MGR Online - จำนวนเหยื่อจากสงคราม "พันธมิตรภาคเหนือ-พม่า" ยังพุ่ง ชายแดนโกก้างตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้ลี้ภัยกว่า 12,000 คน ทางการจีนส่งแพทย์ข้ามมาช่วยดูแล ผู้อพยพ 700 คนถูกทหารพันธมิตรภาคเหนือกักอยู่บนถนนนาน 3 วัน ไม่มีให้ทั้งน้ำและอาหาร ในพื้นที่ว้าผู้เดือดร้อนกว่า 30,000 คน หลั่งไหลไปขอความช่วยเหลือ กองทัพว้าช่วยแรงงานพลัดถิ่น 400 คน ใช้เส้นทางอ้อมผ่านเชียงตุงไปตองจีเพื่อเดินทางกลับบ้าน
Eleven Media Group รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ฝ่ายบริหารเขตพิเศษหมายเลข 1 พื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง ร่วมกับมูลนิธิการกุศลและกลุ่มอาสาสมัครเพื่อสังคมของโกก้างและเมืองหลินชางของจีน ได้ร่วมกันเปิดพื้นที่พรมแดนรัฐชาน-จีน บริเวณหลักเขตแดนหมายเลข 125 ให้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ลี้ภัยจากการสู้รบที่กำลังดำเนินอยู่ในภาคเหนือของรัฐชาน โดยขณะนี้มีผู้ที่ต้องทิ้งบ้านเรือน ไร่นามาขอหลบภัยอยู่ในศูนย์แห่งนี้แล้วมากกว่า 12,000 คน
ศูนย์แห่งนี้ได้รับการสนับสนุนปัจจัยดำรงชีพที่จำเป็น ยารักษาโรค จากหลายภาคส่วน ทั้งจากเขตโกก้าง รวมถึงกลุ่มอาสาสมัครหลายองค์กรจากฝั่งจีน ส่งเจ้าหน้าที่และทีมแพทย์จำนวนกว่า 170 คน มาช่วยดูแลความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยจากการสู้รบเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม อาสาสมัครในศูนย์บอกว่า เนื่องจากในพื้นที่ภาคเหนือของรัฐชาน โดยเฉพาะในพื้นที่ปกครองตนเองโกก้างยังคงมีการสู้รบกันอยู่ จำนวนผู้ลี้ภัยที่เดินทางมายังศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งนี้จึงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ทำให้ขณะนี้ได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม ข้าวของเครื่องใช้จำเป็น เช่น เต็นท์ เครื่องนอน อุปกรณ์ที่ให้ความอบอุ่น ยากันยุง โดยแผนกบรรเทาสาธารณภัย พื้นที่ปกครองตนเองโกก้าง ได้จัดรถดับเพลิง 4 คัน เพื่อนำน้ำสะอาดมาส่งให้ผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิงแห่งนี้ได้ใช้บริโภค
วานนี้ (7 พ.ย.) ทหารของพันธมิตรภาคเหนือ ซึ่งตั้งด่านอยู่บนถนนเชื่อมระหว่างบ้านหม่านลิชูหว่ากับบ้านปาซินจ่อ ในเขตเมืองเล่าก์ก่าย ได้ปล่อยให้คาราวานผู้อพยพจำนวนกว่า 700 คน ที่เดินทางมากับยานพาหนะชนิดต่างๆ กว่า 200 คัน ผ่านจุดตรวจแห่งนี้ให้เดินทางต่อไปยังเมืองน้ำติ๊ด ในเขตพิเศษหมายเลข 2 พื้นที่ปกครองตนเองชนชาติว้า เพื่อลี้ภัยจากการสู้รบที่ได้เกิดขึ้นมานานกว่า 10 วัน ในเมืองเล่าก์ก่าย
คนเหล่านี้เดินทางออกจากเมืองเล่าก์ก่ายตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน แต่เมื่อมาถึงด่านแห่งนี้ ทหารพันธมิตรภาคเหนือประจำด่านได้กักรถทุกคันไว้ไม่ให้ผ่าน อ้างว่าต้องตรวจสอบรายละเอียดของผู้เดินทางเสียก่อน ทำให้ทุกคนต้องติดค้างอยู่บนถนนหน้าด่านแห่งนี้นานถึง 3 วันเต็ม จนแต่ละคนอยู่ในสภาพอิดโรยเพราะบนถนนไม่มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และห้องน้ำ เมื่อทหารประจำด่านเปิดทางให้ผ่านไปได้ ทุกคนจึงเร่งมุ่งหน้าเพื่อเดินทางไปรับความช่วยเหลือจากทหารของกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ที่จัดสถานที่รอไว้ให้อยู่ที่เมืองน้ำติ๊ด
