ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่จำเป็นต้องขอโทษต่อการทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มประเทศญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก ถึงแม้ว่าผู้นำสหรัฐฯจะเดินทางเยือนเมืองฮิโรชิมา เพื่อแสดงจุดยืนเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะเดินทางจะเยือนฮิโรชิมาในวันที่ 27 พฤษภาคม หลังจากเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือ G7 โดยเขาจะเป็นผู้นำสหรัฐฯคนแรกที่เดินทางเยือนฮิโรชิมาในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง
ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงว่า ประธานาธิบดี โอบามา จะไม่หวนกลับไปกล่าวถึงการตัดสินใจทิ้งระเบิดโจมตีฮิโรชิมา และไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นเรื่องความถูกต้อง หรือผิดพลาดของการตัดสินใจครั้งนั้น หรือกล่าวขออภัยต่อชาวญี่ปุ่น
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์ NHK ก่อนที่เขาจะเดินทางมาเยือนญี่ปุ่น ว่า เขาความปรารถนาให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ และตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของสงคราม
ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า ตัวเขาเองเหลือเวลาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่อีกไม่กี่เดือน ช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีให้ตัวเขาเองได้ไตร่ตรองถึงเรื่องสงคราม
จุดประสงค์ของเขาในการเยือนฮิโรชิมานั้น ไม่ใช่เพียงแค่การกลับไปย้อนดูประวัติศาสตร์ แต่เพื่อยืนยันว่า มีผู้บริสุทธิ์จากทุกฝ่ายเสียชีวิตในสงคราม เราควรจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อส่งเสริมสันติภาพ และให้ได้มาซึ่งโลกที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์
เมื่อสอบถามว่า ประธานาธิบดี โอบามา จะรวมคำกล่าวขออภัยไว้ในข้อความที่เขาจะกล่าวต่อบรรดาผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูหรือไม่?
ผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า เขาจะไม่กล่าวขออภัยเพราะต้องยอมรับว่าท่ามกลางสงครามนั้น คนเป็นผู้นำต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ทุกรูปแบบ การตั้งคำถามและพิจารณาตรวจสอบนั้นเป็นหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์ แต่เขาทราบดีในฐานะที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศมาอย่างน้อย 7 ปีครึ่งที่ผ่านมา ว่า คนเป็นผู้นำทุกคนตัดสินใจเรื่องที่ยากลำบากยิ่ง โดยเฉพาะในภาวะสงคราม
ประธานาธิบดี โอบามา ระบุว่า บรรดาประเทศหลัก ๆ ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองนั้น ไม่ควรสร้างอาวุธใหม่เพิ่มเติมอีก ที่ผ่านมา ตัวเขาเองพยายามเจรจากับรัสเซียจนเกิดสนธิสัญญาเพื่อการจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับที่ 2 ขึ้น แต่หลังจากนั้น รัสเซียไม่ได้แสดงออกว่าจะดำเนินการอะไรเพิ่มเติมอีกเพื่อลดการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ประธานาธิบดี โอบามา กล่าวด้วยว่า ภัยคุกคามที่สำคัญที่สุด คือ อาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองของเกาหลีเหนือ เพราะเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ยังแสดงพฤติกรรมยั่วยุถึงแม้ประชาคมนานาชาติจะคว่ำบาตรก็ตาม