เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่าระบุว่าได้ออกกฎหมายฉบับใหม่ที่กำหนดโทษจำคุกกับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์หรือประท้วงการเลือกตั้งที่พวกเขาวางแผนไว้ ซึ่งกำลังถูกกลุ่มฝ่ายค้านคว่ำบาตร
รัฐบาลทหารได้ยึดอำนาจในการรัฐประหารเมื่อปี 2564 ที่ก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองหลายฝ่าย และชูว่าการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้เป็นหนทางสู่สันติภาพ
กลุ่มฝ่ายค้านที่รวมถึงสมาชิกรัฐสภาที่ถูกโค่นล้มจากการยึดอำนาจของทหาร และผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ ต่างระบุว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกลอุบายในการสร้างความชอบธรรมให้กับการปกครองของรัฐบาลทหาร
หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ ออฟ เมียนมาร์ รายงานว่ากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการเลือกตั้งประชาธิปไตยแบบหลายพรรคจากการขัดขวาง การรบกวน และการทำลาย ได้ประกาศใช้เมื่อวันอังคาร (29)
ในเนื้อหาข้อความยาว 14 หน้าของกฎหมายระบุห้ามการพูด การรวมกลุ่ม การปลุกปั่นยุยง การประท้วง หรือแจกจ่ายใบปลิวเพื่อทำลายส่วนใดส่วนหนึ่งของกระบวนการเลือกตั้ง
บุคคลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจะเผชิญกับโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 7 ปี ขณะที่การกระทำความผิดที่กระทำเป็นกลุ่มอาจได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี
กฎหมายนี้ยังห้ามทำลายบัตรลงคะแนนและหน่วยเลือกตั้ง รวมถึงการข่มขู่หรือทำร้ายผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัคร และเจ้าหน้าที่การเลือกตั้ง โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
กฎหมายระบุว่าหากมีใครก็ตามถูกฆ่าระหว่างการพยายามที่จะขัดขวางการเลือกตั้ง ทุกคนที่เกี่ยวข้องในอาชญากรรมนี้จะต้องถูกลงโทษประหารชีวิต
พื้นที่ส่วนใหญ่ของพม่าอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลทหาร และเจ้าหน้าที่สำรวจสำมะโนประชากรของรัฐบางส่วนที่ถูกส่งตัวไปรวบรวมข้อมูลก่อนการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วต้องเผชิญกับการต่อต้านและภัยคุกคามด้านความปลอดภัย
ผลการสำรวจเบื้องต้นระบุว่าไม่สามารถรวบรวมข้อมูลจากประชากรประมาณ 19 ล้านคน จากทั้งหมด 51 ล้านคนของประเทศได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดด้านความมั่นคง
นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่ากลุ่มกองโจรต่อต้านการรัฐประหารและกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาลทหารอาจเปิดฉากโจมตีก่อนการเลือกตั้งเพื่อเป็นการส่งสัญญาณถึงการต่อต้านของพวกเขา
ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศปฏิเสธแผนการเลือกตั้งนี้โดยระบุว่าเป็นการฉ้อโกง
ทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่า กล่าวว่ารัฐบาลทหารของพม่ากำลังพยายามสร้างภาพลวงตาของการเลือกตั้งที่จะสร้างรัฐบาลพลเรือนที่ชอบธรรม.