เอเอฟพี - สื่อของทางการเวียดนามรายงานว่า ศาลเวียดนามกำลังพิจารณาคดีผู้ต้องหามากกว่า 40 คน วันนี้ (24) จากข้อหา ทำเหมืองทรายผิดกฎหมายในเขตพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อส่งแวดล้อมจากการใช้ทรัพยากรมากเกินไป
อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงระดับจังหวัดที่รับสินบนจำนวน 300,000 ดอลลาร์ เพื่ออนุญาตทำเหมืองในพื้นที่ดังกล่าว เป็นหนึ่งในผู้ต้องหา 44 คน ที่ต้องขึ้นศาลในนครโฮจิมินห์ ในคดีการทำเหมืองขุดทรายผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
การทำเหมืองทราย ที่ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในการก่อสร้าง ขยายตัวเฟื่องฟูอย่างมากในเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดคำเตือนถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เหวียน แถ่ง บิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดอานซยาง (An Giang) ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในทางมิชอบ
เขาและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกใบอนุญาตทำเหมืองทรายให้บริษัท Trung Hau 68 แม้ว่าจะไม่ผ่านคุณสมบัติก็ตาม รายงานของ Cong Ly หนังสือพิมพ์ศาลระบุ
เล กว่าง บิ่ง อดีตซีอีโอของบริษัทถูกกล่าวหาว่าติดสินบน ละเมิดกฎระเบียบการสำรวจและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และฟอกเงิน
ในระหว่างเดือน ธ.ค.2564 ถึงเดือน ก.ค.2566 บริษัทขายทรายได้มากกว่า 3.7 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นมูลค่าประมาณ 11.5 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์ Cong Ly
ในรายงานปี 2566 จากกลุ่มอนุรักษ์ WWF ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการทำเหมืองทรายเพื่อป้อนให้กับการก่อสร้างที่กำลังขยายตัวของเวียดนาม กำลังทำให้ทรัพยากรหมดสิ้นลงอย่างรวดเร็ว โดยทรัพยากรในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ที่เป็นอู่ข้าวของประเทศอาจหมดลงได้ภายในเวลาเพียงทศวรรษเดียว
เมื่อมีทรายน้อยลง การไหลของน้ำในแม่น้ำจะเบาและเร็วขึ้น และกระทบตลิ่งด้วยความเร็วที่มากขึ้น ส่งผลให้การกัดเซาะเกิดเร็วขึ้น
รายงานของสำนักงานป้องกันและควบคุมภัยธรรมชาติของเวียดนามระบุว่า ครัวเรือนประมาณ 20,000 หลังคาเรือนจำเป็นต้องย้ายที่อยู่เนื่องจากความเสี่ยงเหล่านั้น ขณะที่ WWF คาดการณ์ตัวเลขที่สูงกว่านี้มาก โดยระบุว่าประชาชนกว่าครึ่งล้านอาจต้องเสียบ้านเรือนของตนเอง
ทั้งนี้ คาดว่าศาลนครโฮจิมินห์จะมีคำตัดสินคดีในวันที่ 4 เม.ย. ด้านหนังสือพิมพ์ Cong Ly รายงานว่า เหวียน แถ่ง บิ่ง ได้จ่ายเงินคืนศาลแล้ว 300,000 ดอลลาร์.