xs
xsm
sm
md
lg

ลีลาศฆาตกรรม จากแฟ้มสืบสวนคดีฆาตกรรมอำพรางยุคปฏิรูปเมจิ(ตอนที่ 4)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บรรยากาศของงานเต้นรำในวงสังคมชั้นสูงสมัยเมจิ ที่โระคุเมคัน
จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์

4

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ นายของพวกเรามีธรรมเนียมที่แปลกกว่าคนอื่น ๆ คือเวลามีงานเลี้ยงสำคัญ ๆ ท่านจะรับประทานข้าวก่อนแล้วจึงออกไปงาน ท้องจะได้ไม่ว่างและไม่เมามากไงล่ะเจ้าคะ”

“เข้าใจแล้ว คนชั้นสูงระดับนี้ต้องมีการเตรียมตัวเตรียมใจที่แตกต่างจากพวกเรามากเลย”

ชินจูโรพยักหน้าอย่างพอใจ โอะคินุหน้าแดงเรื่อราวกับการพยักหน้านั้นคือคำชมของหนุ่มรูปงามผู้นี้

“คืนนี้ท่านรับประทานอะไรหรือ”

“ตามปกติในครัวจะเตรียมอาหารไว้หลายอย่างนะเจ้าคะ มีทั้งปลาไหลย่าง ปลาดิบ ปลาอะยุ และอาหารฝรั่ง แต่ก็อย่างนี้แหละค่ะ เวลารีบ ๆ ท่านจะทานแต่ข้าวซาวน้ำชากับบ๊วยดองหกเจ็ดเม็ด ท่านชอบบ๊วยดองมาก ต้องให้เราสั่งซื้อบ๊วยดองค้างปีของชาวไร่ที่โอะดะวะระมาตุนเอาไว้ไม่ให้ขาดมือได้เลยเจ้าค่ะ”

ในโถใส่บ๊วยดองที่วางไว้บนถาดอาหารของโกะเฮเป็นเครื่องลายครามราชวงศ์หมิงซึ่งมีราคาแพงมาก ยังมีลูกบ๊วยดองลูกโตขนาดเท่า ๆ กันซึ่งดูแล้วน่าจะมีอายุหลายสิบปีเหลืออยู่ 6 ลูก

เมื่อเสร็จจากการสอบปากคำคนในบ้านและเดินผ่านออกมาจากซุ้มประตูใหญ่ โทระโนะซุเกะซึ่งสะกดกลั้นความยินดีปรีดาอยู่เต็มอกเอาไว้นานก็กระทุ้งสีข้างฮะนะโนะยะแล้วบุ้ยไปทางชินจูโรที่เดินคล้อยหลังไป

“ฮะฮ้า คิดแล้วเชียวว่าต้องเป็นอย่างนี้ คุณสันนิษฐานรูปคดีผิดหมดเลย” นักดาบร่างใหญ่เยาะเย้ย “ไม่ไหวละ ผมไปก่อนดีกว่า” แล้วก็หัวเราะหนักขึ้นไปอีก

“ดูไม่ได้...คนอะไรหัวเราะได้น่าเกลียดเหลือเกิน เหมือนม้ากรามหักไม่มีผิด คุณต่างหากที่คิดผิด เห็นวางท่าครุ่นคิดแทบเป็นแทบตาย เชอะ...ไม่เห็นจะเข้าเรื่องเลยสักนิด” อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้

โทระโนะซุเกะหัวเราะเหมือนคนกินเห็ดเมาเข้าไป หน้าตาท่าทางดูไม่ได้เลยจริง ๆ

“ผมไปก่อนละ ฮะ..ฮะ...ฮะ” ว่าแล้วก็ออกวิ่งอย่างเริงร่าไปทางไหนไม่รู้ได้

ชินจูโรบอกกับจ่าชิกะโซว่า

“คุณจ่าช่วยไปที่ร้านยูสึกิแห่งคะระซุโมะริแล้วสอบถามคนที่นั่นซิว่าคุณคะโนได้พบกับใครบ้าง เสร็จแล้ว...นี่คงจะยากสักหน่อย คืออยากให้คุณจ่าสืบพฤติกรรมของคุณนายคะโนมาให้ละเอียด”

ฮะนะโนะยะได้ยินเข้าก็ยิ้มย่อง

“ให้ตายเถอะ นึกแล้วเชียวว่าท่านอาจารย์จะต้องจับตามองไปในแนวนี้ นายโทะระเขาสงสัยคุณทะโดะโคะโระซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ สติปัญญาของนายคนนี้...ขอโทษนะครับ...ตื้นเขินมาก ส่วนผมแนวอาจารย์เลย คือจับตามองไปที่จุดนั้น”

ชินจูโรกลั้นหัวเราะ

“จุดนั้นน่ะ จุดไหนครับ”

“ก็จุดนั้นไง จุดคลี่คลายคดีที่อาจารย์ชี้ได้อย่างตรงเผงน่ะ”

“จุดที่ผมชี้อยู่ตรงไหนหรือครับ”

“ก็...ก็ตรงนั้นไงล่ะ ตรงที่อาจารย์ชี้น่ะครับ ผมหมายถึงพฤติกรรมของคุณนายคะโนไง...ใช่ไหม ทูตฟรังเก็นครับ นายนั่นคือฆาตกรตัวจริง แต่แรกผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่ามันแปลกเพราะแผลที่สีข้างคุณคะโนน่ะลึกเกินกว่าจะเป็นแผลถูกมีดขว้างมาจากที่ไกล นั่นเป็นเพราะนึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นมีดของฝรั่ง เทคนิคเรื่องมีดของเขาต่างจากของเรา ผมมองว่าทูต ฟรังเก็นนั้นดูเป็นคนนิสัยดีก็จริง แต่เขาอาจเป็นนักขว้างมีดมือหนึ่งก็ได้ใครจะรู้ใช่ไหมครับ”
*

โทระโนะซุเกะถอนหายใจโล่งอกหลังจากนั่งสำรวมกิริยาเป็นอย่างดีต่อหน้าไคชูและพยายามเล่าเรื่องเรียงลำดับขั้นตอนไม่ให้คนฟังสับสนตั้งแต่ต้นจนจบ
โระคุเมคัน** อาคารที่รัฐบาลเมจิสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานรับรองแขก ของรัฐบาลและสถานลีลาศเชื่อมความสัมพันธ์ทางการทูต
คราวนี้ก็มาถึงตัวปัญหาละ ความอับจนที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ไม่ใช่เพราะถูกฮะนะโนะยะถากถางเอาต่อหน้าต่อตาอย่างเดียว แต่เพราะรู้ตัวว่าตนเองคาดเดารูปคดีผิดไปจริง ๆ อย่างที่คิดว่าไม่น่าพลาดเลย เขาได้แต่หวังว่าเมื่อท่านไคชูฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วคงจะช่วยปรับแนวคิดของเขาให้ตรงประเด็นขึ้นเช่นเคย โทระโนะซุเกะทำหน้ายุ่งยากขณะพูดต่อว่า

“คนที่อยู่ใกล้กับคุณโกะเฮก่อนตายนั้นมีท่านนายกคนเดียว หลังจากพูดกันสองสามคำคุณโคเฮก็เดินไปที่คุณนายอะสึโกะที่กำลังเต้นรำอยู่กับทูตฟรังเก็นแล้วก็กลับมาโดยไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พอท่านนายกเดินจากไปได้สองสามนาทีเท่านั้นเอง คุณโกะเฮก็ซวนเซและคุณทะโดะโคะโระก็กระโดดเข้ามารับไว้ทันก่อนที่จะล้มลงไป ก่อนหน้าที่คุณโกะเฮจะซวนเซนั้นไม่มีใครเข้าไปใกล้เขาเลยนะขอรับ ท่านนายกผละจากไปได้สองสามนาทีคุณหนูโอะริเอะก็เป็นลมล้มลงไป คนที่ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนหันไปทางที่เกิดเหตุขว้างมีดสังหารคุณโกะเฮนั้นไม่มีใครอื่นนอกจากคุณทะโดะโคะโระ เขาคือฆาตกรตัวจริงขอรับ คนที่อยู่ใกล้ที่สุดในทิศทางที่มีดพุ่งมานั้นคือคุณทะโดะโคะโระ ถัดออกไปนิดหนึ่งคือทูตฟรังเก็นซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถขว้างมีดมาได้เพราะมีคุณทะโดะโคะโระขวางอยู่ และที่เขาวิ่งเข้าไปประคองคุณโกะเฮไม่ให้ล้มลงไปนั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นคนแทงเพราะอยู่ห่างออกไป แต่ถึงจะพยายามพรางตาให้เห็นเป็นเช่นนั้นนายคนนี้ก็พลาดจนได้ เพราะในเมื่อเขาเป็นคนเดียวที่เห็นคุณโกะเฮซวนเซจะล้มลง ถ้ามีใครขว้างมีดมาจริง ๆ คน ๆ นั้นก็จะไม่ลอดสายตาเขาไปได้จริงไหมขอรับ”

ไคชูเปิดลิ้นชักข้างใต้ถาดวางบุหรี่หยิบมีดออกมา ดึงหินลับมีดเข้ามาใกล้ เทน้ำลงไปจนชุ่มแล้วเริ่มลับมีดเล่มนั้น หินลับมีดกับมีดเป็นสิ่งจำเป็นที่เขาวางไว้ข้างตัวเสมอ ท่านผู้ทรงคุณวุฒิผู้นี้จะใช้มีดที่ลับจนคมกริบกรีดนิ้วและศีรษะไล่เลือดร้ายออกจากตัวตามวิธีบำบัดรักษาทางการแพทย์ร่วมสมัย

“แต่สิ่งที่ทำให้กระผมคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วที่ไปชี้ว่าคุณทะโดะโคะโระเป็นฆาตกรตัวจริง ก็คือข้อเท็จจริงที่ผมสอบถามมาได้จากบรรดาญาติสนิทมิตรสหายของเขา ซึ่งมันค้านกันจนทำให้คิดว่าเขาจะเป็นฆาตกรไปได้อย่างไรขอรับ คุณทะโดะโคะโระที่ผมได้ยินมาเป็นคนขี้ขลาดมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีศิลปะการต่อสู้ใด ๆ ติดตัวเลยแม้แต่เรื่องหมัด ๆ มวย ๆ ยิ่งเรื่องฝีมือดาบนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยขอรับ แล้วอย่างนี้กระผมจะทำยังไงดี”

นั่นคือต้นเหตุที่ทำให้โทระโนะซุเกะเป็นทุกข์อยู่จนบัดนี้ มันทำให้หงุดหงิด ทรมานใจยิ่งนัก ไคชูหยุดมือที่กำลังลับมีด

“มะซะฮิโกะ คันดะ ก็แต่งเป็นพระธุดงค์เหมือนกันนี่ ใช่ไหม”

“ใช่ขอรับ แต่คุณคันดะยืนอยู่ติดผนังห้องไกลออกไปทางด้านโน้น สนทนาอะไรอยู่กับเจ้าหน้าที่สถานทูตลูกน้องทูตฟรังเก็น”

“เอ็งเห็นอย่างนั้นรึ”

ไคชูลับมีดช้า ๆ จนเสร็จใช้มือข้างตรงข้ามกรีดคมมีดเข้าที่ท้ายทอยนิดหนึ่งแล้วใช้กระดาษเช็ดมือซับเลือดร้ายออกไป แล้วทำอย่างเดียวกันที่นิ้ว ท่านดูเหมือนจะใช้เวลาเค้นเลือดร้ายออกไปนั้นไตร่ตรองเกี่ยวกับความเป็นมาของคดีอย่างสุขุมรอบคอบ ไคชูเก็บมีดกับหินลับให้เข้าที่เข้าทางของมัน และเช็ดเลือดที่ยังซึมอยู่

