หากซากุระเป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ ดอกบ๊วยหรือดอกเหมยก็คือตัวแทนของฤดูหนาว และขณะนี้เป็นช่วงเวลาทองที่จะชื่นชมกับดอกบ๊วยบาน เป็นความงามในช่วงเหมันตฤดูจะผ่านพ้นไป และต้อนรับวสันตฤดูที่กำลังจะมาเยือน
ปราสาทโอซากาที่แข็งแกร่งด้วยก้อนหินขนาดยักษ์จำนวนมาก ดูอ่อนโยนลงถนัดตา เมื่อต้นบ๊วยนับพันต้นบานสะพรั่งพร้อมกัน แต่งแต้มสีสันสวยงามส่งท้ายฤดูหนาว และงดงามไม่แพ้ซากุระ
ปีนี้เป็นโอกาสทองในการชมดอกบ๊วยที่บานสะพรั่งยาวนานกว่าปกติ เนื่องจากช่วงต้นปีมีอากาศหนาวเย็น โดยที่ปราสาทโอซากาเป็นสถานที่พิเศษเนื่องจากมีต้นบ๊วยนับพันต้น กว่า 100 สายพันธุ์ซึ่งมีสีสันหลากหลายตั้งแต่ สีขาวบริสุทธิ์, สีชมพู, เหลือง ไปจนถึงสีแดงสดใส และยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย
บ๊วยเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน จากนั้นจึงได้ขยายพันธุ์ไปปลูกในประเทศญี่ปุ่น, เกาหลี และเวียดนาม ดอกบ๊วยสามารถบานสะพรั่งได้ท่ามกลางหิมะและอากาศที่หนาวเย็น ชาวแดนอาทิตย์อุทัยจึงรับค่านิยมมากจากจีนว่า บ๊วยเป็นพืชที่เป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูหนาวคู่กับต้นสนและไม้ไผ่ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “สามสหายแห่งวสันตฤดู”
หลายคนอาจไม่ทราบว่า ชาวญี่ปุ่นชมความงามของดอกบ๊วยก่อนซากุระ โดยตั้งแต่สมัยนะระ (奈良;Nara; พ.ศ. 1253 – 1336) ชนชั้นสูงของญี่ปุ่นล้วนแต่ชมดอกบ๊วยบาน ดอกบ๊วยจึงมีฐานะเป็น “สุดยอดแห่งบุปผา” มาแต่ไหนแต่ไร จนกระทั่งในสมัยเฮอัง (平安;Hēan; พ.ศ. 1337 – 1728) ถึงได้เปลี่ยนมาชมดอกซากุระแทน
สวนดอกบ๊วยที่ปราสาทโอซากามีจุดเริ่มต้นมาจาก บรรดานักเรียนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมคิตะโน ในจังหวัดโอซากา ได้ร่วมกันปลูกต้นบ๊วย 880 ต้น 22 สายพันธุ์ที่บริเวณสวนฝั่งตะวันออกของปราสาทโอซากาในปี 1974 ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งโรงเรียน
ต้นบ๊วยเหล่านี้ได้เจริญเติบโตขึ้นจนทุกวันนี้หลายเป็นสวนป่าขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว่า 17,000ตารางเมตร
ตลอดช่วงนี้ไปจนถึงปลายเดือนมีนาคม ดอกบ๊วยที่ปราสาทโอซากายังคงบานสะพรั่ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ตลอด 24ชั่วโมงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้ยังสามารถลิ้มรสไอศกรีม และขนมต่างๆที่ทำจากบ๊วย รวมทั้งสามารถหาซื้อเมล็ดพันธุ์บ๊วยไปปลูกที่บ้าน หรือขอคำแนะนำเรื่องการปลูกต้นบ๊วยและการทำสวนได้ด้วย.