จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
3
พอเสร็จจากการซักถามสาวใช้และเสมียนวัยรุ่น ฮะนะโนะยะ อิงงะ ก็ยิ้มระรื่นด้วยความพอใจพลางบิดปลายหนวดที่ขลิบแต่งไว้เรียวงาม ปรายตาไปทางนักดาบร่างใหญ่คู่ปรับขณะเปรยกับชินจูโรว่า
“หนุ่ม ๆ บ้านนี้ช่างเจ้าสำราญกันเหลือเกิน แต่ละคนมีเกอิชาสำนักโยะชิฮะระเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้วทั้งนั้น เจ้าโยะชิโอะตัวดีที่ว่ามีอะไร ๆ กับแม่โอะมะกินั่นน่ะ ก็เป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้วกับนางโคะเซ็นเกอิชาโฉมงามดาวรุ่งแห่งสำนักเริงรมย์ โยะชิวะระ และที่เจ้าหนุ่มเข้าไปลอยหน้าลอยตาอยู่ในนั้นได้ก็เพราะอาศัยบารมีของครูสอนร้องเพลง ส่วนเจ้าชูซะกุรูปหล่อนั่นก็ไม่เบา มีเกอิชาชื่อนางฮินะงิคุเป็นคู่คนหนึ่งแล้วยังมีใจให้กับสาวน้อยนักขับลำนำอีกคน ผมบอกแล้วคุณจะตกใจ เพราะขนาดเจ้าคินจิวัยรุ่นอายุสิบแปดนั่นก็ยังมีดีกับนางหนูมะเมะยักโกะเกอิชาฝึกหัด เจ้าโชเฮอายุสิบเจ็ดนั่นบินสูงกว่าใคร ๆ มันไปเป็นยอดขมองอิ่มของนางโซะเมะมะรุ เกอิชารุ่นพี่ใหญ่เลยละคุณ ยิ่งซักก็ยิ่งได้เรื่อง นางสาวใช้สองคนนั่นช่างพูดได้พูดดีไม่รู้จบ แต่ที่น่าเป็นไปได้ที่สุดคือเรื่องที่ว่าโยะชิโอะกับชูซะกุไม่ชอบหน้าคะซุเกะอดีตหัวหน้าเสมียน จึงร่วมมือกันวางกับดักให้ต้องถูกไล่ออกน่ะครับ”
โทระโนะซุเกะ ทำหน้างอเมื่อได้ยินนักสืบบ้านนอกรายงานอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ถ้าเอาอะไรที่เขาเดากันผิด ๆ ถูก ๆ มาคิดเป็นเรื่องจริงจังอย่างนี้ละก็ คุณไม่มีทางถอดรหัสคดีได้อย่างสมศักดิ์ศรีของนักสืบเอกหรอกนะ จะบอกให้”
“นั่นมันความคิดตื้น ๆ ของนักดาบขี้เท่ออย่างคุณผมไม่เกี่ยว เรื่องที่ผมพูดทั้งหมดนั่น ผมได้ยินมากับหูจากคำบอกเล่าของเซ็นคิจิ บุนโซ และฮิโกะทะโร เสมียนหนุ่มของที่นี่เลยทีเดียว นายโทเบเจ้าของบ้านไล่คะซุเกะที่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นชู้กับนางโอะมะกิออกจากบ้านเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม วันนั้นเป็นวันเทศกาลฉลองเด็กผู้ชาย ทางร้านจึงจัดเหล้าสาเกให้ดื่มกัน พวกหนุ่ม ๆ จึงดื่มฉลองกันเสียจนเมามาย นางโอะมะกิเข้ามาร่วมดื่มเฮฮาไปกับพวกผู้ชายจนเมาพับไปเป็นคนแรก แล้วก็เข้าไปนอนหลับกลิ้งไม่ได้สติอยู่บนพื้นเสื่อห้องข้าง ๆ นั้นไม่กลับไปห้องนอนของตนที่เรือนเล็ก ใครไม่รู้เอาผ้าห่มที่พอหาได้แถวนั้นไปคลุมนางไว้ ทีนี้พอเจ้าคะซุเกะเมาได้ที่มันก็คลานเข้าไปในผ้าห่ม และเมื่อโดนเนื้อนิ่ม ๆ มันก็กอดเข้าให้ นางโอะมะกิรู้สึกตัวก็โกรธและโวยวายเสียงดังขรมถมเถ วงเหล้าแตกกระจาย ทุกคนในร้านแห่มาดูเหตุการณ์กันหน้าสลอน แล้วมันจะเหลืออะไร เรื่องแดงออกมาขนาดนี้จะปิดเป็นความลับไว้ได้ยังไงกัน หัวหน้าเสมียนดันเป็นชู้กับเมียเจ้าของร้านขายขี้หน้าออกอย่างนี้แล้ว จะแบกหน้าไปบริหารกิจการของร้านได้ยังไง เจ้าคะซุเกะถูกไล่ออกจากร้านทันที ตรงนี้แหละที่เซ็นคิจิกับบุนโซเสมียนฝึกหัดอายุแค่สิบสองสิบสามที่ไม่ได้ดื่มเหล้าเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า พอคะซุเกะเมาได้ที่แล้วล้มตัวลงนอนกลิ้งไปกับพื้น โยะชิโอะกับชูซะกุก็เข้าไปบอกว่า หัวหน้ามานอนกลิ้งอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก เจ้าโชเฮมันเมาหลับนอนห่มผ้าอยู่ในห้องเล็กนั่น หัวหน้าเข้าไปนอนห่มผ้าอุ่น ๆ กับมันดีกว่า นั่นแปลว่าเจ้าสองคนนั่นหลอกให้คะซุเกะคิดว่าคนที่อยู่ในผ้าห่มเป็นเจ้าหนุ่มโชเฮ ทั้ง ๆ ที่เจ้าเสมียนหนุ่มน้อยคนนั้นขึ้นไปนอนแผ่หลาอยู่ในห้องของมันที่ชั้นบนของร้านเรียบร้อยแล้ว และไอ้การที่นางโอะมะกิเมาหลับอยู่ในห้องข้าง ๆ ไม่กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองบนเรือนเล็กก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ได้เตี๊ยมกันไว้เป็นอย่างดีก็ได้”
ตรงนี้แหละสำคัญมาก หากเป็นเช่นนั้นจริง การที่โทเบเรียกเจ้าคะซุเกะขึ้นไปหาก่อนที่เขาจะถึงวาระสุดท้ายนั้นจะต้องมีความหมายมากทีเดียว คือถ้ามองว่าที่โทเบเรียกหานั้นเป็นเพราะเขาเกิดเสียใจที่ไล่หัวหน้าเสมียนคนขยันผู้ซื่อสัตย์คนนี้ออกจากงานอย่างไม่มีเยื่อใย และหลังจากคุยอะไรกันลับ ๆ แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้ ก็แน่นอนว่าทั้ง โอะมะกิ โยะชิโอะ และชูซะกุ จะต้องตกที่นั่งลำบากกันไปทั้งสามคน
ทว่าพอเรียกโอะชิโนะมาถามเพื่อยืนยันการมาของคะซุเกะ หล่อนก็บอกว่าอดีตหัวหน้าเสมียนคงเข้ามาทางประตูหลังและต้องไม่มีใครเห็นแน่ เพราะวันนั้นเป็นวันงานศาลเจ้า ทุกคนที่ร้านยุ่งกันไปหมดไม่มีใครทิ้งร้านออกไปเที่ยวเดินเตร็ดเตร่ได้สักคน อีกทั้งโกดังสินค้าก็ตั้งอยู่ห่างจากตัวร้านลึกเข้าไปข้างใน และวันนั้นก็ไม่มีใครในร้านไปทำธุระอะไรที่โกดังสินค้าหรือที่ครัวด้วย เรือนเล็กของนางโอะมะกิเท่านั้นที่อยู่ติดกับโกดัง นางอาจเห็นคะซุเกะก็ได้ แต่ถ้านางอยู่ในห้องส่วนตัวตอนที่เขาเข้าไปในโกดังนางก็ไม่มีทางเห็นเพราะมันคนละทิศทางกัน
“เอาละพอแล้ว พอคะซุเกะมาถึงเราก็จะได้รู้กันว่าใครเห็นเขาบ้าง ระว่างที่รอฉันอยากคุยกับคุณนายโอะมะกิ เจ้าไปเรียกมาทีเถิด”
และแล้วคมมีดอันเฉียบแหลมของนักสืบหนุ่มรูปงามก็จรดลงที่หัวใจของปริศนา นางโอะมะกิอายุ 28 เป็นนางบำเรอที่นายโทเบได้จากสถานเริงรมย์ที่ย่านยะนะงิบะชิและเอาเข้าบ้านหลังเมียตาย นางเป็นหญิงงามเฉิดฉายจริงดังที่นักข่าวหนังสือพิมพ์โปรยพาดหัวเอาไว้ นางมีจริตจะก้านแพรวพราวดีแท้ ทรวดทรงองค์เอวหรือก็เย้ายวนตาไม่น้อย นางมาพบกับนักสืบเอกด้วยใบหน้าอิดโรยจากฤทธิ์เหล้าสาเกเมื่อคืนก่อนบวกความตื่นตระหนกจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ แม้จะพยายามกลบเกลื่อนด้วยการพอกเครื่องสำอางไว้หนาก็ตาม
ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายชะม้อยชะม้ายตายิ้มหวานหว่านเสน่ห์ใส่นักสืบหนุ่มขณะน้อมศีรษะคำนับด้วยท่าทีอ่อนระทวย
“อ้อ คุณนาย ฉันเสียใจด้วยนะที่เกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้ ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้หลังจากที่นายคะซุเกะมาคุยอะไรกับนายท่านที่นี่แล้วกลับออกไป ท่านก็เรียกเธอกับนายโยะชิโอะให้ขึ้นไปพบใช่ไหม”
“เอ๊ะ”
นางโอะมะกิอุทานแล้วพูดเสียงดังเหมือนตะโกนว่า
“เมื่อคืนนายคะซุเกะมาที่นี่หรือคะ ถ้าอย่างนั้นนายนั่นต้องเป็นคนฆ่าท่านแน่ ๆ ใช่แน่ค่ะคุณ”
“ทำไมเธอจึงคิดว่านายคะซุเกะฆ่าท่านล่ะ”
“คะซุเกะแน่ค่ะ เพราะไม่มีใครเกลียดชังนายท่านนอกจากหมอนั่นคนเดียว มันเป็นหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้เต็มตัวเลยละค่ะ”
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจะสอบปากคำนายคะซุเกะเองโดยตรง แต่ที่ฉันอยากรู้ตอนนี้ก็คือ เธอกับนายโยะชิโอะไปที่โกดังสินค้าประมาณสักกี่ทุ่ม”
“คิดว่าก่อนสี่ทุ่มค่ะ ดิฉันก็จำไม่ค่อยได้แต่ที่แน่ ๆ คือกำลังจะออกไปดูการแสดงของเอ็นโชนักเล่าเรื่องขำขันน่ะค่ะ”
“เธอไปดูการแสดงมหรสพทุกวันเลยรึ”
“ไม่หรอกค่ะ เพิ่งคิดจะไปดูเมื่อคืนเป็นครั้งแรก ดิฉันไม่ค่อยชอบดูมหรสพอะไรแบบนั้นนักหรอกค่ะ”
“นายท่านพูดอะไรกับเธอรึ”
“เรื่องที่ท่านจะให้นายโยะชิโอะเป็นคนรับมรดกน่ะค่ะ คุณหนูอะยะลูกสาวคนเดียวของท่านเป็นวัณโรคอยู่ ก็เป็นธรรมดาค่ะที่จะไม่มีพวกแม่สื่อมาขอดูตัวสู่ขอหรืออะไร นายโยะชิโอะเป็นหลานสายตรงนายท่านก็เลยคิดที่จะให้แต่งงานมีฝั่งมีฝาสืบสกุลต่อไป ซึ่งดิฉันก็คิดว่าดีและเห็นด้วยค่ะ”
“ดีนะ นอกจากเรื่องนี้แล้วมีอะไรอีกไหม”
“ไม่มีค่ะ ท่านพูดกับเราแค่นั้น”
“ไม่น่าจะแค่นั้นนะ เพราะฉันรู้มาว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตัวเธอ นี่ไง...ใบหย่าฉบับนี้ระบุชัดเจนว่าคุณโทเบขอหย่าขาดจากเธอ ลงวันที่เมื่อวานนี้”
นางโอะมะกิหน้าถอดสี
“อะไรกัน คุณไปเอากระดาษบ้า ๆ นั่นมาจากไหน”
“จากถังผงในห้องเธอน่ะซี”
