คนไทยได้อะไร? เมื่อ ปลดล็อกกัญชา
.
ผลทางกฎหมายจากการที่พืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดอีกต่อไป จึงกล่าวโดยสรุปได้ดังนี้
.
1. ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีหรือจำเลยที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลในความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาดังกล่าวพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
.
2. สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (5)
.
3. ศาลไม่อาจขังผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ในระหว่างสอบสวนหรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาลได้ อีกต่อไป ดังนั้น เมื่อสำนวนความปรากฏแก่ศาลก็ต้องยกเลิกการฝากขัง ปล่อยตัวผู้ต้องหา หรือตรวจคืนหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว (ถ้ามี) หรือหากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
.
4. คดีความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จำเลยที่ได้รับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลงดังนั้น หากจำเลยอยู่ระหว่างการถูกกักขังแทนค่าปรับ ศาลก็ต้องปล่อยตัวจำเลยเนื่องจากไม่มีโทษปรับที่จะกักขังแทนค่าปรับต่อไปได้ หรือหากจำเลยอยู่ระหว่างการคุมความประพฤติ ก็ต้องยกเลิกการคุมความประพฤติ และหากจำเลยอยู่ระหว่างการถูกจำคุกในการกระทำความผิดฐานอื่นด้วย ก็จะต้องมีการแก้ไขหมายจำคุกเพื่อยกเลิกการบังคับโทษสำหรับความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชา
.
5 ไม่อาจนำคดีความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาซึ่งศาลเคยมีพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกจำเลยในคดีก่อนมาเป็นเหตุเพิ่มโทษ บวกโทษ หรือไม่รอการลงโทษในคดีหลังได้ เนื่องจากตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ดังที่กล่าวไป ถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาในคดีก่อน
.
6. พืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อีกต่อไป จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 134
.
cr :เรื่องเล่าเช้านี้
.
#ปลดล็อกกัญชา