“คนที่ทำอะไรตบตาให้ใคร ๆ เห็นเป็นอีกอย่างได้น่ะมันไม่ธรรมดา เจ้าโทะระ...สติปัญญาระดับเอ็งคงไม่เข้าใจหรอก คิดดูก็แล้วกันอยู่ ๆ วันนั้นคุณนายอะสึโกะก็กระตือรือร้นขึ้นมาเอาใจใส่เรื่องจับคู่แม่หนูโอะริเอะกับชาเมสรอสทั้ง ๆ ที่ปกตินางไม่ค่อยจะใยดีอะไรนัก ข้าว่าตรงนี้แหละที่มีแผนอะไรแอบแฝงอยู่ คุณนายอะสึโกะกับทูตฟรังเก็นต้องมีอะไรกันแน่ ข้าเองเคยพบและพูดคุยกับทูตฟรังเก็นสามสี่ครั้งรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนนิสัยดี มีความอารีอารอบ ใบหน้าโดยรวมทั้ง ตา จมูก ปาก ไม่ใช่ว่าจะหล่อเหลาคมสันแต่ดูเป็นคนใจดี มีอะไรคล้าย ๆ โรเปสปิแอร์นักปฏิวัติฝรั่งเศสคนนั้น คนหน้าตาเหมือนกันจิตวิญญาณย่อมเหมือนกันนะเอ็ง ที่ญี่ปุ่นเรามี ไซโต โดซัน แม่ทัพที่เขาเล่าลือกันว่าร้ายกาจเพราะเป็นคนฉลาดแกมโกงนั้นก็เป็นชายนิสัยดี หน้าตาไม่หล่อเหลาคมสันแต่เป็นคนใจดีเหมือนกัน คนที่เห็นพฤติกรรมของผู้คนมามาก ๆ อย่างข้าน่ะดูหน้าใครก็พอจะรู้หรอกนะว่าสามารถทำอะไรได้แค่ไหน เอ็งบอกว่าคุณนายอะสึโกะเต้นรำกับทูตฟรังเก็นใช่ไหม ดูเถอะช่างกล้าหาญชาญชัยเสียจริง ๆ คงมั่นใจมากเลยว่าต้องไม่มีใครล่วงรู้แผนที่วางไว้แน่ ๆ ข้าจะบอกให้คนที่ลงมือฆ่าคุณโกะเฮไม่ใช่ทูตฟรังเก็นและก็ไม่ใช่คุณนายอะสึโกะด้วย คนที่แทงคุณโกะเฮคือมะซะฮิโกะ คันดะ ในชุดพระธุดงค์คนนั้น”

ไคชูพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ เอากระดาษเช็ดมือเช็ดเลือดที่ยังไม่แห้งดีก่อนอธิบายเหตุผลต่อไป

