ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันนำโดย บมจ.ปตท. และ บมจ.บางจาก ได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกลงทุกชนิด 0.20 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ E85 คงเดิมมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่เห็นชอบปรับเพิ่มขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งเบนซิน และดีเซล เฉลี่ย 20 สตางค์ต่อลิตร ทำให้เดิมผู้ควรปรับลดราคาขายปลีกลงเฉลี่ย 0.40 บาทต่อลิตร
ผลการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ราคาใหม่เป็นดังนี้
- เบนซิน 95 เป็น 32.36 บาทต่อลิตร
- แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 25.25 บาทต่อลิตร
- E20 เป็น 22.74 บาทต่อลิตร
- E85 คงเดิมที่ 18.39 บาทต่อลิตร
- ดีเซล 23.99 บาทต่อลิตร (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด)
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากที่กระทรวงการคลัง จัดเก็บภาษีสรรพสามิต ทั้งดีเซลและเบนซินเพิ่ม 20 สตางค์/ลิตร มีผลวันพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) ไม่ได้ส่งผลให้ทำให้ประชาชนมีภาระเพิ่มขึ้น เพราราคาน้ำมันขายปลีกไม่ปรับขึ้น นอกจากนี้ จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง ค่าการตลาดที่สูง ผู้ค้าน้ำมันจึงสามารถปรับลดราคาน้ำมันให้กับประชาชนได้
ปัจจุบันจากราคาน้ำมันที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำทำให้การใช้น้ำมันมียอดเติบโตขึ้นตลอด โดยกลุ่มเบนซินมีประมาณ 29 ล้านลิตร/วัน ดีเซล ประมาณ 62 ล้านลิตรต่อวัน รวม 91 ล้านลิตรต่อวัน การเก็บภาษีเพิ่มขึ้นครั้งนี้ รัฐบาลจะได้รายได้เพิ่มขึ้น 18 ล้านบาท/วัน หรือประมาณ 6,500 ล้านบาทต่อปี จากที่ปัจจุบันอัตราภาษีน้ำมัน เบนซินอยู่ที่ 6.30 บาทต่อลิตร ก็เพิ่มเป็น 6.50 บาท/ลิตร และดีเซลก็จะเพิ่มจาก 5.65 บาทต่อลิตร เป็น 5.85 บาทต่อลิตร
