นพ.โสภณ เมฑธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือของประเทศไทย สัปดาห์นี้มีความรุนแรงขึ้น โดยพบว่า ค่า PM10 หรือ ค่าระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก ณ วันที่ 14 มีนาคม 2557 มีค่าสูงกว่าระดับมาตรฐาน (120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) 8 จุด จาก 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ (2 จุด, 129 และ 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร), จังหวัดลำปาง (1 จุด 154 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร), จังหวัดเชียงราย (2 จุด, 136 และ 146 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร), จังหวัดแม่ฮ่องสอน (1 จุด, 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร), จังหวัดแพร่ (1 จุด, 125 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร), จังหวัดพะเยา (1 จุด, 149 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) เนื่องจากฝุ่นละอองนี้มีขนาดเล็กมากทำให้แขวนลอยอยู่ในอากาศได้นาน หากเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์จะก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเนื้อเยื่อบริเวณนั้น และจะสะสมจนประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง และทำให้คนที่อยู่ในที่โล่งนานๆ มีอาการแสบตา ตาแดง น้ำตาไหล คอแห้ง ระคายคอ หายใจติดขัด เหนื่อยง่าย และแน่นหน้าอก เป็นต้น จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคโดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เชียงใหม่ กรมควบคุมโรคพบว่า กลุ่มโรคทางเดินลมหายใจในสัปดาห์นี้ มีอัตราป่วยสูงสุด (556.96 ต่อแสนประชากร) รองลงมา คือกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคตาอักเสบ และ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ ตามลำดับ
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพจากหมอกควัน ได้แก่ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และโรคระบบทางเดินลมหายใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่สูบบุหรี่ เป็นต้น ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัวและการลดการสัมผัสหมอกควัน ดังนี้1) ปิดประตูหน้าต่างบ้านให้มิดชิดอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาเช้า เนื่องจากหมอกควันจะลอยต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสหมอกควัน เพราะสถานการณ์หมอกควัน มักจะเกิดเป็นเวลานานหลายเดือน 2) การลดระดับฝุ่นในบ้าน ประชาชนควรทำความสะอาดบ้าน ของใช้ภายในบ้าน โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้สะอาด เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่สะสม หลีกเลี่ยงการใช้ไม้กวาดทำความสะอาด เพราะจะทำให้ฝุ่นกระจายมากยิ่งขึ้น 3) ลดกิจกรรมการใช้แรงมากๆ เช่น ออกกำลังกาย ในที่โล่งแจ้ง เวลาเช้า และที่มีปริมาณหมอกควันในอากาศจำนวนมาก เพราะการออกกำลังกายจะเพิ่มการหายใจเอาอากาศเข้าสู่ร่างกาย 10-20 เท่า 4) ลดปัจจัยการเพิ่มระดับฝุ่นหรือมลพิษที่มีอยู่ในช่วงหมอกควัน เช่น การสูบบุหรี่ การใช้เตาถ่าน การใช้สเปรย์ฉีดพ่นในบ้าน การจุดเทียน การทำอาหาร การกวาดพื้น เป็นต้น 5) สวมหน้ากากป้องกันโรค หรือ ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก เพื่อลดการสูดหมอกควัน 6) ผู้ที่ใช้รถยนต์ สามารถลดปริมาณมลพิษจากหมอกควันภายในรถยนต์ได้โดยการปิดหน้าต่าง และควรปรับระบบปรับอากาศภายในรถยนต์ให้เป็นระบบใช้อากาศหมุนเวียนภายใน