ภาคเหนือแย่หนักพบ 5 จังหวัดฝุ่นละอองพุ่งปรี๊ด แต่ไม่พบจำนวนผู้ป่วยเพิ่ม สธ.สั่งเฝ้าระวังใกล้ชิด ย้ำทุกโรงพยาบาลเตรียมยาเวชภัณฑ์พร้อมให้บริการผู้ป่วย 24 ชั่วโมง สำรองหน้ากากอนามัยแล้ว 500,000 ชิ้น
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังฝุ่นละอองหมอกควันใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่า วันที่ 13 มี.ค.จังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดคือ 120 ไมโครกรัมต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร มี 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตรวจวัดได้ 142 ไมโครกรัม พะเยา ตรวจวัดได้ 132 ไมโครกรัม เชียงใหม่ ตรวจวัดได้ 128 ไมโครกรัม น่าน ตรวจวัดได้ 126 ไมโครกรัม และแพร่ ตรวจวัดได้ 123 ไมโครกรัม แต่จากการเฝ้าระวังโรงพยาบาล 73 แห่งจาก 8 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 2-8 มี.ค.ไม่พบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมทั้งในกลุ่มเสี่ยง 4 โรค คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคตาอักเสบ และโรคผิวหนัง พบรวม 51,179 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่พบได้ตามปกติอยู่แล้ว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า หมอกควันหรือฝุ่นละอองในอากาศ หากมีจำนวนมากจะมีผลต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น เกิดอาการระคายเคืองตา แสบตา แสบจมูก น้ำมูก น้ำตาไหล ตาแดง ไอ คอแห้ง เจ็บคอ คออักเสบ หายใจลำบาก อึดอัด แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคหัวใจ จะกระตุ้นให้มีอาการรุนแรงมากขึ้นและง่ายกว่ากลุ่มอื่น ดังนั้นประชาชนควรหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม สธ.ให้โรงพยาบาลทุกระดับ ติดตามสถานการณ์หมอกควันและคุณภาพอากาศ ค่าฝุ่นละออง และประเมินผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จัดเตรียมยาเวชภัณฑ์ที่จำเป็นพร้อมให้บริการผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้ความรู้ คำแนะนำประชาชนผ่านสื่อต่างๆ
“ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เชียงใหม่ ได้สำรองหน้ากากอนามัยไว้ 500,000 ชิ้น พร้อมสนับสนุนพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน และเตรียมทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชน ให้งดเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ผู้ที่มีโรคประจำตัวให้เตรียมยาประจำตัวไว้ให้พร้อม หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือใช้หน้ากากอนามัยชนิดผ้า ปิดปากจมูก หากมีอาการหายใจไม่สะดวก แน่นอึดอัด เจ็บหน้าอก ขอให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน” ปลัด สธ.กล่าว
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังฝุ่นละอองหมอกควันใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยกรมควบคุมมลพิษ พบว่า วันที่ 13 มี.ค.จังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดคือ 120 ไมโครกรัมต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร มี 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตรวจวัดได้ 142 ไมโครกรัม พะเยา ตรวจวัดได้ 132 ไมโครกรัม เชียงใหม่ ตรวจวัดได้ 128 ไมโครกรัม น่าน ตรวจวัดได้ 126 ไมโครกรัม และแพร่ ตรวจวัดได้ 123 ไมโครกรัม แต่จากการเฝ้าระวังโรงพยาบาล 73 แห่งจาก 8 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 2-8 มี.ค.ไม่พบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมทั้งในกลุ่มเสี่ยง 4 โรค คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคตาอักเสบ และโรคผิวหนัง พบรวม 51,179 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่พบได้ตามปกติอยู่แล้ว
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า หมอกควันหรือฝุ่นละอองในอากาศ หากมีจำนวนมากจะมีผลต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น เกิดอาการระคายเคืองตา แสบตา แสบจมูก น้ำมูก น้ำตาไหล ตาแดง ไอ คอแห้ง เจ็บคอ คออักเสบ หายใจลำบาก อึดอัด แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคหัวใจ จะกระตุ้นให้มีอาการรุนแรงมากขึ้นและง่ายกว่ากลุ่มอื่น ดังนั้นประชาชนควรหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม สธ.ให้โรงพยาบาลทุกระดับ ติดตามสถานการณ์หมอกควันและคุณภาพอากาศ ค่าฝุ่นละออง และประเมินผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จัดเตรียมยาเวชภัณฑ์ที่จำเป็นพร้อมให้บริการผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้ความรู้ คำแนะนำประชาชนผ่านสื่อต่างๆ
“ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เชียงใหม่ ได้สำรองหน้ากากอนามัยไว้ 500,000 ชิ้น พร้อมสนับสนุนพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน และเตรียมทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชน ให้งดเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ผู้ที่มีโรคประจำตัวให้เตรียมยาประจำตัวไว้ให้พร้อม หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือใช้หน้ากากอนามัยชนิดผ้า ปิดปากจมูก หากมีอาการหายใจไม่สะดวก แน่นอึดอัด เจ็บหน้าอก ขอให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน” ปลัด สธ.กล่าว