียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน มักจะตื่นสายทำให้ไปโรงเรียนสายอยู่บ่อยๆ สอบทีไรก็ได้ 0 คะแนนทุกครั้งไป ต้องคอยเอากระดาษคำตอบไปซ่อนไม่ให้แม่เห็น สาเหตุคงมาจากไม่ค่อยชอบทำการบ้าน, ไม่ชอบอ่านหนังสือ ถูกทำโทษอยู่บ่อยครั้ง เรียนไม่ดี กีฬาก็ไม่เด่น เล่นอะไรก็ไม่เก่ง แถมมีนิสัยขี้เกียจมากชอบนอนกลางวันเป็นที่สุด
แต่ก็ไม่ใช่ว่าโนบิตะจะมีแต่ด้านไม่ดีไม่เด่นเพียงอย่างเดียว ความเป็นมนุษย์ธรรมดามันก็ต้องมีดีบ้างไม่ดีบ้างปนกันไปใช่ไหม โนบิตะก็เช่นกัน เขาก็มีนิสัยที่ดีอยู่มาก เช่นกันครับคือ เป็นคนใจดี มีน้ำใจ มีความรักสัตว์ เป็นคนขี้สงสาร เป็นหนุ่มน้อยอารมณ์อ่อนไหว และเขารักครอบครัวมาก โนบิตะรักคุณพ่อ คุณแม่ของเขามากๆ ในเรื่องจะมักจะถูกไจแอนท์กับซูเนโอะกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ แต่ก็เห็นเป็นเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ อ่ะเน้อะ โนบิตะแอบชอบชิซุกะมานาน จะมีอารมณ์ไม่พอใจเมื่อหนุ่มหล่อ รวย เก่งทุกอย่างแบบเดคิสุงิ เข้าไปอยู่ใกล้ๆ กับชิซุกะ แต่สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน
😀ส่วนชิซุกะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม เธอเป็นเด็กน่ารัก อ่อนหวาน เรียบร้อย โอบอ้อมอารีเรียนเก่ง มีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น มีความกระตือรือร้น เก่งหลายเรื่อง เช่น วาดภาพ เย็บปักถักร้อย และการทำขนมคุ้กกี้ เป็นเด็กสาวที่โนบิตะหลงรักมาตลอด จะว่าไปทั้งๆ ที่สาวสวยน่ารักอย่างชิซุกะทำไมถึงเลือกแต่งงานกับโนบิตะหนอ ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงคนแบบชิซุกะน่าจะมีหนุ่มๆ มาจีบไม่น้อยเลย
ถ้าคิดในแง่ชีวิตจริง คนแบบโนบิตะจะมีแนวโน้มเป็นโรคฮิคิโคโมริ หรือไม่ ?
ถ้าคิดในแง่ชีวิตจริง คนแบบโนบิตะจะมีโอกาสแต่งงานกับสาวสวยแสนดีแบบชิซุกะจริงหรอ ?
เส้นทางชีวิตเปลี่ยนเลย ..วันนี้พูดถึงประเด็น ฮิคิโคโมริ นะครับ ถ้าโนบิตะเกิดในยุคที่สังคมญี่ปุ่นเป็นแบบปัจจุบันนี้ คงไม่พ้นเป็น 引きこもり Hikikomori ฮิคิโคโมริแน่ๆ และถ้าแก้ไขไม่ได้ก็คงจะมีสภาพชีวิตที่หลีกหนีจากสังคมและยากที่จะแต่งงานแน่ๆ เพื่อนๆ เคยได้ยินคำว่า Hikikomori ไหมครับ ฮิคิโคโมริเป็นพฤติกรรมของคนที่แยกตัวออกมาจากสังคม จะปลีกตัวและพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน นึกภาพตามนะครับคนที่เป็นฮิคิโคโมรินั้นเขามักจะเก็บตัวในห้องส่วนตัว หรือในบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่พบปะผู้คน ซึ่งอาจจะหมกตัวอยู่ในห้องส่วนตัวเฉยๆ ไปวันๆ หรือไม่ก็อ่านหนังสือการ์ตูน เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี คนเดียวได้เป็นเดือนเป็นปี
อาจจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ ให้เห็นภาพง่ายๆ
*กลุ่มแรกเป็นผู้ที่เข้ากับสังคมไม่ได้ จึงพยายามที่จะแยกตัวเองออกมา อาจจะแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ตามสถานการณ์ที่ถูกกดดัน เช่น โดนเพื่อนแกล้งจึงไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากเล่นกับเพื่อน ไม่อยากออกจากห้อง
*กลุ่มที่สองตัดสินใจที่จะไม่อยู่ในสังคมแห่งความเป็นจริง เขาจะหมกตัวอยู่กับความสนใจเฉพาะตัวเอง และจะมีอาการเช่นนี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
มีหนังสือวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าวว่าสาเหตุที่คนที่เป็นฮิคิโคโมริกลัวการเข้าสังคม เพราะมีปมที่มาจากหลากหลาย ๆ เหตุผล ไม่ว่าจะการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนหรือคนรอบข้าง นักเรียนบางคนพูดไม่เก่ง ไม่กล้าต่อรอง ยอมคน และมีอารมณ์อ่อนไหวกับคำวิจารณ์มาก เจ็บปวดยอมรับไม่ได้ จึงเลือกที่จะหนีปัญหาแทน โดยการการหนี และค่อยๆ ทำตัวให้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก นักจิตวิทยาวิเคราะห์ว่าเป็นความหวาดกลัวสังคมอย่างรุนแรง สภาพจิตใจเต็มไปด้วยความทรมาน แต่ต้องเก็บทนเอาไว้ บางรายมีอาการหมกมุ่น วิตกจริต และเกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นได้
ที่ประเทศญี่ปุ่นเอง มีระบบการศึกษาที่เข้มงวด แต่เรื่องการกลั่นแกล้งกันนี่ค่อนข้างจะเป็นปัญหาหนัก เด็ก ๆ ที่อ่อนไหวจึงได้รับความกดดันสูงมาก หรือแม้กระทั่งในวัฒนธรรมการทำงานที่คนญี่ปุ่น ล้วนต้องทำงานหนักตลอดชีวิตเช่นกัน จึงเหมือนว่าหากทำพลาดเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้รู้สึกหมดหวังในชีวิต จึงรู้สึกกลัว และจะถอยหรือหนีออกมาอยู่ลำพังคนเดียว นอกจากนี้ปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสาร และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ พัฒนาก้าวหน้าไปมาก ยิ่งส่งเสริมให้ชาวฮิคิโคโมริ ขังตัวเองอยู่ในห้องได้นานขึ้น เพราะไม่ต้องไปไหนในห้องมีทั้งโทรทัศน์ เกมส์คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต พ่อแม่ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ต้องคอยส่งข้าวส่งน้ำหรือไม่ก็วางไว้ให้หน้าห้องนอน
แล้วถ้าเด็กที่มีนิสัยอย่างโนบิตะจะมีแนวโน้มเป็นฮิคิโคโมริไหม ในมุมมองคนญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน ตอบได้เลยว่า (ถ้าไม่มีโดราเอม่อน) เป็นฮิคิโคโมริ ในยุคปัจจุบันแน่นอน เพราะว่าจากลักษณะบุคคลิกเช่นนี้มีผลทำให้เขาเริ่มโทษตัวเอง และพ่อแม่ก็โทษเขาที่ไม่ยอมไปเรียนหนังสือ ทำให้แรงกดดันเริ่มก่อตัวเพิ่มขึ้น และกลายเป็น ฮิคิโคโมริ ไปในที่สุด
ผลการสำรวจล่าสุด ของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น พบว่าปัจจุบันมีคนญี่ปุ่นที่เป็นฮิคิโคโมริมากถึง 2-3 ล้านคน เมื่อก่อนจะมีกลุ่มคนช่วงวัยรุ่นที่เป็น ฮิคิโคโมริมากที่สุด แต่ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของฮิคิโคโมริอยู่ที่วัยสามสิบอัพ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ครับ
ตัวอย่างฮิคิโคโมริในชีวิตจริง
😯ฮิโร่ เป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นฮิคิโคโมริ เขาถูกเลี้ยงดูแบบกดดันให้ทำตามกรอบของพ่อแม่ทุกอย่าง แม้กระทั่ง อาหารที่ตัวเองอยากทานแต่จะถูกแม่สั่งให้ทานตามที่แม่อยากให้ทาน เขาจึงไม่มีความมั่นใจในตนเอง และสูญเสียความภูมิใจในตนเองในที่สุด แต่ด้วยความที่ต้องอดทนตามสไตล์ญี่ปุ่นก็พยายามไปเรียน แม้จะไม่มีเพื่อน ไม่คบใคร และเริ่มทะเลาะกับพ่อแม่ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมการงานและคณะในมหาวิทยาลัย เขาก็เริ่มกลัวการออกไปนอกบ้านและพบปะผู้คน และในที่สุดก็ไม่ออกจากบ้านอีกเลย เขาตัดขาดการสื่อสารกับเพื่อนฝูงและพ่อแม่ เขาจะหลับในตอนกลางวัน และตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืน หาของกินในครัว หรือยอมออกบ้านกลางดึกเพื่อไปหาซื้อเสบียงมาตุน ช่วงกลางดึกเขาจะนั่งเล่นเกมส์ไปจนเช้า แล้วก็หลับไปทั้งช่วงกลางวัน
😯เคนจิ ก็เป็นอีกคนที่เป็นฮิคิโคโมริ เนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล จึงต้องแบกรับความคาดหวังของพ่อแม่ตลอดเวลา จนระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุด จากนั้นเขาก็เริ่มแสดงอารมณ์รุนแรง และแยกตัวจากพ่อแม่เป็นคนเก็บตัวและหลักหนีจากสังคม
นอกจากฮิคิโคโมริแล้ว ปัจจุบันญี่ปุ่นมีคำว่า フリーター Freeter ที่ใช้หมายถึงบุคคลที่รับงานอิสระ เป็นบุคคลที่นอกเหนือจากอาชีพแม่บ้าน มีช่วงอายุระหว่าง 15 ถึง 35 ปี โดยจะทำงานที่ไม่ผูกพันระยะยาวกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง จะไม่ทำไปจนเกษียณเหมือนรุ่นพ่อรุ่นแม่ คนเหล่านี้มีความต้องการเสรีภาพในการดำเนินชีวิต ไม่ต้องการอยู่ในกรอบเดิมในรูปแบบบริษัทสไตล์ดั้งเดิม จึงเลือกที่จะทำงานประเภทรับจ๊อบ หรือทำงานแบบพาร์ทไทม์ ตามเวลาที่ตัวเองอยากทำงาน
และเมื่อญี่ปุ่นประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเรื่อยมาตั้งแต่ยุคฟองสบู่แตก ทำให้จำนวน Freeter เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย บางคนยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ในเรื่องที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตอีกด้วย ลักษณะเช่นนี้คล้ายๆ ฮิคิโคโมริ แต่ไม่เชิงจะเข้าข่ายนัก แต่ถ้าเริ่มหนีสังคม หมกตัวเอง ไม่ออกไปเจอสังคมและเพื่อนฝูง จึงจะถือว่าเป็นฮิคิโคโมริ
นอกจากนั้นยังมีอาการอื่น ๆ ที่มีความคล้ายคลึงกับ ฮิคิโคโมริ อีกเรียกว่าเป็นพฤติกรรมอื่น ๆ ที่มีลักษณะแยกตัวออกมาจากสังคม และดูคล้ายกับ ฮิคิโคโมริ ครับ เช่น
-ニート NEETs หมายถึง คนที่ไม่ชอบทำงาน ไม่เรียนหนังสือ ไม่สนใจทำอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังออกจากบ้านได้ ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง คนกลุ่มนี้จะไม่ชอบเข้าสังคม แต่ไม่ได้หนี เลือกที่จะถอยออกไปเท่านั้น แตกต่างจาก ฮิคิโคโมริ ที่จะหนีและกลัวผู้คน
- オタク Otaku (โอตาคุ) เดิมใช้เรียกกับคนที่หลงไหลคลั่งไคล้อะไรมาก ๆ เช่น คลั่งการ์ตูน เกมส์คอมพิวเตอร์ แฟชั่น เป็นต้น มีร้านสำหรับโอตาคุที่จะเป็นแหล่งสวรรค์ของพวกเขาโดยเฉพาะตามย่านอกิฮาบาร่า คนกลุ่มนี้จะสนใจเฉพาะด้านจนทำให้คนที่ไม่เข้าใจ มองว่าแปลกแยกและไม่อยากคบหาสมาคมด้วย จึงทำให้กลุ่มโอตาคุ ต้องถอยออกมาจากสังคม อยู่ในโลกจินตนาการของตนเอง
แม้ว่าโนบิตะ อาจจะมีแนวโน้มเป็นฮิคิโคโมริ ถ้าไม่มีโดราเอม่อน และถ้าต้องอยู่ในสภาพสังคมปัจจุบันของญี่ปุ่นแต่โนบิตะก็มีความรักนะครับ ความรักที่งดงามของโนบิตะเป็นอย่างไร แล้วถ้ามองในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันมันจะดีจริงไหม ประสบความสำเร็จได้จริงหรือไม่ ถ้าคิดในแง่ชีวิตจริง คนแบบโนบิตะจะมีโอกาสแต่งงานกับสาวสวยแสนดีแบบชิซุกะจริงหรอ ? ถ้ามีโอกาสผมคิดว่าจะเชิญกัปตัน Jiro-Saburo มาเล่าให้ฟังดีกว่า วันนี้สวัสดีครับ