รถยนต์อาจจะเป็นพาหนะสำคัญสำหรับคนไทย แต่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีระบบขนส่งดีเยี่ยม ชาวญี่ปุ่นจะใช้รถส่วนตัวเฉพาะในวันหยุดและสุดสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งถึงแม้ราคาจำหน่ายรถยนต์ในญี่ปุ่นจะไม่แพงมากเมื่อเทียบกับรายได้ หากแต่เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่นิยมซื้อรถส่วนตัว คือ เจ้าของรถต้องแสดงหลักฐานว่ามีพื้นที่จอดรถ
อพาร์ทเมนท์และแมนชั่นส่วนใหญ่จะไม่มีที่จอดรถ และหากเช่าที่จอดรถจะต้องเสียค่าเช่าราวเดือนละ 30,000เยน (ประมาณ10,000บาท)
นอกจากซื้อรถเพื่อขับไปเที่ยวในวันหยุดแล้ว ชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งก็ซื้อรถด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องการเบียดเสียดในรถไฟ หรือยุ่งยากในการต่อสายรถไฟอันสลับซับซ้อนและใช้เวลามาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าตรู่หรือดึกดื่น การขับรถจะประหยัดมากกว่าการโดยสารแท็กซี่ เพราะแท็กซี่จะคิดค่าบริการเพิ่มเติมในช่วงเวลาพิเศษราว 30%
ค่าใช้จ่ายที่หนักอีกอย่าง คือ ค่าบำรุงรักษารถ ซึ่งรถทุกคันในญี่ปุ่นต้องเข้าตรวจสอบความปลอดภัยทุกๆ 2-3 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 90,000เยน (ราว30,000 บาท) ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยจึงใช้โอกาสนี้ซื้อรถคันใหม่ แทนที่จะจ่ายค่าบำรุงรักษา รวมทั้งค่าประกันภัยที่สูงขึ้นตามอายุของรถ
ชาวญี่ปุ่นมักจะเปลี่ยนรถค่อนข้างบ่อย เฉลี่ยทุกๆ 2-3 ปี ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ทั้งโตโยต้า นิสสัน ฮอนด้า ต้องมีธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์มือสองด้วย
ขณะเดียวกันธุรกิจเช่ารถก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยสามารถหารถเช่าใช้งานระยะยาวด้วยค่าเช่าที่คุ้มค่าเพียงเดือนละ 10,000 เยน (ราว 3,000บาท) เท่านั้น
เนื่องจากถนนในญี่ปุ่นค่อนข้างแคบ และบ้านก็แคบด้วย รถยนต์ที่ได้รับความนิยมจึงเป็นรถขนาดเล็กที่เรียกกันว่า "K Car" (Keijidousha) และยังนิยมรถที่มีแฮชแบ็กหรือกระโปรงหลังขนาดใหญ่ เพื่อบรรทุกของอีกด้วย นอกจากนี้ในระยะ 1-2 ปีนี้ รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าก็ได้รับความนิยมมากขึ้น.
1 วัน 1 อย่างกินอยู่ญี่ปุ่น นำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งของกินของใช้สุด “สุโก้ย” และ “คาวาอี้” ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นสู่สายตาชาวไทย.