“เอ็งอย่าลืมนาว่ามีคนสองคนแต่งชุดพระธุดงค์ และในเมื่อนายทะโดะโคะโระเป็นชู้รักของคุณนายอะสึโกะ จึงเป็นธรรมดาที่หล่อนจะต้องรู้ทันทีที่เห็นว่าคนแต่งแฟนซีพระธุดงค์นั่นคือใคร หรือบางทีหล่อนเองนั่นแหละที่แนะนำให้เขาแต่งชุดนั้น ข้าคิดว่าข้อใหญ่ใจความมันจะเป็นไปในทำนองนี้ละ ชุดพระธุดงค์สวมหมวกฟางหลุบหน้าซึ่งทำให้ไม่มีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ขณะที่ตัวเขาเองมองเห็นใคร ๆ ไปทั่วนั้นน่ะ เหมาะที่สุดสำหรับการฆาตกรรมในงานแต่งแฟนซีสวมหน้ากาก ซ้ำยังมีขลุ่ยให้เป่าอีก ฆาตกรคันดะซ่อนมีดที่พุ่งสังหารนายโกะเฮเอาไว้ในขลุ่ยอันนั้นแหละเอ็งรู้ไว้ นาย คันดะคนนี้เคยเป็นโจรสลัดมาก่อน ยังเคยมาเยี่ยมคำนับข้าสมัยที่ข้าเดินเรืออยู่เลย ต่อมาคันดะได้ฝึกฝนกลยุทธ์จนมีคุณสมบัติครบถ้วนสิบแปดประการตามวิถีแห่งนักรบ จึงได้เข้าไปมีตำแหน่งสำคัญในช่วงปลายสมัยการปกครองของรัฐบาลโชกุน นายคนนี้เป็นคนบูชาทรัพย์สินเงินทองเคยเป็นทั้งโจรสลัดและพ่อค้ามาแล้ว ถ้าเล่นการเมืองก็มีหวังได้เป็นนายก คนใจเหี้ยมหาญขนาดนี้การฆ่าใครสักคนคงไม่ต่างอะไรกับหักท่อนแตงกวาสักท่อนนึงหรอกนะเอ็ง เหตุผลของการที่อยู่ ๆ คุณนายอะสึก็หันมาทำท่าเข้าข้างนายชาเมรอสนั้นก็คือ หนึ่งเพื่อเป็นโอกาสให้ยายคุณหนูโอะริเอะนั่นอุ้มคนโทใส่งูเข้าไปในงาน สองเพื่อเบนจุดสนใจของชาเมรอสกับนายกโยะชิกิและพวกฝ่ายตรงข้ามทั้งหลายให้มาจดจ่ออยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างชาเมรอสกับนางหนูโอะริเอะ ทีนี้พอโอะริเอะเป็นลมล้มลงไปและผู้คนหันไปทางนั้น นายคันดะที่ยืนคอยโอกาสอยู่ก็ขว้างมีดเข้าเป้าทันที และบังเอิญนายทะโดะโคะโระในชุดพระธุดงค์เหมือนกันก็เป็นคนอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุที่สุดเสียด้วย ทั้งหมดเป็นแผนของคนกลุ่มนี้แหละ การมีคนแต่งชุดพระธุดงค์เหมือนกันสองคนทำให้อะไร ๆ มันง่ายเข้า งานลีลาศแฟนซีสวมหน้ากากตามปกติแขกที่มาในงานจะเต้นรำกันไปรอบ ๆ ไม่มีใครยืนอยู่นิ่ง ๆ หรอกนะ ดังนั้นจึงเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะบ่งชี้ว่าตอนเกิดเหตุใครยืนอยู่ตรงไหน เพราะทุกคนเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ที่ว่าตอนเกิดเหตุนายคันดะยืนอยู่ติดผนังห้องและกำลังคุยอยู่กับคนสถานทูตลูกน้องของทูตฟรังเก็นนั้นก็ไม่มีหลักฐานอะไรจะมายืนยันได้ใช่ไหม ถึงจะมีใครเห็นแต่ก็ไม่รู้ใครเป็นใครเพราะมีพระธุดงค์ใส่หมวกหลุบหน้าอยู่ถึงสองคน ทั้งหมดนั้นคือความเป็นจริงของคดีฆาตกรรมนายโกะเฮ แต่ข้าว่าคงจับฆาตกรตัวจริงไม่ได้หรอกเพราะไม่มีพยานหลักฐานซ้ำร้ายทูตฟรังเก็นยังสมรู้ร่วมคิดด้วยอย่างนั้น ถึงนายก โยะชิกิอาจสงสัยตะหงิด ๆ ก็ตามที”

โทระโนะซุเกะนั่งนิ่งฟังคำสันนิษฐานรูปคดีอย่างเป็นขั้นตอนชัดเจนราวกับมองด้วยสายตาของพระผู้เป็นเจ้าผู้รอบรู้สรรพสิ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ และรู้สึกว่าคำพูดแต่ละคำช่วยขจัดเมฆหมอกคลุมเคลือที่ปิดบังหัวคิดของตนอยู่นั้นหมดสิ้นไป นักดาบร่างใหญ่เดินตัวเบาสมองแจ่มใสกลับออกไปจากคฤหาสน์ไคชูแห่งฮิคะวะ
*
ภาพถ่ายโรงแรมอิมพีเรียลในสมัยเมจิที่อยู่ใกล้เคียงกับโระคุเมคัน
พอโทระโนะซุเกะกลับจากคฤหาสน์ไคชูมาถึงบ้านเขาก็รีบรุดไปหานักสืบเอกชินจูโรทันที ที่นั่นเขาพบฮะนะโนะยะกำลังนั่งคุมเชิงคอยอยู่ว่าเมื่อไรชินจูโรจะออกไปทำงานสักที แต่ดูเหมือนยังไม่ได้เวลาเพราะนักสืบเอกยังนั่งเล่นหมากรุกฝรั่งกับอังโงะเสมียนหนุ่มของเขาอยู่อย่างขมักเขม้น พอเห็นโทระโนะซุเกะเดินเข้ามาฮะนะโนะยะก็ร้องทักด้วยความยินดี

“อ้อ กลับมาแล้วเรอะพ่อนักสืบเอก หาตัวฆาตกรได้แล้วละซี”

“ฮะ ฮะ ฮะ แล้วทางคุณล่ะไปถึงไหนแล้ว”

“อ๋อ ก็รู้ตัวฆาตกรแล้วน่ะซี ทูตฟรังเก็นไงล่ะ เห็นทำหน้าเป็นคนใจดีอย่างนั้นที่แท้เป็นนักขว้างมีดฝรั่งมือฉมังเลยทีเดียว”

“ฮะ ฮะ ฮะ นักสืบบ้านนอกคนนี้ช่างฉลาดเฉียบแหลมเสียเหลือเกินที่มองว่าทูตฟรังเก็นเป็นฆาตกร เข้าตำราที่ว่าคนที่ทำอะไรตบตาให้ใคร ๆ เห็นเป็นอีกอย่างได้นั้นมันต้องไม่ธรรมดาอย่างนั้นละซี ผมคิดว่าคุณต้องคิดหนักนะถ้ามองแบบนี้”

พอดีกับจ่าชิกะโซเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยจัด ตำรวจผู้เฒ่าคนนี้เป็นคนทำงานอย่างเอาจริงเอาจังมาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ข้อดีของเขาคือเมื่อได้รับคำสั่งให้ทำอะไรแล้วเป็นต้องทำอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกกระเบียดนิ้วจนลุล่วงทุกครั้งไป ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังได้รับคำสั่งจากชินจูโร จ่าชิกะโซก็ออกตระเวนสืบไปทั่วอย่างไม่หยุดยั้งจนเกือบไม่ได้นอนทั้งคืนจนกระทั่งกลับมานี่ ตำรวจผู้เฒ่าเดินเข้ามาจนชิดตัวชินจูโรแล้วรายงานว่า

“คนที่คอยอยู่ที่ร้านยูสึกิคือ ฮิโระชิ นะคะโซะโนะ ขอรับ”

“นะคะโซะโนะ ทนายหน้าหอคนที่ 1 ของคุณคะโน ที่หายสาบสูญไปเมื่อสามปีที่แล้ว”