นางโอะมะกิร้องไห้กระซิก ยกนิ้วขึ้นกั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้พรั่งพรูลงมา
“ดิฉันเป็นผู้หญิงที่น่าสมเพชเหลือเกิน สู้อุตส่าห์ปรนนิบัติท่านด้วยความจงรักภักดีและท่านก็ไว้เนื้อเชื่อใจให้ความรักและเอ็นดู แต่ความที่เป็นผู้หญิงที่เติบโตมาในซ่องนางโลมจึงเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของพวกผู้ลากมากดี เอาเรื่องของดิฉันไปใส่ร้ายป้ายสีซุบซิบนินทากันไปทั่ว และนี่ก็เหมือนกัน ต้องมีใครสักคนเอาสิ่งร้ายกาจนี่มาทิ้งไว้ในห้องดิฉัน ดิฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่จะต้องมีใจประสงค์ร้ายต่อดิฉันแน่ ๆ ถึงกับวางแผนให้ใคร ๆ เชื่อกันว่าดิฉันถูกนายท่านหย่าขาดและจะกลายเป็นผู้หญิงข้างถนน จะบอกให้ว่าเรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ดิฉันไม่สะดุ้งสะเทือนสักเท่าไรหรอก เพียงแต่ดิฉันอยากรู้นักว่าใครกันที่ร้ายกาจกับดิฉันได้ถึงเพียงนี้”
“ที่บ้านนี้ ฉันเห็นว่าคนที่จะทำอย่างนั้นได้ก็เห็นจะมีแต่ นายโยะชิโอะ กับ นายชูซะกุ สองคนเท่านั้นนะ”
“ไม่ใช่ค่ะคุณ คนที่จะทำอย่างนี้ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในบ้าน คนข้างนอกก็ลอบเข้ามาได้หรือไม่ก็จ้างวานใครให้เข้ามาทำชั่ว ๆ แบบนี้”
“แต่มีคนเห็นเธอลงมาจากโกดังแล้วตรงเข้าไปในครัวรินเหล้าสาเกจากกระปุกดื่มเข้าไปตั้งหกเจ็ดจอก เสร็จแล้วกลับขึ้นไปเอะอะเอ็ดตะโรอะไรกับนายท่านที่ชั้นสองของโกดังราวสิบหรือยี่สิบนาที หรือว่าไม่ใช่”
“บอกตรง ๆ เลยว่าดิฉันเป็นนักดื่ม และก่อนนอนดิฉันจะดื่มเหล้าสาเกเป็นประจำ เมื่อวานพอดื่มได้ที่แล้วก็คิดว่าขึ้นไปดูนายท่านที่ห้องสักหน่อยคงจะดี ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองอะไรท่านสักนิดเดียวเลยละค่ะ แต่พอไปถึงก็พบว่าท่านปิดประตูใส่กลอนนอนหลับไปเสียแล้ว แต่ความที่เมาดิฉันจึงทุบประตูและร้องเรียกนายท่านเสียงขรม นายโยะชิโอะได้ยินเข้าจึงมาห้ามแล้วดุว่าท่านนอนแล้วอย่ามาทำเสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่นี่ ก็เป็นอันว่าดิฉันไม่ได้เข้าไปในห้องท่าน แต่กลับไปที่ห้องส่วนตัวบนเรือนเล็กแล้วนอนหลับไปค่ะ”
ไม่ว่าจะโดนถามโดนรุกต้อนให้จนมุมแค่ไหนนางก็แก้ตัวหลุดได้เป็นเปราะ ๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นหญิงหัวไวเชิงฉลาดแกมโกงอย่างร้ายคนหนึ่ง และถึงมีหลักฐานที่น่าจะมัดตัวชนิดดิ้นไม่หลุด นางก็ยังหาทางลื่นไหลออกไปจนได้ ไม่มีวันที่จะทอดตัวลงแทบเท้าร่ำไห้ฟูมฟายว่าดิฉันผิดไปแล้ว ขนาดนักสืบเอกอย่างชินจูโรเจอกลเม็ดเด็ดพรายของนางเข้ายังถึงกับต้องวางมือเอาไว้แต่เพียงแค่นี้
(โปรดติดตามตอนต่อไป...)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
3
พอเสร็จจากการซักถามสาวใช้และเสมียนวัยรุ่น ฮะนะโนะยะ อิงงะ ก็ยิ้มระรื่นด้วยความพอใจพลางบิดปลายหนวดที่ขลิบแต่งไว้เรียวงาม ปรายตาไปทางนักดาบร่างใหญ่คู่ปรับขณะเปรยกับชินจูโรว่า
“หนุ่ม ๆ บ้านนี้ช่างเจ้าสำราญกันเหลือเกิน แต่ละคนมีเกอิชาสำนักโยะชิฮะระเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้วทั้งนั้น เจ้าโยะชิโอะตัวดีที่ว่ามีอะไร ๆ กับแม่โอะมะกินั่นน่ะ ก็เป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้วกับนางโคะเซ็นเกอิชาโฉมงามดาวรุ่งแห่งสำนักเริงรมย์ โยะชิวะระ และที่เจ้าหนุ่มเข้าไปลอยหน้าลอยตาอยู่ในนั้นได้ก็เพราะอาศัยบารมีของครูสอนร้องเพลง ส่วนเจ้าชูซะกุรูปหล่อนั่นก็ไม่เบา มีเกอิชาชื่อนางฮินะงิคุเป็นคู่คนหนึ่งแล้วยังมีใจให้กับสาวน้อยนักขับลำนำอีกคน ผมบอกแล้วคุณจะตกใจ เพราะขนาดเจ้าคินจิวัยรุ่นอายุสิบแปดนั่นก็ยังมีดีกับนางหนูมะเมะยักโกะเกอิชาฝึกหัด เจ้าโชเฮอายุสิบเจ็ดนั่นบินสูงกว่าใคร ๆ มันไปเป็นยอดขมองอิ่มของนางโซะเมะมะรุ เกอิชารุ่นพี่ใหญ่เลยละคุณ ยิ่งซักก็ยิ่งได้เรื่อง นางสาวใช้สองคนนั่นช่างพูดได้พูดดีไม่รู้จบ แต่ที่น่าเป็นไปได้ที่สุดคือเรื่องที่ว่าโยะชิโอะกับชูซะกุไม่ชอบหน้าคะซุเกะอดีตหัวหน้าเสมียน จึงร่วมมือกันวางกับดักให้ต้องถูกไล่ออกน่ะครับ”
โทระโนะซุเกะ ทำหน้างอเมื่อได้ยินนักสืบบ้านนอกรายงานอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ถ้าเอาอะไรที่เขาเดากันผิด ๆ ถูก ๆ มาคิดเป็นเรื่องจริงจังอย่างนี้ละก็ คุณไม่มีทางถอดรหัสคดีได้อย่างสมศักดิ์ศรีของนักสืบเอกหรอกนะ จะบอกให้”
“นั่นมันความคิดตื้น ๆ ของนักดาบขี้เท่ออย่างคุณผมไม่เกี่ยว เรื่องที่ผมพูดทั้งหมดนั่น ผมได้ยินมากับหูจากคำบอกเล่าของเซ็นคิจิ บุนโซ และฮิโกะทะโร เสมียนหนุ่มของที่นี่เลยทีเดียว นายโทเบเจ้าของบ้านไล่คะซุเกะที่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นชู้กับนางโอะมะกิออกจากบ้านเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม วันนั้นเป็นวันเทศกาลฉลองเด็กผู้ชาย ทางร้านจึงจัดเหล้าสาเกให้ดื่มกัน พวกหนุ่ม ๆ จึงดื่มฉลองกันเสียจนเมามาย นางโอะมะกิเข้ามาร่วมดื่มเฮฮาไปกับพวกผู้ชายจนเมาพับไปเป็นคนแรก แล้วก็เข้าไปนอนหลับกลิ้งไม่ได้สติอยู่บนพื้นเสื่อห้องข้าง ๆ นั้นไม่กลับไปห้องนอนของตนที่เรือนเล็ก ใครไม่รู้เอาผ้าห่มที่พอหาได้แถวนั้นไปคลุมนางไว้ ทีนี้พอเจ้าคะซุเกะเมาได้ที่มันก็คลานเข้าไปในผ้าห่ม และเมื่อโดนเนื้อนิ่ม ๆ มันก็กอดเข้าให้ นางโอะมะกิรู้สึกตัวก็โกรธและโวยวายเสียงดังขรมถมเถ วงเหล้าแตกกระจาย ทุกคนในร้านแห่มาดูเหตุการณ์กันหน้าสลอน แล้วมันจะเหลืออะไร เรื่องแดงออกมาขนาดนี้จะปิดเป็นความลับไว้ได้ยังไงกัน หัวหน้าเสมียนดันเป็นชู้กับเมียเจ้าของร้านขายขี้หน้าออกอย่างนี้แล้ว จะแบกหน้าไปบริหารกิจการของร้านได้ยังไง เจ้าคะซุเกะถูกไล่ออกจากร้านทันที ตรงนี้แหละที่เซ็นคิจิกับบุนโซเสมียนฝึกหัดอายุแค่สิบสองสิบสามที่ไม่ได้ดื่มเหล้าเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า พอคะซุเกะเมาได้ที่แล้วล้มตัวลงนอนกลิ้งไปกับพื้น โยะชิโอะกับชูซะกุก็เข้าไปบอกว่า หัวหน้ามานอนกลิ้งอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก เจ้าโชเฮมันเมาหลับนอนห่มผ้าอยู่ในห้องเล็กนั่น หัวหน้าเข้าไปนอนห่มผ้าอุ่น ๆ กับมันดีกว่า นั่นแปลว่าเจ้าสองคนนั่นหลอกให้คะซุเกะคิดว่าคนที่อยู่ในผ้าห่มเป็นเจ้าหนุ่มโชเฮ ทั้ง ๆ ที่เจ้าเสมียนหนุ่มน้อยคนนั้นขึ้นไปนอนแผ่หลาอยู่ในห้องของมันที่ชั้นบนของร้านเรียบร้อยแล้ว และไอ้การที่นางโอะมะกิเมาหลับอยู่ในห้องข้าง ๆ ไม่กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองบนเรือนเล็กก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ได้เตี๊ยมกันไว้เป็นอย่างดีก็ได้”
ตรงนี้แหละสำคัญมาก หากเป็นเช่นนั้นจริง การที่โทเบเรียกเจ้าคะซุเกะขึ้นไปหาก่อนที่เขาจะถึงวาระสุดท้ายนั้นจะต้องมีความหมายมากทีเดียว คือถ้ามองว่าที่โทเบเรียกหานั้นเป็นเพราะเขาเกิดเสียใจที่ไล่หัวหน้าเสมียนคนขยันผู้ซื่อสัตย์คนนี้ออกจากงานอย่างไม่มีเยื่อใย และหลังจากคุยอะไรกันลับ ๆ แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้ ก็แน่นอนว่าทั้ง โอะมะกิ โยะชิโอะ และชูซะกุ จะต้องตกที่นั่งลำบากกันไปทั้งสามคน
ทว่าพอเรียกโอะชิโนะมาถามเพื่อยืนยันการมาของคะซุเกะ หล่อนก็บอกว่าอดีตหัวหน้าเสมียนคงเข้ามาทางประตูหลังและต้องไม่มีใครเห็นแน่ เพราะวันนั้นเป็นวันงานศาลเจ้า ทุกคนที่ร้านยุ่งกันไปหมดไม่มีใครทิ้งร้านออกไปเที่ยวเดินเตร็ดเตร่ได้สักคน อีกทั้งโกดังสินค้าก็ตั้งอยู่ห่างจากตัวร้านลึกเข้าไปข้างใน และวันนั้นก็ไม่มีใครในร้านไปทำธุระอะไรที่โกดังสินค้าหรือที่ครัวด้วย เรือนเล็กของนางโอะมะกิเท่านั้นที่อยู่ติดกับโกดัง นางอาจเห็นคะซุเกะก็ได้ แต่ถ้านางอยู่ในห้องส่วนตัวตอนที่เขาเข้าไปในโกดังนางก็ไม่มีทางเห็นเพราะมันคนละทิศทางกัน
“เอาละพอแล้ว พอคะซุเกะมาถึงเราก็จะได้รู้กันว่าใครเห็นเขาบ้าง ระว่างที่รอฉันอยากคุยกับคุณนายโอะมะกิ เจ้าไปเรียกมาทีเถิด”