Eleven Media Group มีรายงานอีกว่า ในพื้นที่ปกครองตนเองชนชาติว้าซึ่งอยู่ติดลงมาทางทิศใต้ของพื้นที่ปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ขณะนี้มีผู้ลี้ภัยจากสงครามระหว่างพันธมิตรภาคเหนือกับกองทัพพม่าเข้ามาอาศัยอยู่แล้วมากกว่า 30,000 คน กองทัพสหรัฐว้าได้จัดพื้นที่ในเมืองน้ำติ๊ด เปิดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่เดือดร้อนเหล่านี้
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้บริหารพื้นที่ปกครองตนเองชนชาติว้าได้อำนวยความสะดวกให้แรงงานต่างถิ่นจำนวน 400 คน กับรถบรรทุกใหญ่อีก 12 คัน เดินทางออกจากศูนย์พักพิงชั่วคราวไปเมืองเชียงตุง เพื่อใช้ทางหลวงหมายเลข 4 เดินทางต่อลงไปพื้นที่ตอนใต้ของรัฐชาน โดยทางหลวงหมายเลข 4 เป็นถนนที่เชื่อมจากเมืองเชียงตุงไปเมืองตองจี และต่อไปถึงมัณฑะเลย์ ซึ่งแม้เป็นเส้นทางที่อ้อมมากหากเทียบกับทางหลวงหมายเลข 3 แต่เป็นเส้นทางที่ปลอดภัย เพราะไม่มีการสู้รบ
แรงงานต่างถิ่นและรถบรรทุกเหล่านี้เข้าไปทำงานกับภาคการค้า การส่งออก ในเขตชิงส่วยเหอ เมื่อสงครามเกิดขึ้นทุกคนต่างต้องการอพยพกลับบ้านเกิดของตน แต่ไม่สามารถไปได้เพราะทหารพันธมิตรภาคเหนือได้ปิดเส้นทางไว้หมด จึงอพยพเข้ามาลี้ภัยในพื้นที่ปกครองตนเองของว้า และขอใช้พื้นที่ว้าเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางกลับบ้าน
อู ญีราน หัวหน้าสำนักประสานงานกองทัพสหรัฐว้าในเมืองล่าเสี้ยว ในฐานะโฆษกกองทัพสหรัฐว้า บอกกับ Eleven Media Group ว่า ฝ่ายบริหารพื้นที่ปกครองตนเองชนชาติว้าได้ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่เป็นแรงงานจากต่างถิ่นที่ต้องการเดินทางกลับบ้านเกิดของตน โดยมอบเงินให้แรงงานเหล่านั้นคนละ 100 หยวน เติมน้ำมันเต็มถังให้ยานพาหนะทุกคันที่จะพาแรงงานเหล่านี้กลับบ้าน
หลังการสู้รบเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในภาคเหนือของรัฐชาน จากปฏิบัติการ 1027 ที่พันธมิตรภาคเหนือ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพโกก้าง (MNDAA) กองทัพตะอั้ง (TNLA) และกองทัพอาระกัน (AA) พร้อมกันบุกโจมตีและยึดที่มั่นทางทหารของกองทัพพม่าซึ่งตั้งอยู่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจจีน-พม่า บนทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 ตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 27 ตุลาคม 2566 เป็นต้นมา ทำให้สงครามขยายวงกว้างไปหลายเมืองในภาคเหนือของรัฐชาน ตั้งแต่ชายแดนรัฐชาน-จีนในเมืองหมู่เจ้ น้ำคำ ป่างซาย เมืองโก เล่าก์ก่าย ชิงส่วยเหอ ต่อลงมาเมืองก๊ตขาย กุ๋นโหลง แสนหวี ล่าเสี้ยว จ๊อกแม จนถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างรัฐชานกับภาคมัณฑะเลย์ที่เมืองหนองเขียว ในหุบเขาก๊กเทค
การสู้รบส่งผลกระทบต่อชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไปแล้วนับร้อยคน และประชาชนนับแสนคนที่จำเป็นต้องทิ้งบ้านเรือน ไร่นา ไปซ่อนตัวอยู่ในป่า ไปขออาศัยวัดเป็นที่หลบภัยจากสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ
ถนนหลักหลายสายในภาคเหนือของรัฐชาน โดยเฉพาะทางหลวงหมายเลข 3 และ 34 ถูกปิด ไม่มีรถสัญจรผ่าน เพราะทหารพันธมิตรภาคเหนือได้เข้าควบคุมเส้นทางไว้หมด ส่งผลต่อเนื่องให้การขนส่งสินค้าที่จีนกับพม่าซื้อขายกันผ่านด่านชายแดนหมู่เจ้และชิงส่วยเหอ ต้องหยุดชะงักไปเป็นเวลานานกว่า 10 วันแล้ว.