รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - "บารัค โอบามา" ได้กลายเป็นประธานาธิบดีอเมริกาที่ยังอยู่ในตำแหน่งรายแรกที่ไปเยือนฮิโรชิมา ซึ่งโดนโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูแห่งแรกของโลก เป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตรต่อกันของอเมริกาและญี่ปุ่น รวมถึงฟื้นฟูความพยายามที่จะขจัดอาวุธนิวเคลียร์
ก่อนที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เรื่องของการจะไปเยือนนั้นได้ทำให้เกิดการถกเถียงกันมาก โดยนักวิจารณ์กล่าวหาว่า ในขณะที่เรียกร้องให้มีระงับอาวุธปรมาณู ทั้งสองฝ่ายกลับเลือกใช้ประโยชน์จากอนุสรณ์สถาน กับการชี้ประเด็นที่ฟังดูขัดแย้งกันเองในเรื่องนโยบายป้องปรามนิวเคลียร์
รัฐบาลของทั้งสองชาติหวังว่าการที่โอบามาไปเยือนฮิโรชิมา ที่ถูกโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 จะช่วยแสดงให้เห็นถึงการประนีประนอมและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นไปอีกระดับ ระหว่างสองชาติที่เคยเป็นอดีตศัตรูกัน
บรรดาผู้ช่วยได้บอกว่า เป้าหมายหลักของผู้นำสหรัฐฯ ในฮิโรชิมา ที่เขาจะมีการวางพวงหรีดที่อนุสรณ์สถานนั้นคือแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะขจัดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลด้านสันติภาพในปี 2009
โอบามาบอกว่าเขาจะให้เกียรติผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่จะไม่ขอโทษสำหรับการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งหลังจากใช้ที่ฮิโรชิมา ยังมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่สองกับเมืองนางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 จากนั้นญี่ปุ่นก็ยอมแพ้ในอีก 6 วันต่อมา
ชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่าการใช้ระเบิดนิวเคลียร์นั้นจำเป็น เพื่อหยุดยั้งสงครามและรักษาชีวิต แต่นักประวัติศาสตร์ก็ยังข้องใจกับมุมมองแบบนั้น ซึ่งชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขายังไม่ได้รับความยุติธรรม
ทำเนียบขาวมีการถกเถียงกันมาก ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ ที่โอบามาละเมิดข้อห้ามที่ใช้มานานนับทศวรรษ เรื่องที่ประธานาธิบดีอเมริกาไปเยือนฮิโรชิมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่มีการเลือกตั้ง
เหล่าผู้ช่วยของโอบามาได้คลี่คลายปฏิกิริยาเชิงลบส่วนใหญ่ของบรรดาทหารผ่านศึกแดนปลาดิบ โดยยืนกรานว่าโอบามาไม่ใช่คนที่ตัดสินใจให้ทิ้งระเบิด