บริษัทรถไฟญี่ปุ่นจะรื้อฟื้นการใช้งานรถไฟไอน้ำเพื่อการท่องเที่ยว และต้องฝึกฝนบุคลากรเพื่อขับรถไฟแบบโบราณ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใกล้จะสูญหายไปตามเทคโนโลยีสมัยใหม่
รถไฟของญี่ปุ่นได้รับการยอมรับว่า มีมาตรฐานและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ในยุคที่เส้นทางของรถไฟความเร็วสูงชินคังเซ็งขยายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น บริษัท รถไฟโทบุ จะนำรถไฟไอน้ำกลับมาเดินรถอีกครั้ง
รถไฟไอน้ำจะกลับมาเปิดหวูดอีกครั้งในปีหน้า หลังจากไม่ได้ใช้งานนานกว่า 50 ปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเส้นทางเมืองนิโกะ ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น หากแต่ปัญหาก็คือ บริษัท รถไฟโทบุ ไม่มีหัวรถจักรไอน้ำ และไม่มีพนักงานที่ขับรถไฟไอน้ำเป็น
บริษัทรถไฟฮอกไกโดและบริษัทรถไฟอื่นๆ อีก 5แห่ง เสนอให้ยืมหัวรถจักรไอน้ำที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยต่างหวังจะรื้อฟื้นความฝันในวันวานของรถไฟไอน้ำ
ในส่วนของการฝึกอบรมคนขับรถไฟ บริษัทรถไฟเมืองไซตะมะได้รวบรวมพนักงานรถไฟรุ่นเก่าแก่มาช่วยฝึกอบรมการขับรถไฟไอน้ำ เหล่าคนขับรถไฟต่างบอกว่าไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ขับรถไฟไอน้ำอีกครั้ง
การขับรถไฟไอน้ำยุ่งยากกว่ารถไฟปัจจุบันที่ใช้ระบบอัตโนมัติ เพราะกลไกส่วนใหญ่เป็นการบังคับด้วยมือ นอกจากนี้ ยังต้องใส่ใจสภาพอากาศ ซึ่งมีผลต่อไอน้ำที่เป็นพลังขับเคลื่อนรถไฟ และที่สำคัญ ต้องระวังการเติมถ่านหินลงในเตาไฟ เพราะหากเติมถ่านหินไม่เหมาะสมจะทำให้ความร้อนไม่คงที่ จนเกิดความเสียหายกับหัวรถจักรได้
ความร้อนจากเตาไฟสูงกว่า 1,500 องศาเซลเซียส ไม่เพียงทำให้คนขับรถไฟต้องเหงื่อตก แต่ยังทำให้เขาต้องเปลี่ยนแว่นตาไปแล้วถึง 3 คู่
บริษัทรถไฟญี่ปุ่นที่ปกติแล้วต้องแข่งขันกัน แต่ครั้งนี้กลับร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูรถไฟไอน้ำเพื่ออนุรักษ์และสืบสานรถไฟโบราณนี้ต่อไป
ในประเทศญี่ปุ่นมีกลุ่ม “แฟนพันธุ์แท้รถไฟ” จำนวนมาก และรถไฟไอน้ำคือขวัญใจของคนกลุ่มนี้ เพราะรถไฟไอน้ำสามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีต และสะท้อนถึงความปรารถนาของคนในการเชื่อมโยงสัมพันธภาพถึงกันโดยผ่านรางเหล็กของทางรถไฟ