เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่ากำลังบังคับใช้กฎหมายที่อนุญาตให้กองทัพเรียกตัวพลเมืองชายทุกคนที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี และผู้หญิงอายุ 18-27 ปี เข้ารับราชการทหารเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ตามการระบุของทางการวานนี้ (10) ในขณะที่กองทัพพยายามปราบปรามฝ่ายต่อต้านการรัฐประหารในปี 2564
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจในเดือน ก.พ.2564 ที่ยุติการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ดำเนินมาได้เพียงทศวรรษ และนำไปสู่การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่และการปราบปรามผู้เห็นต่าง
3 ปีต่อมา รัฐบาลทหารกำลังพยายามอย่างหนักที่จะปราบปรามการต่อต้านด้วยอาวุธที่ขยายเป็นวงกว้างต่อการปกครองของตน และเมื่อไม่นานนี้ ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างน่าตกตะลึงหลายระลอกต่อพันธมิตรกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์
รัฐบาลทหารออกประกาศเกี่ยวกับกฎหมายการรับราชการทหารของประชาชนที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.2567 กฎหมายดังกล่าวจัดทำโดยรัฐบาลทหารชุดก่อนๆ ในปี 2553 แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ ทีมข้อมูลของรัฐบาลทหารระบุ
คำแถลงในวันเสาร์ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม แต่ระบุว่ากระทรวงกลาโหมของรัฐบาลทหารจะออกข้อบังคับ ขั้นตอน คำสั่งประกาศ การแจ้งเตือน และคำแนะนำที่จำเป็นต่างๆ นอกจากนี้ คำแถลงไม่ได้ให้รายละเอียดว่าผู้ที่ถูกเรียกตัวจะต้องทำหน้าที่ใด
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเคยกล่าวว่าพวกเขากำลังดำเนินมาตรการเพื่อติดอาวุธให้กองกำลังทหารอาสา ขณะที่กองกำลังต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามทั่วประเทศ
“ระบบการรับราชการทหารที่เกี่ยวข้องกับทุกคนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเพราะสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในประเทศของเรา” ซอ มิน ตุน โฆษกของรัฐบาลทหาร กล่าวในข้อความเสียงที่เผยแพร่โดยทีมข้อมูลของกองทัพ
ตามกฎหมายเดิม กลุ่มอายุสำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่ ‘มีทักษะ’ อยู่ที่ 18-45 ปี และ 18-35 ปีตามลำดับ แม้ว่ารายละเอียดเกี่ยวกับ ‘ทักษะ’ ยังคงคลุมเครือก็ตาม
กฎหมายดังกล่าวยังกำหนดว่าในระหว่างการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน เงื่อนไขของการทำหน้าที่สามารถขยายระยะเวลาได้สูงสุด 5 ปี และผู้ที่เพิกเฉยต่อการเรียกตัวอาจถูกจำคุกในระยะเวลาเดียวกัน
รัฐบาลทหารพม่าประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหลังจากยึดอำนาจในปี 2564 และกองทัพเพิ่งขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน
นับตั้งแต่รัฐประหาร กองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่สนับนุนประชาธิปไตยได้เกณฑ์คนหนุ่มสาวหลายหมื่นคนเข้าร่วม และกำลังต่อสู้กับรัฐบาลทหารในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ในปลายเดือน ต.ค. พันธมิตรของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์เปิดฉากโจมตีร่วมกันในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐชาน ยึดดินแดนและเข้าควบคุมเส้นทางการค้าสำคัญไปจีน
ความสำเร็จของการโจมตีในพื้นที่ตอนเหนือและความล้มเหลวของกองทัพในการโจมตีตอบโต้ บั่นทอนขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับล่าง ตามการระบุของแหล่งข่าวทางทหารที่เอเอฟพีติดต่อด้วย
ประชาชนมากกว่า 4,500 คน เสียชีวิตในการปราบปรามผู้เห็นต่างของกองทัพ และมากกว่า 26,000 คน ถูกจับกุมตัว ตามการระบุของกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่น.