และแล้วคมมีดอันเฉียบแหลมของนักสืบหนุ่มรูปงามก็จรดลงที่หัวใจของปริศนา นางโอะมะกิอายุ 28 เป็นนางบำเรอที่นายโทเบได้จากสถานเริงรมย์ที่ย่านยะนะงิบะชิและเอาเข้าบ้านหลังเมียตาย นางเป็นหญิงงามเฉิดฉายจริงดังที่นักข่าวหนังสือพิมพ์โปรยพาดหัวเอาไว้ นางมีจริตจะก้านแพรวพราวดีแท้ ทรวดทรงองค์เอวหรือก็เย้ายวนตาไม่น้อย นางมาพบกับนักสืบเอกด้วยใบหน้าอิดโรยจากฤทธิ์เหล้าสาเกเมื่อคืนก่อนบวกความตื่นตระหนกจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ แม้จะพยายามกลบเกลื่อนด้วยการพอกเครื่องสำอางไว้หนาก็ตาม
ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายชะม้อยชะม้ายตายิ้มหวานหว่านเสน่ห์ใส่นักสืบหนุ่มขณะน้อมศีรษะคำนับด้วยท่าทีอ่อนระทวย
“อ้อ คุณนาย ฉันเสียใจด้วยนะที่เกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้ ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้หลังจากที่นายคะซุเกะมาคุยอะไรกับนายท่านที่นี่แล้วกลับออกไป ท่านก็เรียกเธอกับนายโยะชิโอะให้ขึ้นไปพบใช่ไหม”
“เอ๊ะ”
นางโอะมะกิอุทานแล้วพูดเสียงดังเหมือนตะโกนว่า
“เมื่อคืนนายคะซุเกะมาที่นี่หรือคะ ถ้าอย่างนั้นนายนั่นต้องเป็นคนฆ่าท่านแน่ ๆ ใช่แน่ค่ะคุณ”
“ทำไมเธอจึงคิดว่านายคะซุเกะฆ่าท่านล่ะ”
“คะซุเกะแน่ค่ะ เพราะไม่มีใครเกลียดชังนายท่านนอกจากหมอนั่นคนเดียว มันเป็นหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้เต็มตัวเลยละค่ะ”
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจะสอบปากคำนายคะซุเกะเองโดยตรง แต่ที่ฉันอยากรู้ตอนนี้ก็คือ เธอกับนายโยะชิโอะไปที่โกดังสินค้าประมาณสักกี่ทุ่ม”
“คิดว่าก่อนสี่ทุ่มค่ะ ดิฉันก็จำไม่ค่อยได้แต่ที่แน่ ๆ คือกำลังจะออกไปดูการแสดงของเอ็นโชนักเล่าเรื่องขำขันน่ะค่ะ”
“เธอไปดูการแสดงมหรสพทุกวันเลยรึ”
“ไม่หรอกค่ะ เพิ่งคิดจะไปดูเมื่อคืนเป็นครั้งแรก ดิฉันไม่ค่อยชอบดูมหรสพอะไรแบบนั้นนักหรอกค่ะ”
“นายท่านพูดอะไรกับเธอรึ”
“เรื่องที่ท่านจะให้นายโยะชิโอะเป็นคนรับมรดกน่ะค่ะ คุณหนูอะยะลูกสาวคนเดียวของท่านเป็นวัณโรคอยู่ ก็เป็นธรรมดาค่ะที่จะไม่มีพวกแม่สื่อมาขอดูตัวสู่ขอหรืออะไร นายโยะชิโอะเป็นหลานสายตรงนายท่านก็เลยคิดที่จะให้แต่งงานมีฝั่งมีฝาสืบสกุลต่อไป ซึ่งดิฉันก็คิดว่าดีและเห็นด้วยค่ะ”
“ดีนะ นอกจากเรื่องนี้แล้วมีอะไรอีกไหม”
“ไม่มีค่ะ ท่านพูดกับเราแค่นั้น”
“ไม่น่าจะแค่นั้นนะ เพราะฉันรู้มาว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตัวเธอ นี่ไง...ใบหย่าฉบับนี้ระบุชัดเจนว่าคุณโทเบขอหย่าขาดจากเธอ ลงวันที่เมื่อวานนี้”
นางโอะมะกิหน้าถอดสี
“อะไรกัน คุณไปเอากระดาษบ้า ๆ นั่นมาจากไหน”
“จากถังผงในห้องเธอน่ะซี”
