ญี่ปุ่นคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยในมหกรรม “โตเกียว มาราธอน” งานวิ่งมาราธอนครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้
งาน “โตเกียว มาราธอน” จะเปิดฉากขึ้นในวันพรุ่งนี้ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ถูกยกระดับขึ้น หลังจากกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ได้สังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่น 2 คนอย่างเหี้ยมโหด ทำให้รัฐบาลแดนอาทิตย์อุทัยกังวลว่าญี่ปุ่นอาจตกเป็นเป้าของการก่อการร้าย
สำนักข่าว NHK ระบุว่า โตเกียว มาราธอนเป็นงานแข่งขันกีฬาที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก ทำให้อาจตกเป็นเป้าการโจมตีก่อการร้ายเหมือนเช่นเหตุระเบิดในงานบอสตัน มาราธอนที่สหรัฐฯเมื่อ 2 ปีก่อนได้ โดยทุกๆ ปีจะมีนักวิ่งร่วมงานโตเกียว มาราธอน มากกว่า 36,000 คน และหากรวมอาสาสมัครช่วยงาน ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่รอให้กำลังใจอยู่ข้างทางด้วยแล้ว ก็จะมีผู้คนมารวมตัวกันใจกลางกรุงโตเกียวถึงกว่า 1ล้าน 3แสนคน ทำให้มูลนิธิโตเกียว มาราธอนซึ่งเป็นผู้จัดงาน รวมถึงกองบัญชาการตำรวจมหานครโตเกียวจำเป็นต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัย
มาตรการป้องกันเหตุร้ายประกอบด้วยการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสอดส่องตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ยังจะมี "ตำรวจนักวิ่ง" เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมหมวกติดกล้องขนาดเล็ก ร่วมวิ่งไปพร้อมกับผู้ร่วมงานคนอื่นๆด้วย โดยตำรวจนักวิ่งจะแบ่งเป็น 8 ทีม ทีมละ 8 นายวิ่งประกบนักวิ่งไปตลอดเส้นทาง เจ้าหน้าที่ยังจะเฝ้าวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดตามร้านสะดวกซื้อและจุดอื่น ๆ ที่อยู่ตามเส้นทางวิ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีบุคคลและวัตถุน่าสงสัยเล็ดรอดสายตาไปได้
ทางด้านนักวิ่งและผู้เข้าร่วมงานจะต้องรับการตรวจสัมภาระ และตรวจจับโลหะก่อนเข้ายังพื้นที่บริเวณจุดเริ่มต้น นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้นักวิ่งนำเครื่องดื่มบรรจุขวดพลาสติกเข้าไปในบริเวณ เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบของเหลวภายในนั้นได้
มาตรการรักษาความปลอดภัยที่นำมาใช้ในการแข่งขัน “โตเกียว มาราธอน” ครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อม ก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกในปี 2020 โดยผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ภัยคุกคามจากการโจมตีก่อการร้ายจะไม่หมดไปก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการที่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอเอส สังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่น ก็เป็นบทพิสูจน์ว่ากลุ่มก่อการร้ายได้มองว่าญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรกับชาติตะวันตกในการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม รัฐบาลญี่ปุ่นจึงจำเป็นต้องเตรียมมาตรการรับมือเหตุวินาศกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา.