สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้วครับ คราวที่แล้วผมเล่าเรื่อง ศาล 平将門 Taira no Masakado เป็นศาลที่เรียกได้ว่าเป็น パワースポット (power spot) มากที่สุดในโตเกียว ทำไมมีคนมาทำบุญกันมากมาย เคยมีปาฏิหาริย์อะไรบ้างอยากฟังไหมครับ อย่างที่เคยบอกไปว่าผมเคยอยากเขียนเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วแต่ไม่กล้า
ไม่รู้ว่าที่เมืองไทยมีไหมครับที่ก่อนจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นก่อนมีงานแสดงละคร หรือเริ่มกิจการใด ต้องมีการบูชาบอกกล่าวเทพเจ้าหรือเจ้าที่เจ้าทาง ที่ญี่ปุ่นก็มีกรณีแบบนี้เหมือนกัน เช่นที่โรงละครคาบูกิ 四ツ谷怪談 Yotsuya-Kaidan มีเรื่องเล่าคาบูกิน่ากลัวหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้คนญี่ปุ่นน่าจะรู้จักอยู่ การแสดงบางครั้งใช้เวลาเล่ายาวนานถึงสองวันกว่าจะจบ ก่อนที่จะเริ่มละครต้องมีการบอกกล่าวบวงสรวงเทพเจ้า เช่น เรื่องที่อิงมาจากเรื่องจริง มีคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมาจนวันหนึ่งสามีมีเมียน้อย และหาทางฆ่าภรรยาของตนเองโดยให้กินยาพิษ จนภรรยาตายไปจริงๆ จากนั้นเมื่อจะนำละครแบบนี้มาสร้างแล้วไม่ได้ไปกราบไหว้บวงสรวงหลุมศพของสาวคนที่ตาย เคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้นักแสดงคนที่มารับเล่นเรื่องนี้เสียชีวิตอยู่บ่อยๆ ผมเลยหวาดๆ ไม่กล้าเขียนเรื่องศาล 平将門 Taira no Masakado ก่อนที่ผมจะขออนุญาตนั่นเอง
เมื่อประมาณ 150 ปีก่อนอำนาจของโชกุนลดลง จักรพรรดิ์ย้ายจากเกียวโตมาที่โตเกียว แล้วเมืองโตเกียวและญี่ปุ่นก็ค่อยๆ พัฒนามากขึ้นเรื่อยมา บริเวณที่ตั้งวังอิมพีเรียลของจักรพรรดิ์ อยู่กลางใจเมือง รายล้อมไปด้วยตึกสูงมากมาย ส่วนตำแหน่งที่ฝั่งศีรษะของท่านมาซากะโดนั้นเคยมีคนต้องการนำมาสร้างตึกและกระทรวงต่างๆ แต่เมื่อเริ่มนำพื้นที่มาปรับปรุงได้เพียงเล็กน้อยคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานตรงนั้นก็ค่อยๆ เสียชีวิตไปที่ละคนสองคน จึงคืนพื้นที่ทำเป็นศาลดังเดิม เมื่อครั้งจบสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก มีชาวอเมริกาเข้ามาญี่ปุ่น และก็คิดเช่นกันว่าพื้นที่กลางใจเมืองเช่นนี้ทำไมไม่พัฒนาเป็นตึกสูงหรือแหล่งทำเงิน ทางอเมริกาเองก็ไม่เชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณลึกลับนัก ก็มีทีมงานอยากจะใช้พื้นที่ตรงศาลนั้นทำสำนักงาน แต่เมื่อนำรถขุดเข้าไปพื้นที่อยู่ดีๆ คนขับรถก็ตายอย่างไม่รู้สาเหตุ ทำให้ต้องยกเลิกงานก่อสร้างตรงนั้นไป และเริ่มเป็นที่กล่าวขานกันหนาหูเรื่อยมาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้คนญี่ปุ่นเชื่อเรื่องอาถรรพ์ที่ตรงศาลแห่งนี้ และทำบุญให้มาตลอด
จนกระทั้งเปลี่ยนปีเป็นปีเฮเซย์(องค์จักรพรรดิ์ปัจจุบัน) มีคนเล่าว่าดาราตลกญี่ปุ่นคนหนึ่งไปศาลแล้วไม่ทราบว่าตั้งใจหรือบังเอิญเอาเท้าไปเตะที่ตัวแท่นของศาล ถึงเขาไม่เสียชีวิตแต่เกิดอะไรสักอย่างทำให้ดาราคนนั้นตกงานไม่มีงานตลอดสองสามปีเลย ก็เป็นเรื่องที่เล่ากันมานะครับ
นอกจากนั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดีอย่างเดียว ปาฏิหาริย์ด้านดีก็เกิดขึ้นบ่อยมาก เช่นมีพนักงานธนาคารระดับหัวหน้าที่เคยทำงานอยู่บริเวณธนาคารใกล้ๆ ศาลนี้ แล้วต้องย้ายไปประจำที่เมืองมะนิลา แล้วเกิดเหตุร้ายถูกผู้ร้ายจับตัวเรียกเงินค่าไถ่ ทางบ้านเล่าว่าไปขอให้ศาลท่านมาซากะโดช่วย แล้วก็ได้ผลคนญี่ปุ่นถูกปล่อยตัวกลับบ้านอย่างปลอดภัย จากนั้นมีคนที่ต้องการกลับบ้านกลับญี่ปุ่นไปกราบไหว้ขอพรก็ได้ตามสมประสงค์หลายเรื่อง มีการนำตุ๊กตาหรือรูปปั้นกบ (กบภาษาษญี่ปุ่น คือคำว่า かえる Kaeru พ้องกับศัพท์อีกคำที่แปลว่า กลับ กลับบ้านเป็นต้น )
เมื่อก่อนแฟนผมเคยเป็นไกด์นำเที่ยวพาคนไทยไปเที่ยวแบบจัดกลุ่มอิสระ มีลูกทัวร์กลุ่มหนึ่งพาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วพักที่โรงแรมอิมพีเรียลพอดี แฟนผมเลยถือโอกาสเล่าเรื่องศาลนี้ให้ลูกทัวร์ฟัง แล้วลูกทัวร์เกิดความสนใจให้พาไปไหว้ขอพร ดูแล้วกลุ่มลูกทัวร์เคารพศรัทธาศาลมาก ไม่รู้ว่าขอพรอะไรแต่ปัจจุบันลูกทัวร์ท่านนี้เปิดกิจการร่ำรวยและต้องมาญี่ปุ่นบ่อยๆ นี่เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างเท่านั้นเองครับ ศาลนี้ถ้าเปรียบไปคงศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับพระพรหมเอราวัณที่กรุงเทพมหานครเลยล่ะครับ
นอกจากนั้นมีคนเล่าว่า ปัจจุบันพนักงานที่มีแนวโน้มจะตกงาน หรือไม่อยากย้ายไปทำงานที่อื่นไกลๆ ก็มาขอพรกันเยอะ ออฟฟิศสำนักงานที่ตั้งรอบข้างศาลยังพยายามไม่ตั้งโต๊ะเก้าอี้ให้หันด้านก้นของตัวเองไปทางศาลเลยเพราะเกรงจะเป็นการไม่สุภาพ ช่วงที่ผมไปไหว้เคารพศาลครั้งล่าสุด ก็มีคนมากราบไหว้เยอะพอสมควร รวมทั้งคนที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาตร์ 歴女 rekijo
ในปัจจุบันนี้เมืองโตเกียวนับว่าเป็นอีกเมืองที่มีนักท่องเที่ยวสนใจมาท่องเที่ยวกันมากขึ้น เพื่อนๆ สามารถมาเที่ยวชมได้ทั้งเทคโนโลยีและวัฒนธรรมเก่าแก่ได้พร้อมกัน และถ้าเพื่อนๆ ท่านใดสนใจอยากไปไหว้เคารพศาล 平将門 Taira no Masakado สามารถเดินทางไปลงที่ รถไฟใต้ดินสถานี Otemachi น่าจะเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด เดินออกทางออกหมายเลข C5 ประมาณ 40 เมตรเองครับในหน้านี้ผมจะลงรูปแผนที่ไว้ด้วย เพื่อนๆ ลองดูครับ
ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ ถ้ามีโอกาสลองดูนะครับ
ไม่รู้ว่าที่เมืองไทยมีไหมครับที่ก่อนจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นก่อนมีงานแสดงละคร หรือเริ่มกิจการใด ต้องมีการบูชาบอกกล่าวเทพเจ้าหรือเจ้าที่เจ้าทาง ที่ญี่ปุ่นก็มีกรณีแบบนี้เหมือนกัน เช่นที่โรงละครคาบูกิ 四ツ谷怪談 Yotsuya-Kaidan มีเรื่องเล่าคาบูกิน่ากลัวหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้คนญี่ปุ่นน่าจะรู้จักอยู่ การแสดงบางครั้งใช้เวลาเล่ายาวนานถึงสองวันกว่าจะจบ ก่อนที่จะเริ่มละครต้องมีการบอกกล่าวบวงสรวงเทพเจ้า เช่น เรื่องที่อิงมาจากเรื่องจริง มีคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมาจนวันหนึ่งสามีมีเมียน้อย และหาทางฆ่าภรรยาของตนเองโดยให้กินยาพิษ จนภรรยาตายไปจริงๆ จากนั้นเมื่อจะนำละครแบบนี้มาสร้างแล้วไม่ได้ไปกราบไหว้บวงสรวงหลุมศพของสาวคนที่ตาย เคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้นักแสดงคนที่มารับเล่นเรื่องนี้เสียชีวิตอยู่บ่อยๆ ผมเลยหวาดๆ ไม่กล้าเขียนเรื่องศาล 平将門 Taira no Masakado ก่อนที่ผมจะขออนุญาตนั่นเอง
เมื่อประมาณ 150 ปีก่อนอำนาจของโชกุนลดลง จักรพรรดิ์ย้ายจากเกียวโตมาที่โตเกียว แล้วเมืองโตเกียวและญี่ปุ่นก็ค่อยๆ พัฒนามากขึ้นเรื่อยมา บริเวณที่ตั้งวังอิมพีเรียลของจักรพรรดิ์ อยู่กลางใจเมือง รายล้อมไปด้วยตึกสูงมากมาย ส่วนตำแหน่งที่ฝั่งศีรษะของท่านมาซากะโดนั้นเคยมีคนต้องการนำมาสร้างตึกและกระทรวงต่างๆ แต่เมื่อเริ่มนำพื้นที่มาปรับปรุงได้เพียงเล็กน้อยคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานตรงนั้นก็ค่อยๆ เสียชีวิตไปที่ละคนสองคน จึงคืนพื้นที่ทำเป็นศาลดังเดิม เมื่อครั้งจบสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก มีชาวอเมริกาเข้ามาญี่ปุ่น และก็คิดเช่นกันว่าพื้นที่กลางใจเมืองเช่นนี้ทำไมไม่พัฒนาเป็นตึกสูงหรือแหล่งทำเงิน ทางอเมริกาเองก็ไม่เชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณลึกลับนัก ก็มีทีมงานอยากจะใช้พื้นที่ตรงศาลนั้นทำสำนักงาน แต่เมื่อนำรถขุดเข้าไปพื้นที่อยู่ดีๆ คนขับรถก็ตายอย่างไม่รู้สาเหตุ ทำให้ต้องยกเลิกงานก่อสร้างตรงนั้นไป และเริ่มเป็นที่กล่าวขานกันหนาหูเรื่อยมาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้คนญี่ปุ่นเชื่อเรื่องอาถรรพ์ที่ตรงศาลแห่งนี้ และทำบุญให้มาตลอด
จนกระทั้งเปลี่ยนปีเป็นปีเฮเซย์(องค์จักรพรรดิ์ปัจจุบัน) มีคนเล่าว่าดาราตลกญี่ปุ่นคนหนึ่งไปศาลแล้วไม่ทราบว่าตั้งใจหรือบังเอิญเอาเท้าไปเตะที่ตัวแท่นของศาล ถึงเขาไม่เสียชีวิตแต่เกิดอะไรสักอย่างทำให้ดาราคนนั้นตกงานไม่มีงานตลอดสองสามปีเลย ก็เป็นเรื่องที่เล่ากันมานะครับ
นอกจากนั้นไม่ใช่เรื่องไม่ดีอย่างเดียว ปาฏิหาริย์ด้านดีก็เกิดขึ้นบ่อยมาก เช่นมีพนักงานธนาคารระดับหัวหน้าที่เคยทำงานอยู่บริเวณธนาคารใกล้ๆ ศาลนี้ แล้วต้องย้ายไปประจำที่เมืองมะนิลา แล้วเกิดเหตุร้ายถูกผู้ร้ายจับตัวเรียกเงินค่าไถ่ ทางบ้านเล่าว่าไปขอให้ศาลท่านมาซากะโดช่วย แล้วก็ได้ผลคนญี่ปุ่นถูกปล่อยตัวกลับบ้านอย่างปลอดภัย จากนั้นมีคนที่ต้องการกลับบ้านกลับญี่ปุ่นไปกราบไหว้ขอพรก็ได้ตามสมประสงค์หลายเรื่อง มีการนำตุ๊กตาหรือรูปปั้นกบ (กบภาษาษญี่ปุ่น คือคำว่า かえる Kaeru พ้องกับศัพท์อีกคำที่แปลว่า กลับ กลับบ้านเป็นต้น )
เมื่อก่อนแฟนผมเคยเป็นไกด์นำเที่ยวพาคนไทยไปเที่ยวแบบจัดกลุ่มอิสระ มีลูกทัวร์กลุ่มหนึ่งพาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วพักที่โรงแรมอิมพีเรียลพอดี แฟนผมเลยถือโอกาสเล่าเรื่องศาลนี้ให้ลูกทัวร์ฟัง แล้วลูกทัวร์เกิดความสนใจให้พาไปไหว้ขอพร ดูแล้วกลุ่มลูกทัวร์เคารพศรัทธาศาลมาก ไม่รู้ว่าขอพรอะไรแต่ปัจจุบันลูกทัวร์ท่านนี้เปิดกิจการร่ำรวยและต้องมาญี่ปุ่นบ่อยๆ นี่เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างเท่านั้นเองครับ ศาลนี้ถ้าเปรียบไปคงศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับพระพรหมเอราวัณที่กรุงเทพมหานครเลยล่ะครับ
นอกจากนั้นมีคนเล่าว่า ปัจจุบันพนักงานที่มีแนวโน้มจะตกงาน หรือไม่อยากย้ายไปทำงานที่อื่นไกลๆ ก็มาขอพรกันเยอะ ออฟฟิศสำนักงานที่ตั้งรอบข้างศาลยังพยายามไม่ตั้งโต๊ะเก้าอี้ให้หันด้านก้นของตัวเองไปทางศาลเลยเพราะเกรงจะเป็นการไม่สุภาพ ช่วงที่ผมไปไหว้เคารพศาลครั้งล่าสุด ก็มีคนมากราบไหว้เยอะพอสมควร รวมทั้งคนที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาตร์ 歴女 rekijo
ในปัจจุบันนี้เมืองโตเกียวนับว่าเป็นอีกเมืองที่มีนักท่องเที่ยวสนใจมาท่องเที่ยวกันมากขึ้น เพื่อนๆ สามารถมาเที่ยวชมได้ทั้งเทคโนโลยีและวัฒนธรรมเก่าแก่ได้พร้อมกัน และถ้าเพื่อนๆ ท่านใดสนใจอยากไปไหว้เคารพศาล 平将門 Taira no Masakado สามารถเดินทางไปลงที่ รถไฟใต้ดินสถานี Otemachi น่าจะเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด เดินออกทางออกหมายเลข C5 ประมาณ 40 เมตรเองครับในหน้านี้ผมจะลงรูปแผนที่ไว้ด้วย เพื่อนๆ ลองดูครับ
ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ ถ้ามีโอกาสลองดูนะครับ