นางโอะมะกิร้องไห้กระซิก ยกนิ้วขึ้นกั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้พรั่งพรูลงมา
“ดิฉันเป็นผู้หญิงที่น่าสมเพชเหลือเกิน สู้อุตส่าห์ปรนนิบัติท่านด้วยความจงรักภักดีและท่านก็ไว้เนื้อเชื่อใจให้ความรักและเอ็นดู แต่ความที่เป็นผู้หญิงที่เติบโตมาในซ่องนางโลมจึงเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของพวกผู้ลากมากดี เอาเรื่องของดิฉันไปใส่ร้ายป้ายสีซุบซิบนินทากันไปทั่ว และนี่ก็เหมือนกัน ต้องมีใครสักคนเอาสิ่งร้ายกาจนี่มาทิ้งไว้ในห้องดิฉัน ดิฉันไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่จะต้องมีใจประสงค์ร้ายต่อดิฉันแน่ ๆ ถึงกับวางแผนให้ใคร ๆ เชื่อกันว่าดิฉันถูกนายท่านหย่าขาดและจะกลายเป็นผู้หญิงข้างถนน จะบอกให้ว่าเรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ดิฉันไม่สะดุ้งสะเทือนสักเท่าไรหรอก เพียงแต่ดิฉันอยากรู้นักว่าใครกันที่ร้ายกาจกับดิฉันได้ถึงเพียงนี้”
“ที่บ้านนี้ ฉันเห็นว่าคนที่จะทำอย่างนั้นได้ก็เห็นจะมีแต่ นายโยะชิโอะ กับ นายชูซะกุ สองคนเท่านั้นนะ”
“ไม่ใช่ค่ะคุณ คนที่จะทำอย่างนี้ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในบ้าน คนข้างนอกก็ลอบเข้ามาได้หรือไม่ก็จ้างวานใครให้เข้ามาทำชั่ว ๆ แบบนี้”
“แต่มีคนเห็นเธอลงมาจากโกดังแล้วตรงเข้าไปในครัวรินเหล้าสาเกจากกระปุกดื่มเข้าไปตั้งหกเจ็ดจอก เสร็จแล้วกลับขึ้นไปเอะอะเอ็ดตะโรอะไรกับนายท่านที่ชั้นสองของโกดังราวสิบหรือยี่สิบนาที หรือว่าไม่ใช่”
“บอกตรง ๆ เลยว่าดิฉันเป็นนักดื่ม และก่อนนอนดิฉันจะดื่มเหล้าสาเกเป็นประจำ เมื่อวานพอดื่มได้ที่แล้วก็คิดว่าขึ้นไปดูนายท่านที่ห้องสักหน่อยคงจะดี ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองอะไรท่านสักนิดเดียวเลยละค่ะ แต่พอไปถึงก็พบว่าท่านปิดประตูใส่กลอนนอนหลับไปเสียแล้ว แต่ความที่เมาดิฉันจึงทุบประตูและร้องเรียกนายท่านเสียงขรม นายโยะชิโอะได้ยินเข้าจึงมาห้ามแล้วดุว่าท่านนอนแล้วอย่ามาทำเสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่นี่ ก็เป็นอันว่าดิฉันไม่ได้เข้าไปในห้องท่าน แต่กลับไปที่ห้องส่วนตัวบนเรือนเล็กแล้วนอนหลับไปค่ะ”
ไม่ว่าจะโดนถามโดนรุกต้อนให้จนมุมแค่ไหนนางก็แก้ตัวหลุดได้เป็นเปราะ ๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นหญิงหัวไวเชิงฉลาดแกมโกงอย่างร้ายคนหนึ่ง และถึงมีหลักฐานที่น่าจะมัดตัวชนิดดิ้นไม่หลุด นางก็ยังหาทางลื่นไหลออกไปจนได้ ไม่มีวันที่จะทอดตัวลงแทบเท้าร่ำไห้ฟูมฟายว่าดิฉันผิดไปแล้ว ขนาดนักสืบเอกอย่างชินจูโรเจอกลเม็ดเด็ดพรายของนางเข้ายังถึงกับต้องวางมือเอาไว้แต่เพียงแค่นี้
(โปรดติดตามตอนต่อไป...)