ทำอย่างไรเมื่อลิฟท์ค้าง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ลิฟท์ค้างได้มีเพียง 3 กรณีเท่านั้น ได้แก่
1.กระแสไฟฟ้าดับ
ในอาคารที่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Generator) หรือชุด Bettery Back up ลิฟท์จะค้างทันทีที่ไฟดับ และเมื่อได้รับการจ่ายกระแสไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ระบบควบคุมจะสั่งให้ลิฟท์เคลื่อนตัวไปยังชั้นที่ใกล้ที่สุด และใช้งานต่อได้ตามปกติ
2.อุปกรณ์นิรภัย (Safty Device) ตรวจพบสิ่งผิดปกติ
ในระหว่างการใช้งาน หากอุปกรณ์นิรภัยตรวจสิ่งผิดปกติ เช่น พบว่าอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนชำรุดหรือเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้งาน เช่น ประตูลิฟท์ถูกเปิดออก ลิฟท์จะหยุดการทำงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
3.ระบบควบคุมการทำงานขัดข้อง
กรณีนี้ลิฟท์จะไม่ค้างทันทีแต่จะเคลื่อนตัวสู่ชั้นที่ใกล้ที่สุด ประตูเปิดให้ผู้โดยสารออกอย่างปลอดภัยและหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อลิฟท์ค้าง
ลิฟท์ที่ได้มาตรฐานจะได้รับการออกแบบให้มีการใช้งานอย่างปลอดภัยมากที่สุดโดยเฉพาะระบบนิรภัยที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหากรณีลิฟท์ค้างไม่ว่าจะสาเหตุใด ขอแนะนำข้อควรปฏิบัติดังนี้
1.เมื่อลิฟท์ค้างอย่าตกใจจนเกินเหตุ ควรตั้งสติให้ดี และไม่ต้องกังวลว่าจะขาดอากาศหายใจเนื่องจากลิฟท์ได้ถูกออกแบบให้มีระบบระบายอากาศที่เพียงพอแม้ว่าพัดลมระบายอากาศจะไม่ทำงาน
2.กรณีไฟฟ้าดับ ชุดไฟส่องสว่างจากแบตเตอรี่สำรองฉุกเฉินจะทำงาน โดยให้แสงสว่างเพียงพอสำหรับการมองเห็น ให้กดปุ่มสัญญาณ EMERGENCY CALL ที่แผงปุ่มกด เพื่อขอความช่วยเหลือจากบุคลากรภายนอก
3.ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ที่กำลังให้ความช่วยเหลือ เช่น มีผู้โดยสารกี่คน มีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่และพยายามสังเกตชั้นที่ใกล้เคียงที่สุดก่อนที่ลิฟท์ค้างเพื่อทราบตำแหน่งค้างอยู่ผ่านทาง Interphone จากนั้นให้รอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
4.ขณะที่ทำการช่วยเหลือ ลิฟท์อาจจะมีการเคลื่อนที่เพื่อให้จอดตรงตำแหน่งระดับชั้น ดังนั้นระหว่างที่รอ อย่าพยายามงัดหรือเปิดประตูจากด้านในโดยเด็ดขาด
5.เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือจะต้องผ่านการฝึกอบรมและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกระทำการใดๆ โดยเด็ดขาด
6.การให้การดูแลบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี โดยช่างที่มีความรู้ความชำนาญการเปลี่ยนอุปกรณ์อะไหล่ตามคำแนะนำ และหลีกเลี่ยงการใช้อะไหล่เทียม จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุและช่วยยืดอายุการใช้งาน