“ใช่แล้วขอรับ ที่กระผมรู้ก็เพราะโชคดีที่คุณนายเจ้าของร้านยูสึกิเล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดปัง คุณนายเล่าว่าราว ๆเที่ยงของวันเกิดเหตุมีชายคนหนึ่งที่นางไม่รู้จักมาหาและบอกว่านะคะโซะโนะสั่งให้มาแจ้งข่าวว่าตอนนี้ตนกลับมาจากเมืองจีนแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะแสดงตัวเพราะงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เขาอยากพบท่านคะโนเพื่อรายงานให้ทราบไว้ชั้นหนึ่งก่อนโดยจะมาคอยอยู่ที่ยูสึกิในตอนเย็น พอคุณคะโนทราบเรื่องเข้าก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และเห็นเป็นเรื่องแปลกมากเพราะเขาส่งนะคะโซะโนะไปทำงานที่เมืองจีนก็จริง แต่ระหว่างทางเรือที่โดยสารไปเกิดอุบัติเหตุจมลงในทะเลบริเวณน่านน้ำเก็งไคนะดะ ซึ่งคิดว่าไม่น่ารอดชีวิตมาได้ขอรับ”

ชินจูโรพยักหน้า

“อย่างนั้นหรือคุณจ่า ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้แหละ แล้วนายนะคะโซะโนะมาที่ร้านยูสึกิหรือเปล่าครับ”

“เปล่าขอรับ จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มาปรากฏตัวเลย”

“ก็ไม่น่าจะมานะ และอาจไม่มาเลยตลอดกาลก็ได้ แล้วยังไงต่อ”

“ทางด้านยูสึกิมีเพียงเท่านั้นขอรับ ส่วนพฤติกรรมของคุณนายอะสึโกะนั้นน่ะสืบยากจริง ๆ นอกจากเรื่องของนายทะโดะโคะโระที่ชัดเจนแล้วคนอื่น ๆ ยังคลุมเคลือมาก แต่ที่แน่ ๆ คือคุณนายคนนี้ชื่อเสียงไม่ดีเลยขอรับ เขาลือกันไปทั่วว่าระยะนี้นางมีอะไร ๆ กับทูตฟรังเก็นเป็นพิเศษ กระผมเดินสืบไปทั่วทุกหัวระแหงแล้ว ได้มาแค่นี้เองแหละขอรับ
**โระคุเมคัน สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ.1883 บนพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงเรมอิมพีเรียลและสวนฮิบิยะ (ปัจจุบัน) ใจกลางกรุงโตเกียวเป็นอาคารสองชั้นแบบตะวันตกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ ใช้เป็นที่จัดงานสังคมในบรรดาชนชั้นสูงและแขกผู้มีเกียรติชาวต่างประเทศซึ่งได้แต่ ทูตานุทูตและพ่อค้าคนสำคัญ เป็นต้น โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสมัยนั้นต่างพาภริยาและบุตรสาวมาร่วมงานเลี้ยงอาคารค่ำพร้อมทั้งเต้นรำเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรี เป็นการแสดงออกความเป็นอารยะประเทศของญี่ปุ่นในช่วงที่กำลังมีการแก้ไขปรับปรุงสนธิสัญญากับประเทศตะวันตก นโยบายส่งเสริมความสัมพันธ์กับตะวันตกเริ่มเฉื่อยลงเมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศลาออกจากตำแหน่งเมื่อปี 1887 ซึ่งทำให้บทบาทของ “การทูตโระคุเมคัน” เริ่มซบเซาลงตามไปด้วย ต่อมาโระคุเมคันได้กลายเป็นสโมสรขุนนางชั้นสูง และถูกรื้อทิ้งไปในปี 1940(นายโกะเฮ คะโน คิดว่าจะจัดงานลีลาศต้อนรับลูกชายกลับจากเมืองนอกที่โระคุเมคันแห่งนี้ แต่ญาติมิตรแนะนำให้จัดที่คฤหาสน์ซึ่งคงโอ่โถงไม่แพ้กัน และได้พบกับจุดจบอย่างน่าอนาถ)

(โปรดติดตามตอนต่อไป)
กำลังโหลดความคิดเห็น