หมอไทยทำงานจนตาย หมอญี่ปุ่นทำงานจน “ฆ่าตัวตาย”

แพทย์หญิงชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะทนรับความกดดันจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องไม่ไหว สะท้อนปัญหาขาดแคลนแพทย์อย่างหนักในญี่ปุ่น

แพทย์หญิงอายะ คิโมะโตะ วัย 37 ปี ต้องทำงานล่วงเวลามากถึง 251 ชั่วโมงต่อเดือน ต่อเนื่องกันนานถึงสี่เดือน ทำให้เธอเครียดและเหน็ดเหนื่อยจนคิดสั้นจบชีวิตตัวเอง โดยเธอถูกพบร่างที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง พร้อมยานอนหลับจำนวนมาก

สามีของแพทย์หญิงระบุว่า นี่คือ การ “ทำงานหนักจนตาย” หรือ “คะโรชิ” แต่ทางโรงพยาบาลศูนย์เมืองนีกะตะ หน่วยงานต้นสังกัดของแพทย์หญิง อ้างว่า เธอทำงานล่วงเวลาเพียงแค่เดือนละ 48 ชั่วโมง และการฆ่าตัวตายของแพทย์หญิงอาจมาจากสาเหตุอื่น

ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้คดีความในศาลแรงงานนานกว่าหนึ่งปี จนกระทั่งมีคำพิพากษาระบุว่า “การฆ่าตัวตายของแพทย์หญิงมีสาเหตุมาจากความเครียดจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องยาวนาน” และสันนิษฐานว่า ทางโรงพยาบาลอาจกดดันให้แพทย์หญิงบันทึกข้อมูลการทำงานที่เป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ห้ามทำงานล่วงเวลามากเกินกำหนด

แพทย์หญิงคิโมะโตะ เริ่มต้นการทำงานจากการเป็นพยาบาลผู้ช่วยแพทย์ และได้ผ่านการสอบเป็นแพทย์เมื่อปี 2007 และได้บรรจุเป็นแพทย์ฝึกหัดที่แผนกศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลศูนย์เมืองนีกะตะ ตั้งแต่ปี 2015 เธอเริ่มบ่นว่าร่างกายรับไม่ไหวกับการทำงานอย่างหนักตั้งแต่ปลายปีเดียวกัน แต่ทางโรงพยาบาลก็ยังคงให้เธอทำงานล่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่าจำนวนแพทย์ไม่เพียงพอ

ผลการคำพิพากษาของศาลแรงงานว่า แพทย์หญิงคิโมะโตะฆ่าตัวตายจากการ “ทำงานหนักจนตาย” หรือ “คะโรชิ” ทำให้ทางโรงพยาบาลต้นสังกัดมีความผิดตามกฎหมาย และต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย.