ตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม ปี 2014 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับปรุงข้อกำหนดการซื้อสินค้าปลอดภาษี หรือ Duty free โดยเพิ่มจำนวนสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น และปรับปรุงขั้นตอนการขอคืนภาษีให้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปช็อปปิ้งในแดนอาทิตย์อุทัยได้ประโยชน์อย่างมาก....เราจะไปทำความเข้าใจกับขั้นตอนการซื้อสินค้าปลอดภาษีที่ประเทศญี่ปุ่นกัน
1. สินค้าประเภทใดเข้าข่ายคืนภาษีได้ ?
(1) สินค้ากลุ่มของกินของใช้ เช่น อาหาร ขนม เครื่องดื่ม ยา และเครื่องสำอางค์ จะต้องซื้อสินค้าในร้านค้าเดียวกันและวันเดียวกัน ขั้นต่ำ 5,000 เยน และสูงสุดไม่เกิน 500,000เยน
(2) สินค้าทั่วไป เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เครื่องประดับจะต้องซื้อสินค้าในร้านค้าเดียวกันและวันเดียวกัน ขั้นต่ำ10,000เยน ไม่มีกำหนดสูงสุด
2. มีข้อยกเว้นอะไรบ้าง ?
* ต้องซื้อสินค้าในร้านที่มีบริการคืนภาษีเท่านั้น สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าได้จากเว็บไซต์ http://tax-freeshop.jnto.go.jp/eng/shop-list.php
* จะต้องนำสินค้าออกจากประเทศญี่ปุ่น ห้ามเปิดหีบห่อนำออกมากินหรือใช้ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ
* เจ้าหน้าที่สามารถปฏิเสธการคืนภาษี หากพบว่าซื้อเพื่อทำการค้า
* ผู้ซื้อสินค้าจะต้องรับความเสี่ยงเอง หากศุลกากรที่ประเทศปลายทางจะปฏิเสธไม่ให้นำสินค้าเข้าประเทศ หรือเรียกเก็บภาษีที่ปลายทาง
3. หลังจากช็อปปิ้งแล้วต้องทำอย่างไร ?
ทางร้านค้าจะดำเนินการทำเอกสารคืนภาษีให้ โดยแนบกับหนังสือเดินทาง ซึ่งเอกสารนี้จะต้องนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ศุลาการ ณ สนามบิน เพื่อขอคืนภาษี
4. ใครมีสิทธิ์ขอคืนภาษีได้บ้าง ?
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังญี่ปุ่นทุกคนสามารถขอคืนภาษีได้ หากเงื่อนไขการซื้อสินค้าถูกต้องตามกฎระเบียบ
5. จะประหยัดค่าภาษีได้เท่าไร ?
การยกเว้นภาษีสำหรับนักท่องเที่ยว คือ การยกเว้นภาษีมูบลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งอัตราปัจจุบันคือ 8%
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น ได้จัดทำคลิปวีดิโอเพื่อแนะนำเรื่องการซื้อสินค้าปลอดภาษีในประเทศญี่ปุ่น