รอยเตอร์ - การตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประชาชนในพม่า โดยความรุนแรงมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น โทมัส แอนดรูว์ ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่ากล่าว
แอนดรูว์กล่าวว่า การตัดความช่วยเหลือด้านอาหารและสุขภาพที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างกะทันหันนั้นทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายอยู่แล้วยิ่งรุนแรงขึ้น ท่ามกลางการโจมตีทางอากาศและความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลทหาร ที่ยึดอำนาจในปี 2564
“การถอนความช่วยเหลืออย่างกะทันหัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนในพม่าแล้ว” แอนดรูว์ กล่าวเสริม
หลังเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้สั่งระงับความช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน โดยรอการพิจารณาว่าโครงการความช่วยเหลือสอดคล้องกับนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนหรือไม่
แอนดรูว์ระบุว่า การประกาศตัดความช่วยเหลือต่อโครงการอาหารโลกเมื่อไม่นานนี้อาจทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันเลวร้ายลงไปอีก โดยเตือนว่ารัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า กำลังจะเผชิญกับความอดอยาก
เขายังอธิบายว่าประชาชนในพม่าสูญเสียการเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการด้านสุขภาพส่วนใหญ่ได้รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ
“นี่คือหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและโหดร้าย” แอนดรูว์ ระบุ
ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติเตือนว่าสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงเหล่านี้จะบีบบังคับให้ผู้คนตกเป็นเหยื่อของการแสวงประโยชน์ทางเพศ การค้ามนุษย์ และจะทำให้ผู้คนหลั่งไหลข้ามพรมแดนพม่าไปยังบังกลาเทศหรือพื้นที่อื่น
พม่าตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่ปี 2564 เมื่อกองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่ได้รับการเลือกตั้งของอองซานซูจี ที่ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงและกลายเป็นกองกำลังติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหารทั่วประเทศ.